บ้านหลังนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเติมเต็มความสุขของครอบครัวคุณอัน-เกวลิน ชาญชโลธร เป็นที่ที่ทุกคนจะมาพบปะพูดคุย สังสรรค์ และได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ตัวบ้านออกแบบเป็นอาคาร 2 ชั้น เรียบง่ายสไตล์โมเดิร์น เน้นฟังก์ชันใช้งานในส่วนลิฟวิงและครัวแพนทรีเป็นหลัก โดยมีโจทย์ว่าอยากให้ที่นี่เป็นเหมือนบ้านพักตากอากาศของครอบครัว
เมื่อเราเดินทางมาถึงก็พบกับน้องณิชาลูกสาวคนโตของคุณอันรอต้อนรับพวกเราอยู่ ถึงจะเขินอายเล็กน้อยแต่ก็พาพวกเราเดินดูมุมต่างๆ ของบ้านได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่คุณอันจะตามมาพร้อมกับน้องณิรินและเริ่มต้นเล่าถึงที่มาที่ไปของบ้านหลังนี้ให้เราฟัง “เดิมตรงนี้เป็นบ้านเก่าทิ้งร้างไว้เป็น 10 ปี ไม่มีใครอยู่ เราเป็นครอบครัวใหญ่มีลูกๆ หลานๆ คุณพ่อเลยจุดประกายขึ้นมาว่าเราควรมีที่ที่ให้ทุกคนสามารถมารวมตัวสังสรรค์กัน ถ้ามีพื้นที่เพิ่มก็น่าจะดีเลยเอาที่ตรงนี้มาคุยกันว่าจะออกแบบยังไงดี ภาษาคุณพ่อเขาจะบอกว่าอยากได้แบบสโมสร อยากให้มีสระว่ายน้ำ หลานๆ จะได้เล่น ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็อายุมากขึ้น เผื่อจะออกกำลังกายในน้ำด้วย”
หลังจากมีโจทย์คร่าวๆ แล้วคุณอันก็ให้ทางสถาปนิก (คุณปุย-สุนารี ลาวัลยะวัฒน์ Unexpected Design) มาช่วยออกแบบโดยทุบบ้านเก่าทิ้ง และสร้างใหม่ตามคอนเซ็ปต์ที่ต้องการ “ด้วยความที่เราเป็นครอบครัวใหญ่ เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดกันก็จะมีสมาชิกประมาณ 10 คนขึ้นไป ส่วนใหญ่จะพักเป็นวิลลา เลยเอามาเป็นคอนเซ็ปต์ในการทำบ้าน อยากให้อารมณ์เหมือนบ้านพักตากอากาศ พูลวิลลาที่เราชอบไปกัน ตอนแรกจะทำเป็นบ้านชั้นเดียว แต่เรามองว่าไหนๆ ก็ลงทุนสร้างใหม่แล้ว รู้สึกเสียดายพื้นที่เลยต่อเติมให้มีชั้นบนด้วย ได้ห้องเพิ่มอีกหนึ่งห้องไว้สำหรับใช้งานอเนกประสงค์”
ตัวบ้านออกแบบให้ดูเรียบง่ายสไตล์โมเดิร์น ด้านข้างทำสระว่ายน้ำทอดยาวขนานไปกับบ้าน มีสเปซเอาต์ดอร์ไว้นั่งเล่นในช่วงแดดร่มลมตก เลือกใช้ประตูกระจกบานใหญ่ สามารถเปิดรับลมและแสงสว่างได้อย่างเต็มที่ ภายในออกแบบส่วนลิฟวิงเป็น Open Space ใช้งานมุมนั่งเล่น โต๊ะกินข้าว และครัวแพนทรีได้ต่อเนื่องกัน “คุณพ่อเน้นว่าอยากให้มีพื้นที่ส่วนกลางไว้รองรับเวลาญาติพี่น้องมาปาร์ตี้สังสรรค์ ทุกคนสามารถใช้งานร่วมกันได้ ตรงลิฟวิงเราเลยจะมีส่วนของครัวแพนทรีด้วย ไว้สำหรับวางของ เตรียมอาหาร เตรียมเครื่องดื่มง่ายๆ ไม่ได้ทำครัวหนักเพราะเรามีครัวในบ้านหลังใหญ่อยู่แล้ว และที่ออกแบบเป็น Open Space ให้ทุกส่วนเปิดโล่งเชื่อมกัน ด้วยเราสังเกตว่าเวลาญาติพี่น้องมารวมตัวกันบางส่วนจะชอบนั่งคุยกันที่โต๊ะกินข้าว อีกกลุ่มก็จะชอบไปนั่งเล่นเกมดูหนังกัน เลยออกแบบพื้นที่มาประมาณนี้ ถึงจะอยู่คนละมุมแต่ยังมองเห็นพูดคุยกันได้”
