หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า “ไม้” เป็นวัสดุที่มีเสน่ห์ ทั้งในเรื่องของความสวยงาม ความคงทน แข็งแรง แต่ด้วยราคาสูง หายาก และมักจะมีปัญหาเรื่องปลวก การยืดหด บิดงอ จึงมีการผลิตวัสดุทางเลือกที่เป็นไม้สังเคราะห์มาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ทำให้ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาเป็นช่วงขาลงของวงการไม้
แต่ในวันนี้หากใครที่มีใจรักงานไม้อย่างเต็มหัวใจ สามารถที่จะสัมผัสกับงานไม้ของแบรนด์ชาเล่ต์ (CHALE’T) ผลิตภัณฑ์ไม้จริง ที่ได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่มาเพื่อลบข้อจำกัดต่างๆ ของไม้ ก้าวสู่การเป็นผู้นำแห่งการแปรรูปไม้จริงเพื่อการอยู่อาศัย ด้วยการใส่ใจในทุกพันธุ์ไม้ที่คัดสรรมาจากไม้เนื้อแข็งพันธุ์ดีจากทั่วทุกมุมโลก และผ่านการผลิตที่ทันสมัย ช่วยสะท้อนคุณค่าความงาม และความแข็งแกร่งของไม้ให้เหมาะกับทุกๆ บ้านอย่างลงตัว
Chale’t Wood Academy ที่สร้างด้วยระบบ Prefab House
คุณคมวิทย์ บุญธำรงกิจ CEO บริษัท ไพร์ซ ออฟ วู้ด อินดรัสทรีส์ จำกัด ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการไม้มากว่า 25 ปี เริ่มธุรกิจนำเข้าไม้จากต่างประเทศ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ชาเล่ต์ กล่าวว่า “ด้วยประสบการณ์การทำธุรกิจไม้มา ไม้ในประเทศไทยยังไม่มีแบรนด์ เวลานึกถึงไม้เรามักจะนึกถึงชื่อเรียกของไม้ คือ ไม้สัก ไม้ยาง ไม้เต็ง เป็นต้น แต่เรากลับไม่นึกถึงเรื่องของแบรนด์ ถ้าถามว่าจะไปหาร้านค้าไม้ที่ทำครบวงจรทั้งระบบงานไม้ ในเมืองไทยยังไม่มีใครทำ ดังนั้นเราจึงวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องไม้ที่ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ คือ การปลูกป่า จนถึงการทำงานโครงสร้างไม้ระดับไฮเอนด์ จึงเป็นที่มาของแบรนด์ชาเล่ต์”
คุณคมวิทย์ บุญธำรงกิจ
“โดยการทำงานตั้งแต่ต้นน้ำคือการปลูกป่า เริ่มมาจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วสมาคมธุรกิจไม้ได้มีการพูดคุยคุยกัน และผมในฐานะอุปนายกสมาคมธุรกิจไม้ก็มองว่าในอดีตสมาคมฯ ก็ทำสัมปทานป่าไม้มา แต่เรายังไม่เคยสร้างป่า และถ้าวันหนึ่งทั่วโลกหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ ทุกอย่างก็หยุด ในวันนี้เราจึงตกผลึกที่จะเริ่มต้นทำกองทุนปลูกป่าแห่งชาติขึ้นมา ซึ่งทางรัฐบาลให้มีการปลูกป่าเพิ่ม 26 ล้านไร่ ในเบื้องต้นนี้ก็ตั้งเป้าปลูกป่า 1 หมื่นไร่ทั่วประเทศ โดยการสร้างเครือข่ายเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพปลูกสวนป่าขึ้นมา”
กลุ่มผลิตภัณฑ์ของชาเล่ต์ปัจจุบันมีครบวงจรตั้งแต่ประตูและหน้าต่าง ไม้พื้น ไม้ตกแต่ง ไม้อัดชาเลต์ ไม้ตกแต่งฮาร์ดวู้ด ไม้แปรรูป นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์รักษาเนื้อไม้ และอุปกรณ์งานติดตั้ง “สมัยก่อนบ้านเราจะขายไม้เป็นชิ้นๆ และให้ช่างนำไปประกอบ แต่ปัจจุบันเราทำเป็นระบบทั้งหมด ซึ่งเดิมเรามีโปรดักต์เพื่อใช้ในส่วนต่างๆ ของบ้านที่อยู่อาศัย ต่อมาได้พัฒนานำมารวมให้เป็นระบบนวัตกรรมการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Prefab House Modular System
