เบื่อไหมกับอาหารใต้สูตรเดิมๆ ถ้าใช่…เตรียมใจมาเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ บุหลันราตรี ในโรงแรมวิลล่า ปาเธ (Villa Pateh) อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านอาหาร แต่คือ “เวที” ที่ปลุกตำนานรสใต้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยพลังของความคิดสร้างสรรค์!

บุหลันราตรี ชื่อนี้มีที่มา…จากเรื่องเล่าที่แสนอัศจรรย์
ชื่อร้านที่ฟังแล้วชวนฝันอย่าง “บุหลันราตรี” ไม่ได้ตั้งขึ้นมาลอยๆ แต่แฝงด้วยเรื่องราวจากความทรงจำของชุมชน คุณเวศ–ประเวศ มณีศิริ เจ้าของโรงแรม เล่าให้ฟังว่า แรงบันดาลใจมาจากคำบอกเล่าของ โต๊ะครู ในชุมชนมุสลิม ที่เล่าขานกันว่า ในคืนพระจันทร์เต็มดวงจะมี ปูดำขึ้นมาให้เห็นเต็มชายหาด ภาพแสงจันทร์ที่สะท้อนลงบนฝูงปูดำในคืนนั้น กลายเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรือง “เราอยากเก็บภาพวันวานนั้นไว้ในชื่อร้าน เพื่อระลึกถึงความสมบูรณ์ในอดีต และหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้กลับคืนมา”
คำว่า “บุหลัน” เองก็มาจากบทกวีใน นิราศอิเหนา ที่หมายถึงดวงเดือน เมื่อนำมาผนวกกับคำว่า “ราตรี” จึงกลายเป็นชื่อที่ทั้งละเมียดละไมและชวนฝัน แล้วถ้าใครได้ลิ้มรสอาหารที่นี่…จะยิ่งตราตรึงกว่า เพราะเมนูอยู่ภายใต้การดูแลของ เชฟโป๊บ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง สวนเส ณ เฮฮา ในตัวเมืองตรัง ผู้หลงใหลการเดินทาง และมีพรสวรรค์ในการเก็บเกี่ยวรสชาติจากทุกเส้นทางมาเล่าใหม่ในจานอาหาร

เชฟโป๊บไม่ได้แค่ทำอาหารสูตรเดิม แต่ขีดเขียนรสชาติใหม่ด้วยลายเซ็นของตัวเอง จนเกิดเป็น “อาหารใต้ครีเอทีฟ” ที่ทั้งแปลกสดใหม่ และยังคงกลิ่นอายความดั้งเดิมเอาไว้ครบถ้วน ประสบการณ์ที่ไม่เพียงอิ่มท้อง แต่ยังอิ่มใจ เพราะมันอร่อยเด็ดและมีเรื่องเล่าในทุกจาน
12 เมนูซิกเนเจอร์ สไตล์ “ใต้ครีเอทีฟ” ที่เชฟโป๊บภูมิใจนำเสนอ
เชฟโป๊บใช้ความเข้าใจในรสชาติท้องถิ่นมาสร้างความแตกต่าง โดยเน้นการใช้วัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาล และปรับเทคนิคการทำอาหารให้ทันสมัยขึ้น ลองมาดูกันว่าเมนูไหนบ้างที่คุณไม่ควรพลาด

น้ำพริกปลาทราย (เมนูซิกเนเจอร์) เมนูนี้ฉีกทุกตำราน้ำพริก! เชฟต้องการให้ปลาทรายมีเท็กซ์เจอร์ที่แตกต่าง จึงนำเนื้อปลาไปนึ่ง แกะเอาแต่เนื้อจากนั้นนำไปโขลกจนฟูละเอียด จากนั้นนำไปผัดกับเครื่องแกงเพื่อไล่ความชื้น เพื่อให้เนื้อปลามีความกรอบ จากนั้นนำไปผัดต่อกับน้ำมะขาม เพื่อให้ได้รสชาติเปรี้ยวนำหวานตาม กินคู่กับผักพื้นบ้านสดๆ อร่อยจนหยุดไม่ได้

ปูดำผัดต้นหอม รสชาติเค็มนำ หอมกลิ่นเหล้าจีน และได้ความเผ็ดร้อนจาก พริกไทยดำปะเหลียน ที่สำคัญคือการคัดสรร ปูน้ำใหญ่ (ปูที่เนื้อแน่นที่สุดในช่วงน้ำขึ้น 15 ค่ำ) และทางร้านจัดการแกะเนื้อปู ให้พร้อมกิน เพื่อให้ลูกค้าได้อร่อยอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเลอะมือ

ต้มกะทิปลาทรายใบแมงลัก เมนูนี้ปกติแล้วคนในท้องถิ่นใช้ปลาทรายสดในการทำต้มกะทิ แต่เชฟดัดแปลงเพื่อแก้ปัญหาเนื้อปลาที่มักจะเละจากการต้มจึงนำปลาทรายไป ทอดแบบเทมปุระ ให้ได้ความกรอบนอก ก่อนนำกะทิหอมๆ มาปรุงรสและราดลงไป ทำให้ได้ความอร่อยที่หลากหลายเท็กซ์เจอร์ในคำเดียว

