ไอเดียรีโนเวตบ้านของคุณนุ่น-ศิริมล และคุณดาเรน มัวร์ ซึ่งทั้งคู่ตัดสินใจเลือกซื้อบ้านเก่าแล้วช่วยกันออกแบบตกแต่งเองทั้งหมด เพื่อให้ได้บ้านตามมู้ดโทนที่ชื่นชอบ โดยมิกซ์แอนด์แมตช์เฟอร์นิเจอร์เก่า-ใหม่เข้าด้วยกัน ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นสไตล์ใดสไตล์หนึ่ง หลักๆ คืออยากให้บรรยากาศของบ้านอบอุ่น อยู่สบาย และมีพื้นที่ใช้สอยตอบโจทย์ลงตัวกับการใช้งานจริงๆ
“ก่อนหน้านี้เราเช่าบ้านอยู่ แล้วเริ่มคิดว่าอยากมีบ้านที่เป็นของเราจริงๆ สักหลัง เลยลองเปิดดูแผนที่ในมือถือว่าละแวกโซนใกล้ๆ มีโครงการหมู่บ้านอะไรบ้าง แล้วค่อยๆ เข้าไปดูทีละโครงการ สุดท้ายเราตัดสินใจเลือกบ้านหลังนี้แม้ว่าจะเป็นบ้านเก่า เพราะโลเคชันใกล้กับที่ทำงานคุณดาเรน มีรถไฟฟ้า BTS เดินทางสะดวก ได้ขนาดพื้นที่มากกว่าเมื่อเทียบกับบ้านใหม่ในราคาเท่าๆ กัน และการออกแบบตกแต่งส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่สไตล์ที่เราชอบ ยังไงก็คงต้องรื้อทำใหม่อยู่ดี” คุณนุ่นเริ่มต้นเล่าให้เราฟัง
เมื่อได้บ้านหลังที่ใช่แล้วก็ถึงเวลาต้องออกแบบตกแต่งตามสไตล์ที่ชอบแล้วล่ะ “แปลนบ้านเดิมเขาจะกั้นแบ่งเป็นห้องๆ ไว้ คุณดาเรนก็บอกให้ทุบๆๆ รื้อตรงนั้น เอาตรงนี้ออก จนคนที่มาช่วยดูซื้อขายบ้านให้เราถามว่าคุณดาเรนเป็นสถาปนิกหรือเปล่า (หัวเราะ) จริงๆ ไม่ใช่ เราแค่อยากได้พื้นที่ที่เปิดโล่ง เข้าบ้านมาแล้วสามารถมองเห็นได้ทั้งหมด จากนั้นก็เริ่มแพลนว่าจะรีโนเวตอะไรยังไงบ้าง แชร์ไอเดีย แล้วช่วยๆ กันออกแบบ”
หลังจากกวาดสายตาสำรวจพื้นที่โดยรอบ นอกจากสเปซจะออกแบบไว้อย่างเป็นสัดส่วนแล้ว เรายังเห็นถึงไอเดียการตกแต่งของแต่ละโซนที่ให้อารมณ์ความรู้สึกต่างกันไปด้วย “เราค่อยๆ ทำไปทีละส่วน ไม่ได้รีโนเวตให้เสร็จทั้งหมดในครั้งเดียว อยู่ไปทำไป เพราะอยากดูว่าแสงเข้าบ้านทางไหน ทิศทางของลมในแต่ละฤดูก็ไม่เหมือนกัน เวลาอยู่บ้านเราใช้ชีวิตประจำวันยังไงบ้าง เพื่อที่จะได้กำหนดฟังก์ชันให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และการใช้งานจริงๆ อย่างห้องครัวเราเข้ามาอยู่ก่อนประมาณ 1 ปีจึงเริ่มต่อเติม” คุณดาเรนช่วยเล่าเพิ่มเติม