โดยนำเรื่องของการออกแบบ การผลิต การติดตั้ง ต้นทุนการตลาดมาคิดและการจบหน้างานที่รวดเร็วและคุ้มค่าที่สุด เช่น เราสามารถสร้างบ้านหลังเล็กๆ ให้ลูกค้าได้ภายใน 7 วัน เสร็จพร้อมอยู่ได้เลย คือเราเปลี่ยนวีธีคิดใหม่ ซึ่งระบบ Prefab House จะช่วยควบคุมทั้งในเรื่องค่าใช้จ่ายและระยะเวลาก่อสร้างให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วกว่า อีกทั้งระบบการดีไซน์ของเราสามารถใส่ตู้ขนส่งได้ เพราะเราทำส่งออกด้วย ซึ่งโมเดลก็จะสามารถขยายได้ตามความต้องการของผู้บริโภค”
Café Amazon ก็ใช้ไม้จริงชาเล่ต์ในการตกแต่งร้านกว่า 170 สาขา
คุณคมวิทย์ยังอีกบอกว่า ปัจจุบันบริษัทได้ตั้งทีมสถาปนิกออกแบบขึ้นมา 6 คน เพื่อพัฒนางานดีไซน์ไม่ให้หยุดนิ่ง พร้อมที่ก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและแหล่งองค์ความรู้เรื่องไม้ มุ่งสู่การเป็นศูนย์รวมผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมไม้จริงแห่งการอยู่อาศัยครบวงจร (CHALE’T Inno Living) ด้วยแนวคิดหลัก 3 ประการ ได้แก่
Wood Engineering ด้านวิศวกรรมงานไม้ เพื่อให้บ้านมีการออกแบบที่แข็งแรง อ้างอิง Building Code เช่น ความเร็วลม แผ่นดินไหว, Wood Technology ด้านเทคโนโลยีงานไม้ เพื่อให้อาคารมีความทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน ด้วยระบบการอัดน้ำยาป้องกันมอด ปลวก รา แบบไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และ Wood Architecture ด้านสถาปัตยกรรมงานไม้ โดยขับเคลื่อนทั้ง 3 สิ่งนี้ไปพร้อมๆ กันอย่างสมดุลเพื่อที่จะทำให้เกิดงานดีไซน์ใหม่ๆ ขึ้นมา
ลานไผ่ Bamboo Learning Space
“อย่างวันนี้เรามีงานไม้ยางพารา งานไม้ไผ่ เพราะสมัยก่อนวงการไม้ที่ผ่านมาจะขายไม้เป็นชิ้นๆ ที่ไม่ได้ผ่านการอบ พอใช้งานไปก็หดตัว ไปทำวงกบก็บิด คนชอบไม้ก็เบื่อกับปัญหาตรงนี้ ดังนั้นไฟเบอร์ซีเมนต์จึงเห็นโอกาสในการทำสินค้ามาทดแทนไม้ ดึงตลาดไป 2 หมื่นล้านบาท ทำให้วงการไม้ซบเซา แต่ผมมองว่าจริงๆ มนุษย์ทุกคนชอบไม้กันทั้งนั้น แต่ทำไมไม้ขายไม่ดี ก็เพราะมีปัญหาบางอย่างที่เรายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เนื่องจากบำรุงรักษายาก หาช่างยาก ดังนั้นหน้าที่เราคือทำให้มันง่าย หนึ่งคือทำให้ไม้ราคาถูก
ตอนนี้ผมก็นำไม้ยางพารามาอัดน้ำยาให้มีความทนทาน การันตีอายุการใช้งาน 15 ปี และเราก็เป็นที่แรกของโลกที่มีโปรดักต์ไม้จริงทำสีสำเร็จ ซึ่งสีที่ทาลงไปในไม้จริงจะซึมลึกลงในเนื้อไม้ ไม่หลุดล่อนเป็นฟิล์ม ทำให้มีระยะเวลาใช้งานนาน หรือในงานดีไซน์เราก็นำ Wood Engineering เข้ามาส่งเสริม ดึงศักยภาพไม้ออกมาโชว์ ชูคอนเซ็ปต์เรื่อง Wood Solution และ Senses of Living คือการนำไม้มาใช้ในงานสถาปัตยกรรมไปจนถึงงานตกแต่ง งานเฟอร์นิเจอร์ อาคารเราก็จะกลับมาใช้โครงสร้างไม้ โชว์งานไม้ หรือฟินิชชิ่งภายนอกที่เป็นไม้ให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีการนำวัสดุอื่นเข้ามาผสมผสานเพื่อให้มาเบรกอารมณ์”
