ท่ามกลางกระแสศิลปะร่วมสมัยที่บางครั้งเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและแนวคิดอันเข้มข้น ดุดัน จนแทบไม่หลงเหลือพื้นที่สำหรับอิสรภาพของการเล่น ทดลอง หรือความเบาสบายไร้แก่นสาร นิทรรศการเดี่ยว “JIVE (แถ)” โดยต้อย-นพไชย อังควัฒนพงษ์ ศิลปินอาวุโสผู้เปี่ยมด้วยประสบการณ์ชีวิตและการสร้างสรรค์ศิลปะ จึงเปรียบเสมือนพื้นที่เปิดสำหรับความสนุกสนานที่จริงใจ งดงาม และไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายประกอบ จัดแสดง ณ VS Gallery กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม-17 สิงหาคม 2568

ผลงานในนิทรรศการนี้ยังคงยึดมั่นในแก่นการทำงานที่ศิลปินได้สั่งสมมาตลอดหลายทศวรรษ คือการนำวัสดุเหลือใช้ (Ready-Made, Found Object) มาประกอบกับหลอดนีออนดัด หลอดนีออนซึ่งเคยเป็นแสงสว่างที่ล้ำสมัยและโดดเด่นอย่างยิ่งในยุค 1980–1990 แต่ในปัจจุบันกลับหาช่างผู้เชี่ยวชาญด้านการดัดหลอดนีออนได้ยากยิ่ง อาจารย์ต้อยนำแสงนั้นกลับมาใช้อีกครั้ง ด้วยการประกอบสร้างเป็นรูปทรงใหม่ที่แฝงด้วยความไม่สมบูรณ์ การปะติดปะต่ออย่างตั้งใจ จังหวะการจัดวางที่ชวนมอง ชวนคิด และเปี่ยมด้วยอารมณ์สนุกสนาน แสงเรื่อเรืองของหลอดนีออนกะพริบกระเพื่อมด้วยพลังอันนุ่มนวล สำหรับผมมันช่างน่าค้นหาและแตกต่างอย่างยิ่งจากแสงสีฟ้าของหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือแสง LED ที่สว่างจ้าแบบไร้ทิศทาง

ในผลงานของนพไชย แสงไม่ใช่เพียงแค่แสง แต่เป็น “ภาษา” ที่สื่อสารถึงความทรงจำ ความเปราะบาง ความหวาน และการดิ้นรนของชีวิตในเมืองยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยเสียง สี และการแสดงออก เขานำแสงนีออนเล็กๆ มาร้อยเรียงเป็นรูปทรงที่ “เท่” ในความหมายเฉพาะตัว เป็นความงามที่ไม่เรียบเนียน ไม่สมบูรณ์ และไม่จำเป็นต้องได้รับการอธิบาย

ผลงานชุดนี้มีขนาดเล็กลงกว่าที่เคย ไม่โอ่อ่า แต่กลับเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้เคลื่อนไหวทางความรู้สึกอย่างเสรี ร่วมเล่นกับภาษาของวัตถุ ซึ่งชวนให้นึกถึงบรรยากาศของคลับหรือบาร์ยุคก่อนดิจิทัล ที่ผู้คนสังสรรค์ โกหก หัวเราะ ร้องไห้ ท่ามกลางแสงรำไรและเวลาที่อ้อยอิ่ง ซึ่งบรรยากาศเช่นนี้แทบไม่หลงเหลืออยู่แล้วในยุคของหน้าจอสีฟ้าและโลกโซเชียลที่ฉาบฉวย

JIVE (แถ) จึงกลายเป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวของศิลปินในช่วงชีวิตปัจจุบัน-หลังเกษียณ หลังการสูญเสีย และหลังการกลับมาในบทบาทใหม่ในฐานะนายแบบสูงวัยผู้เปี่ยมเสน่ห์ในโลกแฟชั่น

ต้อย-นพไชย คือศิลปินผู้ไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว เขาเริ่มต้นเส้นทางศิลปะจากสหรัฐอเมริกาในช่วงทศวรรษ 1980 ก่อนจะกลับมาทำงานศิลปะในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม Nuts Society ซึ่งมุ่งนำศิลปะมาเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้คน ผ่านวัสดุเหลือใช้ เรื่องเล่า และกิจกรรมสร้างสรรค์ในชีวิตจริง
ในนิทรรศการนี้ผู้ชมอาจไม่พบคำอธิบายที่ชัดเจน หรือกรอบความคิดที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า หากแต่จะพบ “ช่องว่าง” ที่ชวนให้เรา “แถ” ต่อในจังหวะของตนเอง ท่ามกลางความเงียบ และแสงนีออนที่ไม่ยอมดับ