กว่าที่ผลงานของ SUR จะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแต่ละชิ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คุณพรีม-จีรชา สมรรคบุตร ต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เพราะเป็นงานแฮนด์เมดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปั้น หล่อ ขัด และเพนต์ ซึ่งทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความชอบและมุมมองที่อยากให้คนเข้าถึงงานศิลปะได้ง่ายขึ้น การเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานจึงช่วยตอบโจทย์ข้อนี้ได้อย่างลงตัว
เมื่อรู้ว่าตัวเองชอบอะไร
พรีมเรียนจบจากสาขาภาพพิมพ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนที่เราเรียนมัธยมไม่ได้รู้สึกว่าชอบอะไรเป็นพิเศษ คณิตศาสตร์ก็ไม่ได้ วิทยาศาสตร์ยิ่งไปกันใหญ่ ด้านภาษาเราก็ไม่ได้อยากไปเรียนแบบจริงจัง ตอนนั้นคิดว่าศิลปะน่าจะทำได้ดีที่สุดตอนนั้น จึงเลือกเข้าเรียนในคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาภาพพิมพ์ คือพรีมคิดว่าภาพพิมพ์เป็นอะไรที่ถ้าไม่ได้เลือกเรียนในมหาวิทยาลัยคงไม่มีโอกาสได้ทำ อย่างเรียนปั้นหรือเพนต์ เราสามารถเรียนรู้จากที่อื่นได้ แต่ภาพพิมพ์ต้องมีเครื่องปรินต์ ต้องเรียนรู้เทคนิคอย่างการกัดกรด ต้องใช้เวลากี่นาที หมุนเครื่องอย่างไร แล้วเครื่องมือบางอย่างเราไม่สามารถซื้อไว้ที่บ้านได้ เลยตัดสินใจเลือกเรียน พอเรียนๆ ไปก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้ชอบ เราชอบงานปั้นมากกว่า หรืองานภาพพิมพ์ที่เป็น 3 มิติ ไม่ใช่ภาพพิมพ์ที่ปรินต์ลงกระดาษ เลยชอบนำเทคนิคการทำภาพพิมพ์ไปใช้ในงานอย่างอื่น
เมื่อเรารู้ว่าจริงๆ แล้วชอบงานที่เป็น 3 มิติ จับต้องได้ หลังจากที่เรียนจบเลยไปทำงานในบริษัทของรุ่นพี่รับทำพร็อป เหมือนเป็นฟรีแลนซ์ ซึ่งตอนนั้นเราไม่เก่งเลย แต่คิดว่าเหมือนเป็นการไปเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ทำได้สักพักก็ลาออกแล้วไปทำงานประจำ เป็นกราฟิกดีไซเนอร์ ซึ่งระหว่างที่เราทำไปเรื่อยๆ ในใจก็คิดตลอดว่าอยากทำงานศิลปะ ทำในสิ่งที่เราชอบจริงๆ จึงตัดสินใจลาออก
SUR and Everything
หลังจากที่พรีมตัดสินใจลาออก ก็เริ่มทำงานที่เราอยากทำเลย ตอนแรกมีความกดดันเยอะมาก คิดมากว่าจะมีคนชอบงานของเราไหม ทำแล้วจะมีคนซื้อหรือเปล่า ตอนนั้นเหมือนเป็นเด็กนักเรียนที่ต้องเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทั้งปั้น ทั้งหล่อ ลองผิดลองถูกเยอะมาก คือเรารู้ว่าอยากได้แบบไหน แต่ระหว่างทางที่ทำนั้นเป็นเรื่องของเทคนิคที่เรายังไม่ชำนาญ โชคดีที่เพื่อนของพรีมเรียนจบงานปั้นมาเลยช่วยสอนขั้นตอนต่างๆ แต่กว่าจะทำได้ใช้เวลานานมาก ทำแบบนั้นอยู่ทุกวันประมาณ 1 ปีเต็มๆ กว่าจะทำคอลเล็กชันแรกได้อย่างที่ตั้งใจ
ที่มาของ SUR มาจากคำว่า Surreal เป็นงานศิลปะที่เราชอบตั้งแต่สมัยเรียน แต่จะใช้คำว่า Surreal ก็รู้สึกว่ายาวไป พอตัดออกเหลือคำว่า SUR แล้วลองไปหาความหมายดูแปลว่าบน, ข้างบน รู้สึกว่าเข้ากับงานที่เราทำเป็นงานตั้งโชว์ ตกแต่ง และวางไว้บนที่ต่างๆ จึงนำมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ ขั้นตอนการทำทั้งหมดเป็นงานแฮนด์เมด พรีมทำเองคนเดียว เริ่มจากการขึ้นโครง หล่อ ขัดโมเดล ต่อระบบไฟ ประกอบชิ้นส่วน แล้วเพนต์ลวดลายลงไป งานแต่ละชิ้นจะไม่เหมือนกัน ในบางคอลเล็กชันจะใช้เทคนิคของงานภาพพิมพ์เข้ามาผสมผสานด้วย ถึงแม้ว่าเราจะไปชอบงานที่ปรินต์ลงกระดาษ แต่เทคนิคที่เคยเรียนมานั้นสามารถนำมาใช้ในงานที่เราอยากทำได้
