Design Kitchen & Home

SPACE of HAPPINESS ต่อเติมเพิ่มพื้นที่ (ความสุข) ให้บ้านเรา


ด้วยบ้านทาวน์โฮมมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ประกอบกับลูกๆ เริ่มโต คุณอุ๊ก-ธนิดา และคุณโม-ทสิ ตรังคฤหัสถ์ บอกว่าก่อนนี้ก็รู้สึกว่าสเปซในบ้านกว้างขวางเพียงพอ ทว่าตอนนี้ดูเหมือนจะแคบเกินไปสำหรับสมาชิกครอบครัว 4 คน จึงเป็นที่มาของการต่อเติมส่วนข้างบ้านเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยและรองรับการใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น

“ตอนแรกเราต่อเติมแค่ครัวหลังบ้านไว้ใช้งาน ตามรูปแบบของทาวน์โฮมทั่วไป พออยู่อาศัยมา 12-13 ปี เราเริ่มเห็นบ้านทรุดโทรม โครงสร้างบางส่วนที่ต่อเติมเริ่มมีปัญหา ประกอบกับลูกๆ 2 คนเริ่มโต รู้สึกว่าพื้นที่เดิมไม่พอ ดูแน่นเกินไป เลยคุยกันกับพี่โมว่าถ้าอย่างนั้นรื้อสวนข้างบ้านแล้วทำส่วนต่อเติมกันดีไหมจะได้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่ม โดยแพลนแรกที่คิดไว้คือจะทุบครัวหลังบ้านออกแล้วย้ายมาทำครัวใหม่ตรงนี้แทน” คุณอุ๊กเล่าถึงที่มาที่ไปก่อนต่อเติมบ้านให้เราฟัง

จากตั้งใจว่าจะทำเป็นห้องครัว แต่แล้วแพลนก็ถูกปรับเปลี่ยนอีกครั้ง “คือเราไม่ได้มีไอเดียแต่แรกเหมือนกันว่าจะต้องออกแบบเป็น 2 ชั้นไหม พอดีผู้รับเหมาเขาดีไซน์ออกแบบให้เป็นดับเบิลสเปซ ซึ่งเราก็ชอบมากๆ เชื่อมต่อกันและดูไม่อึดอัด ทีนี้ถ้าจะใช้งานเป็นห้องครัวน่าจะไม่สะดวก เพราะมีเรื่องของกลิ่นควันเวลาทำอาหาร สุดท้ายเลยเปลี่ยนเป็นสเปซที่ทุกคนในครอบครัวสามารถใช้งานได้อเนกประสงค์แล้วกัน”

ส่วนที่ต่อเติมจึงให้ความรู้สึกเหมือนมีบ้านหลังเล็กๆ อีกหลังอยู่ด้านข้าง สามารถเดินไปมาหากันได้ด้วยการออกแบบให้มีทางเดินเชื่อมระหว่างบ้านทั้ง 2 หลัง โดยยกระดับพื้นให้เท่ากับตัวบ้าน ทั้งยังดีไซน์ให้มีหลังคาต่อเนื่องกันจึงไม่ต้องกังวลว่าแดดจะออกหรือฝนจะตก “ถึงจะดูเหมือนเชื่อมต่อกันแต่จริงๆ เราแยกโครงสร้างกันคนละส่วน ไม่ได้ติดกับตัวบ้านเดิม ลงเสาเข็มใหม่ทั้งหมดแล้วทำทางเดินเชื่อม อาจจะไม่สะดวกในแง่ที่ต้องเปิดประตูนี้ไปเข้าประตูนั้น แต่ระยะยาวเรามองว่าจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องดึงกันทรุดตัว”            

สำหรับสไตล์และโจทย์ในการออกแบบ คุณอุ๊กเล่าเพิ่มเติมว่า “โจทย์ตอนนั้นอยากให้เป็นทั้งที่นั่งเล่นพักผ่อน นั่งทำงาน ลูกๆ ได้นั่งเรียนออนไลน์ ทำการบ้าน หรือเวลามีเพื่อนมาบ้านก็เป็นส่วนต้อนรับ กินข้าว จัดปาร์ตี้สังสรรค์กลุ่มเล็กๆ กันได้ อีกอย่างคือเราตั้งใจอยากให้พี่โมเขาได้มีสเปซ มีมุมของตัวเองบ้าง (หัวเราะ) เพราะบ้านเดิมเรารีโนเวตใหม่แล้วตกแต่งสไตล์ฟาร์มเฮาส์ วินเทจๆ เน้นโทนสีขาว หลังนี้เลยอยากให้มู้ดมีความเท่ ดูแมนๆ สไตล์ลอฟต์ เลือกใช้สีโทนเข้มอย่างสีฟ้า สีเทา เข้ามาแล้วเป็นคนละอารมณ์กันเลย”

