ถึงแม้ว่าคุณหน่อย-ลัดดา สำอางค์ จะไม่ได้จบมาทางด้านสถาปนิกโดยตรง แต่ด้วยความชอบในวัยเด็ก การขวนขวายหาความรู้ หมั่นศึกษาเพิ่มเติมทั้งจากการอ่านหนังสือหรือการขอเข้าไปเรียนรู้งานจากบริษัทออกแบบต่างๆ อีกทั้งการลงมือทำอย่างจริงจัง ตั้งใจ จนในที่สุดก็สามารถก้าวเข้ามาสู่เส้นทางของการเป็น Developer ที่มีผลงานการออกแบบมากมาย ตลอดจนเป็น Director ของบริษัท V Asia Group ตามไปดูผลงานและพูดคุยกับคุณหน่อยด้วยกันเลยค่ะ
ความตั้งใจนั้นสำคัญ
ย้อนไปสมัยเรียนเราชอบเรื่องการออกแบบตกแต่ง แต่ว่าตอนนั้นสาขาที่ให้เลือกเรียนไม่ได้มีตัวเลือกมากนัก อีกทั้งยังเป็นลูกสาวก็ต้องเลือกเรียนด้านบริหารกับบัญชี ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจักรพงษภูวนาถ เมื่อก่อนมีแค่ ปวส. เลยไปเรียนต่อบัญชีจนจบปริญญาตรี ได้เกียรตินิยม ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในระยะเวลาที่เรียนเราเป็นคนที่อ่านหนังสือเยอะมาก ทั้งหนังสือตำราเรียน และหนังสือที่ชอบอย่างพวกการออกแบบตกแต่งบ้าน หนังสือดีไซน์ต่างๆ ยุคนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ต การหาความรู้เพิ่มเติมก็ต้องอ่านจากหนังสือ อย่างตำราเรียนเราอ่านก็ไม่ได้คิดแค่ว่าเพื่อให้สอบผ่าน แต่อ่านเพื่อให้สามารถนำไปใช้ในชีวิตและการทำงานได้ด้วย ถึงแม้ตอนเรียนบัญชีเราจะรู้ว่าไม่ใช่สิ่งที่ชอบ แต่บางครั้งเราก็ต้องตั้งใจทำในสิ่งที่ต้องทำก่อน
ในช่วงฝึกงานเราไปฝึกด้านบัญชีก่อน แต่ก็รู้นะว่าไม่ใช่ตัวเองเลย หลังจากนั้นเลยขออาจารย์ไปฝึกงานที่บริษัทออกแบบของอาจารย์ที่สอนอยู่ลาดกระบัง ฝึกเกี่ยวกับตกแต่งภายใน เราก็อาสาไปช่วยงาน เวลาเราอยากทำอะไรเราจะวิ่งไปหา ไปขอโอกาส ซึ่งตอนนั้นส่วนใหญ่เป็นงานออกแบบของต่างชาติทั้งหมด เราก็ได้เรียนรู้การทำงานกับต่างชาติว่าต้องมีความรับผิดชอบสูง แนวทางการออกแบบของเขาเป็นอย่างไร แต่พอเรียนจบจริงๆ เราก็ไปทำงานด้านบัญชีก่อนจนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งก็ตัดสินใจไปทำงานที่ภูเก็ต
กว่าจะมาเป็น Developer
ตอนไปเริ่มทำงานที่ภูเก็ตตอนนั้นเป็นยุคที่สปาได้รับความนิยม มีโรงแรมหนึ่งเขามีพื้นที่ที่กำลังจะเซ้ง เราเลยขอเข้าไปคุยกับเจ้าของโรงแรมเพื่อขอเข้าไปทำสปา ตอนนั้นต้องเริ่มจากออกแบบแปลนพื้นที่ ทำแผนธุรกิจไปเสนอ เรียกได้ว่าใช้ประสบการณ์จากที่เรียนและฝึกงานมาใช้จริงๆ ทั้งการออกแบบคอนเซ็ปต์ กำหนดฟังก์ชัน พอเสนอผ่านเราก็ทำจนประสบความสำเร็จ เจ้าของโรงแรมก็ชักชวนให้เราไปทำที่เขาหลัก จังหวัดพังงา แต่ก็ต้องเจอกับช่วงสึนามิ เลยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
บ้านริมทะเลรีโนเวตและออกแบบให้มีความโปร่งโล่ง โดยเลือกใช้วัสดุเหลือใช้อย่างไม้เก่ามาตกแต่ง มีกลิ่นอายแบบบ้านชาวประมง