“ถ้าอย่างนั้นเราเดินไปดูทีละส่วนแล้วคุยกันไปด้วยดีไหมคะ” คุณนุ่นเอ่ยชวนขึ้น “แปลนเดิมจะมีห้องเมดเราเปลี่ยนเป็นห้องทำงานคุณดาเรน เลือกใช้โทนสีเขียวให้ต่างกับส่วนอื่นของบ้าน ดีไซน์ขอบประตูโค้งแบบไม่มีหน้าบานเปิด-ปิด เพราะห้องเล็กอยู่แล้วจะได้ดูไม่อึดอัด”
ส่วนลิฟวิงกับห้องครัว“เรารื้อผนังที่กั้นระหว่างห้องกินข้าวกับห้องครัวก่อนหน้านี้ออก แล้วปรับเป็นลิฟวิงรูม เน้นสีขาวกับงานไม้ มุมนี้จะให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายๆ ใช้งานได้อเนกประสงค์ อย่างเวลามีญาติหรือเพื่อนๆ มาบ้านก็จะชอบนั่งเล่นปาร์ตี้กันตรงนี้ ห้องครัวจะเป็นส่วนที่เราต่อเติมใหม่ ขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้น ครัวเดิมค่อนข้างแคบ เราเป็นคนชอบทำอาหาร บวกกับมีลูกด้วยเลยอยากได้ครัวแบบ Open Space ถ้าเราทำอาหารอยู่ในครัวก็ยังสามารถมองเห็นกันได้ อย่างที่คุณดาเรนบอก เราเข้ามาอยู่แล้วค่อยๆ ทำไปทีละส่วน หลังคาห้องครัวที่เราอยากทำเป็นกระจกก็ต้องดูก่อนว่าแสงตั้งแต่เช้าถึงเย็นเป็นยังไง โชคดีที่มุมนี้จะโดนแดดแค่อ้อมๆ เลยทำให้ครัวได้แสงสว่างตลอดทั้งวันแต่ไม่ร้อน”
“เราออกแบบกำหนดแปลนครัวกันเองทั้งหมด ผมหาข้อมูล อ่านเรื่องการออกแบบห้องครัวเยอะมาก ทั้งเรื่องฟังก์ชัน พื้นที่ใช้สอย Kitchen Work Triangle ว่าควรกำหนดอย่างนี้ๆ จะช่วยให้เราหมุนตัวทำอาหารหยิบจับอะไรได้คล่องตัว ระยะทางเดินต้องขนาดเท่าไร ถ้าเริ่มต้นใช้งานจากส่วนนี้แล้วไปส่วนไหนต่อเป็นสเตปๆ” คุณดาเรนช่วยอธิบาย ก่อนที่คุณนุ่นจะเล่าต่อว่า…
“ตลกมากเลย ด้วยความที่อยากรู้ว่าเราต้องใช้งานอะไรบ้าง คุณดาเรนเขาเอาไม้ไผ่มาวางเป็นตำแหน่งต่างๆ แล้วให้เราลองไปยืนว่าถ้าทำกับข้าวมุมนี้จะหันไปหยิบของด้านไหน ถ้าซิงก์อยู่ตรงนั้นจะล้างจานสะดวกหรือเปล่า เพื่อกำหนดฟังก์ชันให้ตรงกับการใช้งานที่เราถนัดจริงๆ รวมไปถึงความสูง ความกว้างของเคาน์เตอร์ครัวด้วย”
สำหรับชุดครัวนี้คุณดาเรนกับคุณนุ่นบอกว่าเป็นของแบรนด์ KVIK หลังจากหาข้อมูลและไปดูชุดครัวที่โชว์รูมมาหลายแบรนด์ด้วยกัน ครัวของ KVIK ตอบโจทย์ลงตัวมากที่สุด ดีไซน์สวย คุณภาพวัสดุมีความแข็งแรงทนทาน ด้วยห้องครัวเป็นส่วนที่ใช้งานทุกวัน ไม่ว่าจะทำครัวหนักครัวเบาก็สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ และอีกเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกแบรนด์นี้เพราะสามารถคัสตอมความสูง ความกว้างของลิ้นชักและช่องจัดเก็บได้ตามต้องการ
