Lifestyle & Cooking Place

Plant Workshop Café Co-Working Space กับบรรยากาศสวนในตึกแถว


.

Plant Workshop Café ไม่ได้เป็นร้านกาแฟหรือร้านขายต้นไม้แต่อย่างใด ทว่าเป็น Co-Working Space ย่านราชเทวีที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีคุณต้อม-กฤษฎา พลทรัพย์ และคุณออม-ดร. มนสินี อรรถวานิช ตั้งใจปลูกไว้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านและออฟฟิศของตัวเอง ก่อนจะเปิดให้ทุกคนเข้ามาใช้สเปซนั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือจะแวะมานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องต้นไม้ที่นี่ก็ยินดีต้อนรับ

ก่อนจะเป็น Plant Workshop Café
คุณต้อม : ก่อนหน้านี้ที่นี่เป็นทั้งบ้านและออฟฟิศของเรา แต่ตอนย้ายเข้ามาอยู่มันคาบเกี่ยวกับช่วงโควิด-19 กำลังระบาด เราเลยปรับการทำงานเป็นแบบฟรีแลนซ์แทน พื้นที่ส่วนออฟฟิศชั้น 2 กับชั้นล่างที่เราปลูกต้นไม้เป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนให้น้องๆ พนักงานแฮงเอาต์กันหลังเลิกงานก็ไม่ได้ถูกใช้งานทำอะไร เราก็รู้สึกว่ามันเสียพื้นที่ไปเฉยๆ โดยเปล่าประโยชน์ถ้าจะเป็นแค่บ้านอยู่อาศัยอย่างเดียว

คุณออม : พอเวลาผ่านไปหลังช่วงโควิดประมาณ 2 ปี ต้นไม้ที่เราปลูกไว้ก็เริ่มโตและเลื้อยไปตามผนัง จากพื้นที่โล่งๆ ก็เต็มไปด้วยต้นไม้แผ่กิ่งก้านใบ เริ่มดูรก (หัวเราะ) แต่เราก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ ไม่ได้เข้าไปจัดหรือทำอะไร อารมณ์เหมือนเราปลูกต้นไม้ไว้แล้วเอามาวางแต่งบ้านแต่งออฟฟิศมากกว่า ค่อยๆ แต่งค่อยๆ เติม เราชอบต้นไม้อยู่แล้วด้วย เวลาไปเจอต้นไหนสวยต้นไหนชอบก็ซื้อมาปลูก แต่กลายเป็นว่าพอมันเยอะขึ้นๆ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เริ่มสนใจ บางคนหยุดดู บางคนมายืนถ่ายรูป              

คุณต้อม : มีคนที่จะเปิดประตูเข้ามาบ่อยอยู่เหมือนกัน คงคิดว่าเราเป็นคาเฟ่หรือร้านขายต้นไม้หรือเปล่า ตอนนั้นก็คุยกันว่าถ้าอย่างนั้นเราเปิดให้คนมาใช้พื้นที่นั่งเล่น ทำงาน อ่านหนังสือดีไหม เพราะเราไม่ได้อยากทำร้านกาแฟ เลยเป็นที่มาของ Plant Workshop Café

เพราะเราต่างต้องการพื้นที่สีเขียว
คุณต้อม : หลังจากเปิดเป็น Co-Working Space ทำให้เห็นว่ามีกลุ่มคนที่ต้องการพื้นที่แบบนี้ให้เขาสามารถนั่งเล่นนั่งทำงานได้นอกเหนือจากบ้านหรือคอนโดฯ ของเขา เลยคิดว่าก็ดีเหมือนกัน แล้วที่เห็นชัดเจนคือทุกคนต่างต้องการพื้นที่สีเขียว โดยเฉพาะคนเมือง มีคนสนใจเข้ามาพูดคุยสอบถามเรื่องต้นไม้ อยากปลูกที่บ้านแบบนี้บ้าง ต้นนี้ชื่ออะไร ต้องปลูกแบบไหน บางคนเอาต้นไม้มาให้ช่วยดูว่ามันเป็นอะไร ทำยังไงให้มันไม่ตาย เลยกลายเป็นเหมือนคอมมูนิตีเล็กๆ ของคนที่ชอบต้นไม้หรืออยากปลูกได้มาแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน ซึ่งต้องออกตัวก่อนนะครับว่าเราไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ เป็นแค่คนที่ชอบปลูกต้นไม้เฉยๆ  