กุ้งผัดซอสมะขาม เมนูนี้มีเฉพาะช่วง มรสุม เท่านั้น เพราะเป็นช่วงที่กุ้งทะเลเข้าใกล้ฝั่ง เชฟนำกุ้งมาทอดให้กรอบ แล้วคลุกเคล้ากับซอสมะขามรสหวานนำเปรี้ยวตามที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน กินกับหมี่กรอบแล้วอร่อยเข้ากันสุดๆ

เหงียนปลาทราย เมนูพื้นบ้านที่เชฟปรับใหม่ให้อร่อยมากยิ่งขึ้น โดยลอกหนังปลาที่เหนียวออก และปรับน้ำจิ้มด้วยการเพิ่มรสเผ็ดและเปรี้ยวเข้าไป เป็นน้ำจิ้มถั่วตอย (คล้ายถั่วตัดภาคกลางที่บดละเอียด) เสิร์ฟคู่กับสาหร่ายขนนก ให้อารมณ์เหมือนกินซาชิมิแบบญี่ปุ่น

ปลาจ้องม้องทอดผัดเครื่องแกง ปลาจ้องม้องคือปลากระเบนตัวเล็กๆ ที่ได้จากอวนปู ที่มีราคาไม่แพง มีเนื้อสัมผัสคล้ายเนื้อไก่และไม่มีก้าง เมนูนี้เชฟนำปลาไปทอดให้กรอบก่อน แล้วจึงนำไปคลุกเคล้ากับเครื่องแกงตำมือที่ผ่านการผัดแล้ว เพื่อคงความกรอบของเนื้อปลาที่สามารถกินได้ทั้งตัว

เคาหยก หมูย่าง แม้ปกติจะใช้หมูสามชั้น แต่ที่นี่ใช้หมูย่าง ซึ่งช่วยลดขั้นตอนการตุ๋นลงได้มาก ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น นุ่ม และหอมกลิ่นย่าง ชิ้นส่วนที่ทำเมนูนี้แล้วอร่อยมากเป็นพิเศษได้แก่ แก้มหมู ใบหู และลิ้น

ปลาหางแข็งย่างพด “พด” คือกากมะพร้าวในภาษาใต้ ซึ่งถูกนำมาใช้แทนถ่านในการย่างปลาหางแข็ง ทำให้ปลามีกลิ่นหอมเฉพาะตัวคล้ายการรมควัน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด

หมึกน้ำดำ ใช้หมึกสดมากๆ ทำให้เวลาผัดไม่ต้องเติมน้ำเลย น้ำหมึกจะออกมาเองตามธรรมชาติ ปรุงรสหวานนำนิดๆ เป็นจานเรียบง่ายที่โชว์ความสดใหม่ของวัตถุดิบได้ดีที่สุด

ผัดมันแกวกุ้งสด นำมันแกวหวานกรอบมาผัดกับกะปิและกุ้ง ทำให้ได้รสชาติที่ลงตัวและหอมกลิ่นกะปิ เมนูนี้เข้ามาช่วยตัดความเผ็ดของอาหารใต้ได้ดีไม่น้อย

แกงกุ้งเคย แกงกะทิที่ใส่ใบชะพลูซอยและกุ้งเคยซึ่งมีความเค็มนิดๆ ส่วนรสชาติของเครื่องแกงหวาน เค็ม เผ็ด กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเหาะ

ข้าวยำ เป็นข้าวยำที่ไม่ใช้น้ำบูดู แต่อร่อยว้าวมาก ซึ่งจ๊ะไก่ (จ๊ะ ภาษามุสลิม แปลว่า พี่สาว) จากบ้านดุหุน หนึ่งในชุมชนจากอำเภอสิเกาได้บอกกับเราว่า น้ำที่นำมาราดนั้นมีลักษณะคล้ายกับน้ำยาที่กินกับขนมจีน แต่เครื่องจะมีความแตกต่าง ใช้แค่กะทิ ก้างปลานำมาทุบให้ละเอียดแล้วกรองเอาแต่น้ำ นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคราอย่าง เส้นหมี่ และใบพาโหม เมื่อคลุกเคล้าทุกอย่างผสมรวมกันแล้วติดใจเมนูนี้ทุกราย

ปิดท้ายด้วยไอศกรีมชาเย็นสาคู หอมมันสไตล์ไทยผสมผสานกับสาคูของขึ้นชื่อของจังหวัดตรัง สดชื่นกับ กรานิต้ามะนาวสีทองดำ รสชาติเปรี้ยวจี๊ด เป็นเมนูล้างปากที่ไม่ซับซ้อนแต่ทิ้งร่องรอยไว้อย่างชัดเจน และกรานิต้าอัญชัน เปรี้ยวหวานชื่นใจ เสมือนบทส่งท้าย ซีรีส์ที่ปิดจบได้อย่างประทับใจ

มื้อค่ำที่เต็มไปด้วยความสุขและเรื่องราว
ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของความพิเศษที่รอให้คุณได้ไปสัมผัสที่ บุหลันราตรี นอกจากรสชาติอาหารที่อร่อยแล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งเรื่องราวเบื้องหลังและการคัดสรรวัตถุดิบ ทำให้ทุกจานที่เสิร์ฟไม่ได้เป็นแค่อาหาร แต่เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ หากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวจังหวัดตรัง ลองแวะไปที่นี่ดู แล้วคุณจะหลงรักร้านอาหารแห่งนี้อย่างแน่นอน
บุหลันราตรี
89 หมู่ 6 ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง
065 691 9182
https://www.facebook.com/villapateh/