“ในส่วนของบ้าน Prefab House เราเน้นงานดีไซน์ที่ดึงธรรมชาติเข้ามาใกล้ชีวิตคนมากขึ้น เพราะปัจจุบันวิถีชีวิตคนค่อนข้างอยู่แปลกแยกจากธรรมชาติ ในงานออกแบบของเราจึงเน้นพื้นที่ที่เชื่อมต่อ Open Space ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังเล็กหรือหลังใหญ่เราจะมีพื้นที่เชื่อมต่อกับธรรมชาติ ดังนั้นคอนเซ็ปต์ในการออกแบบงานสถาปัตย์เราจะคำนึงถึงเรื่องคน สุขภาพกายใจ เรื่องสิ่งแวดล้อม แน่นอนการใช้ไม้ก็เป็นมิตรที่สุดกับโลก และนี่คือคอนเซ็ปต์รวมๆ ของเรา โดยในทีมดีไซน์ก็จะแบ่งโปรเจ็กต์ออกเป็น 4 ลักษณะคือ
Chale’t Wood Parkในส่วนของ Prefab House โครงสร้างห้องน้ำที่ผสมผสานงานไม้จริงชาเล่ต์ในหลายส่วน
แบบบ้านสแตนดาร์ด ถ้าลูกค้ามาเห็นแบบบ้านที่ Chale’t Wood Park ของเรา แล้วชอบก็สามารถสั่งตามแบบได้ แบบที่ 2 คือ Made to Order สำหรับลูกค้าที่ต้องการสั่งในปริมาณที่มากๆ เช่นอยากทำรีสอร์ต 10-20 หลัง เราก็จะออกแบบให้ตามที่ลูกค้าต้องการ แบบที่ 3 คือ ดีไซเนอร์ พาร์ตเนอร์ เป็นงานที่ต้องใช้นวัตกรรมไม้ชั้นสูง เช่น งานนวัตกรรมโครงสร้าง Glulam งานโครงสร้างหลังคาไม้ Geno Truss ซึ่งเราจะทำงานร่วมกับบริษัทดีไซเนอร์ดังๆ ระดับโลกด้วย แบบที่ 4 คือ โครงการพิเศษต่างๆ เช่น โครงการร้านค้าของเรา Chale’t Wood Mart, งานบูทสถาปนิก, งานกิจกรรมที่ Chale’t Wood Park เชิญปราชญ์ชาวบ้านมาพูดให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกป่า และการจัดให้เป็นพื้นที่ปล่อยผลงานของคนทำงานไม้”
Chale’t Wood Park ในส่วนของ Prefab House โครงสร้างห้องน้ำที่ผสมผสานงานไม้จริงชาเล่ต์ในหลายส่วน
นอกจากนี้ ชาเล่ต์ยังก่อตั้งโรงเรียนช่างไม้ในชื่อ Chale’t Wood Academy เปิดสอนหลักสูตรช่างไม้อาชีพ และหลักสูตรงานไม้ DIY สำหรับผู้สนใจ เพื่อนำไปต่อยอดรังสรรค์ชิ้นงานดีๆ ตามสไตล์ของแต่ละคน “ความเป็นมาของ Chale’t Wood Academy เกิดมาจากปัญหาที่ปัจจุบันช่างไม้หายากมาก เมื่อเราพัฒนาวงการไม้ ปลูกป่า แต่ถ้าไม่มีช่างไม้ก็ไปต่อไม่ได้ ผมจึงเปิดโรงเรียนสอนงานช่างไม้มืออาชีพขึ้นมา คอร์สที่เปิดสอนก็มีนักศึกษาธรรมศาสตร์ปี 4 มาเรียนกับเรา น้องๆ ก็สามารถมีผลงานที่นี่ และได้หน่วยกิตในเทอมของเขาด้วย อย่างไรก็ตามจากองค์ประกอบทั้งหมดเหล่านี้ในฐานะคนในวงการไม้เชื่อว่า ถ้ามีการจัดระบบใหม่แล้วเติมจุดแข็งบางอย่างเข้าไป โอกาสของไม้จะกลับมาอย่างแน่นอน” คุณคมวิทย์กล่าวทิ้งท้าย
สามารถเข้าไปดูข้อมูลและสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับ Chale’t Wood Academy ได้ที่ www.chaletwood.com, facebook/chaletwood โทร. 06 3842 4550, 08 1933 7649