มาเริ่มต้นทำงานอีกครั้งที่เกาะสมุย หลังจากสึนามิเรารู้สึกว่าบรรยากาศที่เขาหลักดูเงียบๆ หม่นหมอง จึงมาพักผ่อนที่สมุย 2 ครั้ง ก่อนจะตัดสินใจมาอยู่ที่นี่เลย เริ่มจากทำงานเป็นซัพพลายเออร์นำเข้าอุปกรณ์ให้กับโรงแรม เปลี่ยนมาดูแลร้านเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน จนในที่สุดตัดสินใจไปสมัครที่บริษัทอินทีเรียของชาวเบลเยียม ตอนแรกเขาก็ยังไม่เชื่อว่าเราทำได้ เพราะเห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่ได้จบมาทางด้านนี้ด้วย เลยให้ทดลองงานก่อน ปรากฏว่าทำได้ 1 วันก็ผ่านงานทันที เนื่องจากมีบ้านหลังหนึ่งที่ครบกำหนดว่าลูกค้าต้องเข้ามาดูในวันรุ่งขึ้น แต่ยังไม่ได้เริ่มตกแต่งเลย เราต้องทำให้เสร็จใน 1 วัน คือทำงานจนเช้าทั้งไปหาของและตกแต่ง หลังจากนั้นเลยได้ทำงานทุกอย่างตั้งแต่คุยกับลูกค้า ออกแบบเอง ไปคุมหน้างาน ศึกษาโปรแกรมทุกอย่างที่ต้องใช้ไม่ว่าจะเป็น AutoCAD, 3ds Max, SketchUp ตอนทำงานที่นี่เรามีโอกาสได้ไปดูทำงานอยู่ที่ดูไบประมาณ 1 เดือน ไปดูการออกแบบโรงแรม 7 ดาวของที่นั่น
พื้นที่ภายในบ้านออกแบบให้ใช้งานได้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ทั้งส่วนนั่งเล่น ห้องครัว และมุมทานข้าว
เกิดเป็น V Asia บริษัทของตัวเอง
พอเราทำงานได้ประมาณ 2 ปี บริษัทก็ปิดตัวลงเนื่องจากเจ้าของมีปัญหาด้านสุขภาพ เราเลยมาเปิดบริษัทของตัวเองในช่วงแรกรับงานออกแบบรีสอร์ตและโรงแรมเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากว่าพอมีคนมาให้เราออกแบบให้เขาก็จะบอกต่อไปเรื่อยๆ ทำให้มีงานเข้ามาตลอด การทำงานของเราจะต่างไปจากคนอื่นตรงที่ทุกอย่างเราทำเองทั้งหมด ตั้งแต่วางคอนเซ็ปต์ ออกแบบแปลน คุยกับลูกค้าและคุมงานก่อสร้างเอง เพราะเรารู้สึกว่าการที่ไปจ้างสถาปนิกหรือผู้รับเหมาอื่นมาทำงาน บางครั้งเขาทำออกมาไม่ได้อย่างที่เราตั้งใจ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เขาไม่ค่อยใส่ใจ เราเลยคิดว่าทำเองทั้งหมดสบายใจกว่า งานที่ออกมาก็ตรงกับแบบที่ตั้งใจไว้ ตรงนี้เองทำให้เราได้รับความไว้วางใจ
บ้านแต่ละหลังในโครงการ V Asia จะออกแบบให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้าน ทำให้บ้านแต่ละหลังมีคาแรกเตอร์ต่างกันไป
โครงการ V Asia เกิดขึ้นหลังจากที่ทำงานออกแบบให้กับรีสอร์ตและโรงแรมในเกาะสมุยมาได้สักระยะหนึ่ง เราพอมีเงินเก็บที่จะซื้อที่ดินไว้ประมาณ 8 ไร่ เลยคิดว่าจะทำเป็นโครงการบ้านขึ้นมา เพราะงานออกแบบโรงแรมค่อนข้างมีระบบและรายละเอียดเยอะ เลยอยากลองหันมาทำงานด้าน Resident ซึ่งโครงการนี้เราเริ่มจากพื้นที่เปล่า ไม่ได้มีการสร้างบ้านตัวอย่าง มีแบบมาตรฐานให้ลูกค้าได้ดู หลังจากนั้นจึงพูดคุยกันเพื่อถามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยว่าเขามีความต้องการอย่างไรบ้าง