เราถามถึงโจทย์ที่ให้กับทางสถาปนิกในการออกแบบครัวแพนทรี คุณอันบอกเพิ่มเติมว่า “ฟังก์ชันหลักๆ คือเป็นแพนทรีไว้เตรียมของ ไม่ได้ทำครัวหนัก และเราชอบตู้เย็นหลังใหญ่ๆ เลยอยากให้ช่วยเว้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็น ส่วนตู้ใต้เคาน์เตอร์ด้านหลังเราบอกให้ยกลอยขึ้น เรามีประสบการณ์จากครัวเดิมที่เป็นตู้ติดพื้นแล้วจะมีร่องนิดหนึ่งทำความสะอาดยาก ดูแล้วสกปรก ส่วนตัวเราชอบอะไรที่สามารถมองเห็นและเช็ดทำความสะอาดได้ ทั้งยังช่วยให้ครัวดูโปร่ง ไม่อึดอัดด้วย”
สำหรับพื้นที่ใช้งานครัวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ด้านหลังดีไซน์เคาน์เตอร์รูปตัว I (ไอ) ชิดผนังเป็นพื้นที่ส่วนเตรียมและส่วนล้าง ด้านหน้าออกแบบเป็นเคาน์เตอร์บาร์ไว้นั่งเล่น นั่งกินอาหารมื้อง่ายๆ เพิ่มฟังก์ชันจัดเก็บด้วยช่องใส่ของใต้เคาน์เตอร์ สามารถเปิดได้ทั้ง 2 ด้าน ช่วยให้หยิบของได้ง่ายและสะดวก
“ตู้เก็บของตรงไอส์แลนด์ที่ทางสถาปนิกออกแบบมาให้เปิดได้ทั้งข้างหน้าข้างหลัง เราว่าดีมากเลย ใช้งานได้สะดวก ไม่ต้องเอื้อมเข้าไปหยิบของ ส่วนเรื่องดีไซน์ โทนสี วัสดุ เรามีเรฟเฟอเรนซ์จากพูลวิลลาที่ชอบไปเที่ยวกันซึ่งเขาจะใช้หินอ่อนค่อนข้างเยอะ แต่ของเราผสมผสานงานไม้เข้ามาด้วย เพราะที่บ้านชอบไม้ ถ้าสังเกตไม่ว่าจะเป็นพื้น โต๊ะกินข้าว ที่วางทีวีก็จะเลือกใช้วัสดุไม้เหมือนกัน ส่วนผนังตรงตู้เย็นเรารู้สึกว่าถ้าทาสีจะดูเพลนไปเลยกรุกระเบื้องแทน เลือกเป็นโทนสีเทาๆ ดูไม่จืด ไม่โดดเกินไป เข้ากับสีไม้ของหน้าบานและทอปเคาน์เตอร์สีขาว”
ถัดมาในส่วนของโต๊ะกินข้าวซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเอกของบ้านหลังนี้เลยก็ว่าได้ “บ้านเราชอบไม้ธรรมชาติ ถึงคอนเซ็ปต์บ้านจะเป็นสไตล์โมเดิร์นก็อยากให้มีงานไม้เข้ามาผสมผสานด้วย จะได้ให้อารมณ์อบอุ่นๆ ไม่ดูแข็งจนเกินไป โต๊ะกินข้าวเราวัดขนาดพื้นที่ก่อนว่าอยากได้ไซส์ประมาณนี้แล้วไปเลือกหน้าไม้ สั่งทำตามแบบที่เราต้องการ ขาโต๊ะแบบเดิมเขาจะเป็นเหล็กแต่ที่บ้านไม่ชอบเหล็ก ต้องมาคิดกันต่อว่าถ้าไม่ชอบเหล็กแล้วจะเอาอะไร สุดท้ายเลือกเป็นอะคริลิกให้อารมณ์เหมือนไม้ตั้งเอง ดูลอยขึ้นมา ส่วนใต้โต๊ะที่เห็นว่าเราทำปลั๊กไฟไว้ด้วยเพราะว่าที่บ้านชอบกินสุกี้กันมาก ถ้าอย่างนั้นทำปลั๊กไว้ตั้งหม้อสุกี้ด้วยเลยละกันจะได้สะดวก นอกจากโต๊ะกินข้าวก็จะมีโต๊ะวางทีวีตรงมุมนั่งเล่น เราไปเห็นไม้แล้วชอบเลยมาคุยกับสถาปนิก วัดขนาดแล้วก็สั่งทำให้ลงตัวกับพื้นที่เรา”
ถึงจะเน้นพื้นที่ส่วนกลางเป็นหลัก แต่ในขณะเดียวกันก็ใส่ใจรายละเอียดในส่วนอื่นๆ ของบ้านด้วย “เรามองถึงอายุของคุณพ่อคุณแม่ที่มากขึ้น เลยวางแผนเผื่ออนาคตด้วย อย่างทำทางลาด ห้องน้ำออกแบบให้รองรับการใช้งานวีลแชร์ได้ ห้องชั้นล่างก็สามารถตรงเข้าไปได้เลย ไม่มีฟังก์ชันอะไรซับซ้อน และเรายังออกแบบบ้านให้หันตามทิศทางลมด้วย เราก็มายืนดูกันว่าส่วนใหญ่ลมพัดมาทางไหน ทำให้บ้านหลังนี้มีลมพัดเย็นตลอดทั้งวัน ให้อารมณ์เหมือนบ้านพักตากอากาศจริงๆ”
เรียกได้ว่าตอบโจทย์สมาชิกทุกคนในครอบครัวให้สามารถใช้เวลาด้วยกันอย่างมีความสุขและสะดวกสบายตามคอนเซ็ปต์ที่ตั้งใจไว้