หลายครั้งที่เราตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว และมีความคิดมากมายว่าอยากทำอะไร แต่คงจะน้อยครั้งที่จะลงมือทำในสิ่งนั้นๆ ให้เกิดขึ้นมา คุณเน็ก-อัญชนา ทองไพฑูรย์ และคุณโอ๊ค-พิพิธ โค้วสุวรรณ บอกกับเราว่าถ้าอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้ามีความสุข แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องรับผิดชอบในสิ่งนั้นด้วย การออกแบบก็เช่นกัน ผลงานของ Salt & Pepper จึงมีความเป็นตัวของตัวเอง โดยเริ่มต้นจากความชอบ ลงมือทำและสร้างคุณค่าให้เกิดกับงานแต่ละชิ้นในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
แรกเริ่มนั้นคุณเน็กและคุณโอ๊คทำงานที่บริษัท ดวงฤทธิ์ บุนนาค จำกัด ก่อนจะตัดสินใจออกจากงานแล้วมาร่วมกันเปิด Salt & Pepper Design Studio ด้วยกัน
คุณโอ๊ค : ผมเรียนจบมาทางด้านอินทีเรีย จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง หลังจากเรียนจบก็ทำงานที่แรกที่ดวงฤทธิ์ บุนนาค เป็น Senior Designer ประมาณ 7 ปี แล้วก็ออกมาทำสตูดิโอของเราเอง
คุณเน็ก : ส่วนเน็กจบมาทางด้านออกแบบผลิตภัณฑ์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เราเป็นคนชอบสังเกตสิ่งต่างๆ แล้วตั้งคำถามว่าทำไมสิ่งนี้ถึงไม่เป็นแบบนี้นะหรือเป็นอย่างอื่นได้หรือเปล่า เลยคิดว่าเรียนด้านนี้น่าจะเหมาะ ก่อนจะมาทำดีไซน์สตูดิโอกับคุณโอ๊คนั้น เน็กทำงานที่ Anyroom แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ของบริษัทดวงฤทธิ์ บุนนาค ทำเกี่ยวกับ Product Design
Furniture The Odyssey Collection
Mha Dog and Living
หลังจากที่ทั้งสองคนร่วมกันทำสตูดิโอรับออกแบบมาได้ระยะหนึ่ง จึงเริ่มทำแบรนด์ของตัวเอง Mha Dog and Living เกิดขึ้นจากคุณเน็กเลี้ยงหมาชื่อเจ้าแม็กแล้วหาซื้ออุปกรณ์ของใช้ที่ถูกใจไม่ได้ เลยทำของใช้ให้กับเจ้าแม็กด้วยตัวเอง เกิดเป็นไอเดียออกแบบโปรดักส์สำหรับน้องหมาขึ้น
คุณเน็ก:งานอดิเรกของเราคือชอบทำของใช้ให้เจ้าแม็ก เย็บผ้าพันคอบ้าง เสื้อบ้างในสไตล์ที่เราชอบซึ่งมันหาซื้อไม่ได้ในท้องตลาดทั่วไป จึงเป็นจุดเริ่มต้นทำแบรนด์นี้ขึ้นมา ส่วนใหญ่เน็กจะออกแบบโดยเน้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับหมาเป็นสำคัญ จะไม่ออกแบบอะไรที่สำเร็จรูป เช่น ผ้าพันคอ เจ้าของก็ต้องผูกให้เขาเอง จะผูกเป็นโบว์หรือเป็นเนคไทก็ได้ เหมือนเป็นช่วงเวลาที่เราออกแบบให้เขาได้เองว่าอยากให้เขาใส่แบบไหน
คุณโอ๊ค:อย่างผมเป็นอินทีเรียบางครั้งลูกค้าก็อยากได้ของที่เป็นอุปกรณ์สำหรับน้องหมาบ้าง เวลาเราไปซื้อตามตลาดจะไม่มีสไตล์ที่เราอยากได้ บางบ้านตกแต่งแบบโมเดิร์น เป็นมินิมอล เน้นดีไซน์เยอะๆ จะหาอุปกรณ์ของใช้น้องหมาที่เข้ากับบ้านค่อนข้างยาก เราเลยทำกันเองขึ้นมาเน้นดีไซน์และสีที่เรียบๆ
ไม่ใช่แค่เรื่องของดีไซน์ โทนสี วัสดุที่เลือกใช้ หรือฟังก์ชันการใช้งานที่ทั้งคู่ใส่ใจ แต่คุณเน็กและคุณโอ๊คยังให้ความสำคัญในเรื่องจิตใจและสุขภาพของหมาด้วย อย่าง Mutt Collection เกิดจากมีคนมาถามว่าที่นอนน้องหมาราคาเท่าไหร่ ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงเขาเลยพูดประมาณว่า “ไม่เป็นไรหรอกเนอะที่บ้านเลี้ยงหมาไทยไม่ต้องใช้ที่นอนก็ได้” ทำให้ทั้งคู่ออกแบบคอลเล็กชันนี้ขึ้นมาในราคาเริ่มต้นที่ 350 บาท เพื่อให้คนเข้าถึงได้ง่าย น้องหมาจะได้ไม่ต้องบนพื้นกระเบื้องที่เย็นหรือในกรงที่เป็นซี่แล้วเจ็บตัว