บ้านแต่ละหลังในโครงการจึงมีความแตกต่างกันไปโดยเฉพาะการตกแต่งภายใน การแบ่งสเปซต่างๆ อย่างบางคนชอบว่ายน้ำมาก เราก็ออกแบบสระว่ายน้ำขนาด 20 เมตรให้เขาเลย หรือบางคนชอบออกกำลังกายเราก็ดีไซน์ปรับแบบทำสตูดิโอ ทำห้องโยคะให้ สิ่งที่ตั้งใจคือเราอยากให้เขาอยู่ในบ้านอย่างมีความสุข มีฟังก์ชันใช้งานที่ตรงใจ
สิ่งสำคัญในการทำงานคือเราต้องเป็นคนที่เรียนรู้อยู่สม่ำเสมอ อย่างแรกเราไม่ได้จบทางด้านนี้มาโดยเฉพาะจึงต้องพยายามมากกว่าคนอื่น อย่างที่สองคือลูกค้าส่วนใหญ่ของเราเป็นชาวต่างชาติ บางคนมีอาชีพเป็นวิศวกร เป็นสถาปนิก เป็นคนที่ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ตรงนี้เองทำให้เราต้องศึกษาไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าเขาถามอะไรมาแล้วเราตอบไม่ได้ หรือแก้ไขปัญหาต่างๆ ในการออกแบบ เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ทำอะไรต้องทำให้เต็มที่ ต้องหาข้อมูลให้ลึกที่สุด อย่างมีลูกค้ามาถามเราเรื่องการดูแลสระว่ายน้ำ เลือกกระเบื้องอย่างไร พื้นทำแบบไหนวัสดุอะไรดี เราก็ต้องรู้เพื่อไปตอบคำถามเขาให้ได้ ถ้าไปดูที่บ้านเราจะเห็นว่ามีชั้นหนังสือเยอะมากๆ
รีโนเวตบ้านในหุบเขาที่ไม่มีใครสนใจให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
การลงรายละเอียดในการก่อสร้าง ที่เราต้องลงไปดูหน้างานเองเนื่องจากว่าแรงงานของเราเป็นแรงงานท้องถิ่น ฝีมืออาจจะสู้แรงงานในกรุงเทพหรือแรงงานของบริษัทรับเหมาอื่นๆ ไม่ได้ การที่เราลงไปช่วยดูหรือบางครั้งลงมือทำเองก็มี อยู่ดูงานจนดึก เลิกงานก็เลิกพร้อมกัน ตรงนี้ถือเป็นเรื่องของความรับผิดชอบที่ต้องมีสูง เนื่องจากเราทำงานกับชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ต้องเก็บให้เนี้ยบ และทำตามกำหนดส่งงานให้ทัน ไม่อย่างนั้นความน่าเชื่อถือจะไม่มี ตรงนี้เองทำให้เราได้รับความไว้ใจมาตลอดการทำงาน 15 ปีที่ผ่านมา อีกหนึ่งความภูมิใจคือในอีกไม่นานนี้เรามีจะโอกาสได้ร่วมงานกับดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกในการออกแบบบ้านบนเนื้อที่กว่า 9 ไร่ที่เกาะสมุยแห่งนี้อีกด้วย
ออกแบบให้มีประตูและหน้าต่างบานใหญ่เพื่อเปิดรับลมและแสงจากธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
เป็นมุมทานข้าวที่อยากนั่งอยู่มุมนี้ทั้งวันเลย อบอุ่น และสบายตา มองเห็นวิวสวนมะพร้าวบนเกาะสมุยแห่งนี้
หลังจากคุยกับคุณหน่อยแล้วเรานึกถึงข้อความที่บอกว่า Do More Talk Less การลงมือทำในสิ่งที่ฝันอย่างตั้งใจ สุดท้ายสิ่งที่เราฝันหรืออยากทำต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เหมือนกับคุณหน่อยที่ทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจนั่นเอง