ไอเดียของงานเริ่มต้นจากเราอยากทำงานศิลปะ เป็นศิลปะที่อยากให้คนเข้าถึงได้ง่ายมีอะไรมากกว่าแค่ตั้งโชว์ พรีมเลยมานั่งคิดว่าจะใส่ฟังก์ชันอะไรเข้าไปได้บ้างในงานของเรา อยากให้มีทั้งความสวยงามของศิลปะ และใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน คอลเล็กชันแรกที่ทำออกมาชื่อว่า Miss Moo is Not a Coward เป็นโคมไฟน้องวัว คอลเล็กชันที่สองเป็นงานปั้นล้อเลียนงานสมัยก่อนเป็นหัวคน ดูผู้ชายๆ ชื่อว่า Mister Clear Mind เป็นโคมไฟ หรือใครจะใช้เป็นวางตกแต่งจัดดอกไม้ก็ได้ สองคอลเล็กชันแรกพรีมจะคิดถึงเรื่องฟังก์ชันเยอะ ตัดทอนความเป็นตัวเองไปบ้างเพื่อให้คนอื่นเข้าถึงงานของเรา แต่งานชิ้นล่าสุด Keep Swimming Swimmer เราลองทำอะไรในแบบที่ชอบและอยากทำจริงๆ คิดแค่ว่าตั้งใจทำให้ดีที่สุดก็พอ แต่ผลที่ออกมามีคนให้ความสนใจ ชื่นชอบงานของเราก็รู้สึกภูมิใจ
เรื่องราวระหว่างทาง
ระหว่างทางเราท้อตลอดเลย เป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ ที่ต้องใช้ความอดทน บางครั้งทำไปร้องไห้ไปก็มี พังไปเยอะมากกว่าจะได้งานมาแต่ละชิ้น เมื่อก่อนเราทำวัว 1 ตัวใช้เวลา 1-2 เดือน แต่พอเราเริ่มชำนาญก็ทำได้เร็วขึ้น เคยถามตัวเองเหมือนกันว่านี่เราทำอะไรอยู่นะ คือพรีมมาทำตรงนี้ เพราะเรารู้ว่าเป็นสิ่งที่เราชอบ เราทำในสิ่งที่เราต้องมีความสุขสิ ต้องใช้ Passion เยอะมาก คือถ้าไม่มี เราไม่มีทางทำได้สำเร็จเลย ต้องคิดว่าเราต้องทำได้สิ แล้วสุดท้ายก็ทำได้จริงๆ
ย้อนกลับไปตอนที่พรีมทำฟรีแลนซ์ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้สึกชอบแต่เรารู้ว่าเรายังไม่เก่ง คนที่จบมาทางด้านนี้ส่วนใหญ่ก็อยากทำอะไรเป็นของตัวเอง แล้วเราเองก็ไม่ชอบนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานๆ พอเป็นแบบนั้นตอนทำงานประจำเลยคิดอยู่ตลอดเวลาว่า อยากปั้นๆ ทำอย่างไรความคิดนี้ก็ไม่หายไปจากหัวสักที บวกกับความเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราต้องทำได้สิ ความเชื่อมั่นตรงนี้แหละที่ทำให้เรากล้าที่จะก้าวออกมา ตอนนี้เรายังไม่เก่งก็ไม่เป็นไร แต่สักวันหนึ่งต้องทำได้แน่นอน อีกอย่างคือพรีมคิดว่าการจะสร้างแบรนด์ของตัวเอง เป็นอะไรที่เราหยุดทำไม่ได้ อย่าง Chanel เขายังอยู่มาได้เป็นร้อยปีเลยนะ นั่นเพราะว่าเขาไม่หยุดทำ ให้คนอื่นเห็นว่าเราทำจริงๆ นะ ส่วนพรีมเองก็ยังต้องทำต่อไป ยังคงคอนเซ็ปต์งานแฮนด์เมดเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะทำได้น้อยกว่าโรงงาน แต่นี่คือสิ่งที่เราคิดว่าเราทำได้ดีที่สุด
Professional ฉบับนี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเราได้มากทีเดียว การลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แล้วเชื่ออย่างหมดใจว่าวันหนึ่งเราต้องทำได้ นั่นเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเหลือเกิน มีคนเคยบอกว่าถ้าเราได้ทำงานที่รัก เราจะรู้สึกว่าเราไม่ได้ทำงาน เหนื่อยกายแต่ไม่เหนื่อยใจเป็นแบบนี้นี่เอง
สามารถติดตามผลงานเพิ่มเติมของ SUR ได้ที่ facebook.com/surandeverything
เนื้อหาจากคอลัมน์ Professional 130
ภาพ: พี่ต้น
เรื่อง: หนูเสงี่ยม
ขอบคุณภาพผลงานจาก SUR