คุณออม : อย่างตอนนี้เราก็พยายามจะติดป้ายชื่อต้นไม้ไว้ เหมือนเป็นการให้ความรู้ไปในตัว เผื่อบางคนมาเห็นแล้วชอบ อยากไปหาซื้อมาปลูกที่บ้านตัวเองบ้าง พอเราปลูกต้นไม้ไปเรื่อยๆ มันจะรู้สึกชอบมากขึ้น รักที่จะปลูกมากขึ้นเวลาเห็นเขาเติบโตออกใบสวย อยากปลูกต้นอื่นอีก ต้นนู้นต้นนี้ มันเป็นความสุขของเราส่วนหนึ่ง แต่พอมีคนเข้ามาแล้วเขาชอบ บางคนมาแล้วบอกจะกลับไปปลูกบ้าง เพราะเห็นเราปลูกในตึกได้เขาก็น่าจะปลูกที่บ้านที่คอนโดฯ ได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นสวน ทำแบบนี้ก็ได้นี่ เราก็ยิ่งดีใจ

เพราะชอบ จึง (ทดลอง) ปลูก  
คุณออม : เราทั้งคู่โตมากับบ้านที่มีพื้นที่ มีสวนข้างบ้าน หลังบ้าน พอมาทำงานในเมืองมันไม่มีที่ให้ปลูกต้นไม้หรือทำสวนขนาดนั้น แต่เราก็ยังอยากให้มีสีเขียวๆ ของต้นไม้ใบไม้อยู่บ้าง ตอนอยู่คอนโดฯ เริ่มปลูกตรงระเบียง ปัญหาคือมีคอยล์ร้อน แดดก็แรง เราไม่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้เลยก็ย้ายขยับเข้ามาลองปลูกในห้องแทน เป็นแบบ Self-Watering ลองเอาผักบุ้ง สะระแหน่ที่แถมมากับส้มตำไปลองปักดู แล้วปรากฏว่ามันก็งอก เราเลยรู้สึกสนุกที่ได้เห็นมันเติบโต เห็นการเปลี่ยนแปลงของหน้าตา

คุณต้อม : เพราะก่อนหน้านั้นเราปลูกตรงระเบียงแล้วไปทำงานต่างจังหวัดกันประมาณ 5 วัน กลับมาต้นไม้แห้งตายหมด เลยลองหาวิธีว่าทำอย่างไรให้สต๊อกน้ำไว้ให้ต้นไม้ได้ นำขวดมาตัดทำเป็นเหมือนกระถางปลูก ด้านล่างใส่น้ำไว้แล้วหย่อนเชือกลงไปให้มันดูดน้ำขึ้นมา ผลคือต้นไม้อยู่ได้ไม่ตาย หลังจากลองทำจนเริ่มชำนาญเราก็หล่อแก้วขึ้นมา ดีไซน์ที่รดน้ำแบบไม่ให้ดินร่วงลงไป มีเชือกไว้ดูดน้ำ เป็น Self-Watering แบบของเราเอง เอาไปอวดเพื่อนอวดคนอื่นว่าเท่เนอะแต่ไม่ได้ทำขายนะครับ (หัวเราะ) จริงๆ คือเราทำงานประจำกันอยู่แล้วเลยไม่มีเวลาทำส่วนนี้เท่าไร

เน้นปลูกง่าย ไม่ซับซ้อน
คุณต้อม : สำหรับที่นี่ก็เหมือนกัน เราพยายามหาวิธีให้รดน้ำต้นไม้ได้ง่ายๆ เลยเน้นปลูกในกระถาง มีถาดรองไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำเลอะเทอะ เปลี่ยนมุมไปมาเคลื่อนย้ายได้สะดวก เวลาต้นไหนโทรมเราก็สามารถยกไปอนุบาลหลังบ้านได้ พอเขาฟื้นตัวเราก็เอากลับเข้ามาวาง ช่วงหลังๆ มานี้เราก็จะปลูกหลายต้นไว้ด้วยกันในกระถางยาว รดน้ำครั้งเดียวไม่ต้องแยกรดทีละต้นๆ เพื่อช่วยประหยัดเวลา แต่สุดท้ายแล้วการปลูกต้นไม้ก็ต้องใส่ใจ ต้องเรียนรู้ เพราะแต่ละต้นจะมีรายละเอียดของเขาอยู่ ต้นนี้ต้องรดน้ำทุกวันนะ ต้นนี้รดวันเว้นสองวันนะ