Salt & Pepper
เมื่อ Salt & Pepper เป็นอะไรที่มากกว่าการออกแบบกล่าวคือทำอะไรก็ได้ที่คุณเน็กและคุณโอ๊คอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด จัดนิทรรศการ ทำดิสเพลย์และอื่นๆ อีกมากมายจนบางทีเราอาจต้องใส่ ฯลฯ ตามท้าย
คุณโอ๊ค : ผมทำทุกอย่างที่คิดว่าทำแล้วสนุก เป็นสิ่งที่เราอยากทำ แต่ผมจะทำด้านอินทีเรียเป็นหลัก พอทำงานออกแบบไปเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกว่าอยากมีเฟอร์นิเจอร์มีแบรนด์ตัวเองมาอยู่ในบ้าน โรงแรม คาเฟ่ หรืองานอื่นที่เราออกแบบ จึงเริ่มทำเฟอร์นิเจอร์มาใช้ในโปรเจ็กต์ของเรา ต่อยอดเป็น Salt & Pepper Furniture and Decoration
คุณเน็ก : คือเราไม่ได้มีอะไรจำกัดตัวเองว่าต้องทำอะไร แบบไหน หรือแบรนด์เราต้องเป็นแค่นี้นะ ใช้วัสดุเฉพาะอย่างนี้เท่านั้น แค่สไตล์แบบนี้ มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างกว้าง ตัวเน็กเองชอบทดลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วย อย่าง Salt & Pepper นี้ส่วนใหญ่เกิดจากการเรียนรู้และทดลองไปพร้อมๆ กัน ไหนลองทำอันนี้ แล้วถ้าทำแบบนั้นจะเป็นยังไง
Tableware The Arrangient Collection ได้รับรางวัล Diark Award 2016
นอกจากการออกแบบงาน และโปรดักส์ของ Salt & PepperDesign Studio แล้ว คุณเน็กและคุณโอ๊คยังมีโอกาสได้ทำงานนิทรรศการ ตลอดจนเข้าร่วมโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวของกับการพัฒนาชุมชนหรือกลุ่มผู้ประกอบการต่างๆ จากความรู้ด้านการออกแบบที่ทั้งคู่มี อาทิ ทำงานร่วมกับ TCDC และสมาคมมัคคุเทศก์จังหวัดเชียงใหม่ในโปรเจ็กต์ Chiang Mai Souvenir เข้าไปลงพื้นที่ในชุมชนหลากหลายกลุ่มเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับของที่ระลึก หรือจะเป็น Chiang Mai Advantage Exhibition เป็นการรวมตัวกันของดีไซเนอร์จับคู่กับผู้ประกอบการเพื่อร่วมกันพัฒนา สร้างดีไซน์ และเพิ่มมูลค่าให้เกิดกับผลิตภัณฑ์
คุณโอ๊ค : จากการที่เราได้ทำงานร่วมกับชุมชนทำให้เรามองเห็นว่าคุณลุงคุณป้าหรือชุมชนกลุ่มต่างๆ เขามีองค์ความรู้ มีความชำนาญอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้มีความงดงาม มีเอกลักษณ์พื้นถิ่น สิ่งที่ผมทำได้ก็คือเข้าไปแนะนำไม่ใช่เข้าไปเปลี่ยนแปลงเขา ไม่ได้เอาตัวเองไปเป็นที่ตั้ง คุณป้าต้องเป็นคุณป้าคนเดิม แต่ผมเข้าไปดึงองค์ความรู้ตรงนั้นออกมาว่าคุณป้าสามารถทำอะไรได้บ้าง แล้วคุณป้าจะปรับเข้ากับโลกยุคปัจจุบันอย่างไร พอเราได้เข้าไปทำงานที่เกายวกับการพัฒนาชุมชนก็รู้สึกภูมิใจที่ได้นำความรู้ด้านการออกแบบไปช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับงานของชุมชนนั้นๆ
การที่เราได้ทำอะไรจากสิ่งที่เรารักนั้นถือเป็นความสุข การที่ได้ลงมือทำสิ่งนั้นเราจะสนุกและทำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่การได้นำความรู้ความชำนาญในสิ่งที่ตัวเองมีนั้นไปแบ่งปันให้กับผู้อื่น ตลอดจนช่วยพัฒนาชุมชนและสังคม นั่นถือเป็นความภาคภูมิใจ อิ่มเอมใจ และมีความสุขมากกว่าจริงมั้ยคะ Salt & Pepper เป็นแบบนั้น
บทความจากคอลัมน์ ” Professional ” นิตยสาร @Kitchen ฉบับที่ 126 ประจำเดือนกุมภาพนธ์ 2560