และคุณนุ่นยังบอกเพิ่มเติมว่า “คือโจทย์ของเราค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่แรก กำหนดฟังก์ชันให้เรียบร้อยว่าอะไรอยู่ตรงไหน จากนั้นทาง KVIK จะช่วยปรับให้ทุกอย่างลงตัวพอดีกับพื้นที่และขนาดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนดีไซน์เราไม่ได้เน้นอะไรเป็นพิเศษ เรียบง่ายๆ หน้าบานเลือกเป็นโทนสีเทาแต่มองแล้วจะออกเขียวนิดๆ อยากให้ครัวเป็นคนละฟีลกับลิฟวิงที่ใช้สีขาวกับงานไม้สีอ่อน ทอปไอส์แลนด์เราเลยเลือกเป็นไม้วอลนัตสีเข้ม เวลาใช้งานไปนานๆ จะยิ่งเก่ายิ่งสวยดูคลาสสิก”
ถัดไปอีกด้านหนึ่งของบ้าน “ต่อเนื่องกันกับลิฟวิงตรงกลางจะเป็นโซนนั่งเล่นอีกมุม ให้ความรู้สึกเหมือน Family Room ไว้สำหรับเล่นเกมทำกิจกรรมกัน เวลาเพื่อนๆ ลูกมาบ้านเขาก็นั่งเล่นนั่งระบายสี ตอนแรกข้างๆ เป็นหน้าต่าง เราทุบออกแล้วทำเป็นประตูกระจกบานเลื่อนแทน จะได้เห็นวิวมากขึ้นและเปิดออกไปสนามเด็กเล่นได้เลย โซนนี้จะค่อนข้างคัลเลอร์ฟูล ดูป๊อปๆ มีทั้งเฟอร์นิเจอร์เก่าและใหม่ที่เอามามิกซ์แอนด์แมตช์กัน
“เยื้องกันจะเป็นห้องดูหนัง ดูทีวี นั่งเล่น อ่านหนังสือ ซึ่งบ้านเดิมเขาออกแบบยกสเตปพื้นไว้อย่างนี้ตั้งแต่แรกเลยให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากกว่าส่วนอื่นในบ้าน เราทาผนังเป็นสีน้ำเงินเข้ม เพราะอยากให้บรรยากาศของห้องนี้ดูผ่อนคลาย รีแลกซ์ๆ ตกแต่งสไตล์แอนทีก เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะเป็นมือสอง แต่ละชิ้นก็จะมีเรื่องราว”
หลังจากโฮมทัวร์เรียบร้อยคุณนุ่นบอกทิ้งท้ายว่า “จริงๆ เราไม่ได้มีสไตล์ชัดเจนว่าจะแต่งบ้านแบบไหน แค่อยากให้ทุกอย่างออกมาเป็นมู้ดโทนที่เราชอบมากกว่า อบอุ่น สบายๆ แต่ละมุมให้อารมณ์ความรู้สึกที่ต่างกัน นั่งตรงนี้เป็นฟีลหนึ่งพอย้ายไปตรงนั้นก็เป็นอีกฟีล เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นที่เห็นกว่าเราจะเจอดีไซน์ที่ใช่ที่ลงตัวกับมุมนั้นๆ ใช้เวลาเลือกอยู่นานเหมือนกัน บางอย่างก็ลองจัดลองวางดูก่อนว่าแบบนี้เข้าไหม โอเคหรือเปล่า เพื่อให้บ้านออกมาตรงใจอย่างที่เราชอบจริงๆ อยู่แล้วมีความสุข ทุกคนแฮปปี้”