อย่างพันธุ์ของต้นไม้ก็เหมือนกัน เราจะเลือกต้นที่ปลูกง่ายๆ ไม่ยาก ไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ หรือไม่ก็จะดูเรื่องคอมโพสิชัน แพตเทิร์นต้นนี้จะเอาไปจัดวางไว้มุมไหน ถ้าอยากเอามาปลูกวางไว้บนโต๊ะต้นไหนจะเข้าฟอร์ม ใบแบบไหนสวย ใบของต้นไม้ที่นี่จึงค่อนข้างมีหลากหลายแบบ สีของใบด่างมากด่างน้อยแบบไหนสวยเราก็ไม่ได้ดูจากตรงนั้นเลย บางต้นเขียวทั้งใบถ้าเราชอบเราก็ว่าสวย            

คุณออม : เราเน้นปลูกไม้ใบ ส่วนใหญ่จะเป็นฟิโลฯ กับพลู เราชอบฟอร์มใบของฟิโลฯ ที่มีความเป็นป่าดงดิบ ดูเหมือนต้นไม้ในป่าลึก ค่อนข้างทน ไม่ต้องดูแลบ่อย แค่คอยเก็บใบที่เหี่ยวที่โทรมออกบ้าง ส่วนพลูเป็นไม้เลื้อยมีหลายพันธุ์ เวลาปลูกแล้วห้อยลงมาหรือปล่อยให้เลื้อยไปตามผนัง เรารู้สึกว่ามันทำให้สเปซดูมีชีวิตชีวา โดยที่เราไม่ต้องไปจัดการหรือบังคับฟอร์มอะไรเขาเลย แต่ถ้าใครอยากปลูกแบบได้ทั้งใบทั้งดอกแนะนำบีโกเนีย ใบสวย ส่วนดอกเขาจะน่ารักๆ ฟุ้งๆ

มีความเป็นธรรมชาติ
คุณต้อม : ด้วยข้อจำกัดของการปลูกต้นไม้ในเมืองแบบนี้คือมีแสงน้อย ดังนั้นต้นไม้ที่เราปลูกคงไม่ได้งามตามตำรา หรือสวยในแบบที่คนเล่นต้นไม้เขาเล่นกัน เราสองคนไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนั้น แค่ชอบปลูกต้นไม้ มองไปแล้วได้เห็นสีเขียวๆ เราพอใจแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ อยากเลื้อยไปไหนก็ไป บางต้นมองแล้วไม่สวยสมบูรณ์แบบ บางต้นเหมือนต้นไม้พิการ บางต้นเราก็คาดการณ์ไม่ได้ว่าโตไปกว่านี้แล้วจะเป็นยังไง อย่างยางอินเดียของเรายังโค้งเลื้อยไปตามแสงเลยไม่เหมือนเวลาคนอื่นปลูก

คุณออม : พูดเหมือนง่ายแต่เวลาไปปลูกจริงใช่ว่าจะง่ายสำหรับทุกคน ต้องค่อยๆ ใช้เวลาเรียนรู้ทำความเข้าใจ การปลูกต้นไม้ยังไงเราก็ต้องคอยหมั่นดูแลตัดแต่งกิ่ง เติมดินเติมปุ๋ยให้เขาบ้าง เราใช้ปุ๋ยคอกไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมีเขาก็อยู่ได้ไม่ตาย ถึงจะปลูกในบ้านแต่ก็ต้องเอาออกไปข้างนอกเพื่อให้ได้รับลมรับแสงอย่างเต็มที่เหมือนเป็นการชาร์จแบตเติมสารอาหาร ทริคอีกอย่างถ้าเราปลูกต้นเดียวมักจะไม่รอด ต้องปลูกไว้ด้วยกันหลายๆ ต้น สร้างสภาพแวดล้อมให้เขาพึ่งพากันเติบโต และช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศด้วย

“คำแนะนำสำหรับใครที่เป็นมือใหม่ ถ้าอยากปลูก ลงมือปลูกเลยครับ! ตายก็เปลี่ยน ไม่รอดก็ซื้อมาปลูกใหม่” คุณต้อมบอกทิ้งท้าย

Facebook : Plant Workshop Café
เปิดทุกวัน 10.00-19.00 น.
– มีเครื่องดื่มและขนมราคาน่ารักๆ พร้อมเสิร์ฟ
– มีวัสดุและส่วนผสมดินแบ่งขาย เริ่มต้นตักละ 10 บาท


You Might Also Like...