ชั้นล่างจะเป็นส่วนลิฟวิงเปิดโล่ง มีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่เป็นตัวเอกของพื้นที่ ใช้งานได้หลากหลาย รองรับทุกกิจกรรมได้แบบจบครบที่มุมนี้ พร้อมด้วยเก้าอี้และม้านั่งยาวให้เลือกนั่งตามใจชอบ นอกจากนี้ยังออกแบบให้มีครัวแพนทรีไว้สำหรับใช้งานง่ายๆ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและเติมเต็มฟังก์ชันให้ลิฟวิงสเปซสมบูรณ์แบบมากขึ้น ส่วนชั้น 2 ก็ยังคงเป็นพื้นที่สำหรับให้นั่งเล่น นั่งทำงาน เพียงแต่ให้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวมากกว่า            

“ถึงจะเปลี่ยนใจไม่ทำเป็นห้องครัวแล้ว แต่เราก็ยังอยากให้มีแพนทรีไว้เตรียมอาหาร เครื่องดื่มง่ายๆ มีอ่างล้างจานไว้เวลาเพื่อนมาปาร์ตี้กินข้าวจะได้ล้างแก้ว ล้างจาน หรือล้างมือกันได้สะดวกตรงนี้เลย ส่วนดีไซน์เพื่อนพี่โมที่เป็นสถาปนิกเขาช่วยออกแบบแล้วให้ช่างทำอีกที เป็นครัวบิลต์อินเน้นฟังก์ชันจัดเก็บ มีทั้งตู้และลิ้นชักใส่ของใต้เคาน์เตอร์ รวมถึงชั้นวางของติดผนังที่เรารีเควสไปว่าขอเป็นเชลฟ์เปิดโล่งได้ไหม สำหรับวางโชว์ของสะสม ของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ให้มุมแพนทรีดูสวยงามมีชีวิตชีวา ไม่เรียบจนเกินไป

“ถ้าถามว่าทำไมถึงเลือกโทนสีฟ้า คำตอบคือเราไปสั่งทำประตูห้องเก็บของที่เป็นสีฟ้ามาก่อน เลยลิงก์มาส่วนเคาน์เตอร์ครัวด้วยจะได้กลมกลืนเป็นเรื่องราวเดียวกัน และถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีกลิ่นอายความอบอุ่นๆ ของสไตล์ฟาร์มเฮาส์เข้ามาผสมผสาน เพราะเราอยากให้มู้ดโทนของบ้านทั้ง 2 หลังมันยังมีความต่อเนื่องเชื่อมโยง แต่ชั้นบนอาจจะขรึมๆ กว่า อย่างที่บอกว่าเราอยากให้มีโซนแมนๆ สำหรับคุณสามีบ้าง ส่วนเฟอร์นิเจอร์ก็จะเป็นโทนสีเข้มๆ หน่อย”

“โชคดีมากเลยครับ ส่วนต่อเติมเสร็จช่วงที่มีสถานการณ์โควิด-19 พอดีเลยใช้งานได้อเนกประสงค์จริงๆ จากที่จะไว้นั่งดูหนังฟังเพลงเลยเปลี่ยนมาเป็นพื้นที่สำหรับนั่งทำงานของเราทั้ง 2 คน แบ่งกันคนละมุม หรือไม่ก็แยกกันคนละชั้นไปเลย (หัวเราะ) บางทีอุ๊กมีประชุมและต้องใช้คอมฯ ทำงานเป็นหลัก ส่วนใหญ่เขาเลยจะนั่งทำงานอยู่ด้านบน ส่วนเราใช้โน้ตบุ๊กก็เปลี่ยนมุมไปเรื่อยๆ อย่างลูกๆ ก็มานั่งเรียนออนไลน์บ้าง ทำการบ้านบ้าง เราใช้งานได้เต็มที่มากๆ ทุกคนในบ้านก็แฮปปี้ เลยรู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิด เพราะตอนแรกเราลังเลจะไม่ยอมทำ อยากเก็บสวนไว้เดินเล่น ทั้งที่จริงๆ ก็ไม่ค่อยได้ออกมาเดินหรอก (หัวเราะ)” คุณโมช่วยคุณอุ๊กเล่าเพิ่มเติม

ก่อนที่คุณอุ๊กจะทิ้งท้ายว่า “ด้วยเราไม่ค่อยมีเวลาดูแลได้แบบ 100% เพื่อให้สวนสวยอยู่ตลอด มันก็ค่อยๆ ทรุดโทรมไป พอปรับเปลี่ยนมาทำแบบนี้ทุกคนก็มีความสุข เราเองก็ชอบก็แฮปปี้มากๆ มีพื้นที่เยอะขึ้น และได้ใช้ประโยชน์จริงๆ ส่วนห้องครัวตอนนี้เรามูฟตำแหน่งให้ไปอยู่ในบ้านหลักแทนแล้วค่ะ”


You Might Also Like...