บ้านทาวน์เฮาส์หลังนี้โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบง่ายและสีขาวสะอาดตา หลังจากผ่านแดดผ่านฝนมากว่า 35 ปี นอกจากจะเริ่มทรุดโทรมแล้ว พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านยังเต็มไปด้วยข้าวของมากมาย ทั้งยังค่อนข้างมืดทึบ ประกอบกับคุณพ่อบัญชา เปรมปรีชากุล กับคุณแม่วรรณี จาวโกนันท์ มีอายุที่มากขึ้น คุณเอวารินทร์ ลูกสาวจึงตัดสินใจรีโนเวตปรับโฉม เปลี่ยนฟังก์ชัน จัดสรรพื้นที่ใหม่ให้บ้านโปร่งโล่ง อยู่สบาย สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกคล่องตัว ปลอดภัย และตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของคุณพ่อคุณแม่

“บ้านหลังนี้หลักๆ พ่อกับแม่จะอยู่กันแค่ 2 คน น้องสาวแต่งงานแล้วเลยแยกไปอยู่กับครอบครัว ส่วนเราเองก็เพิ่งซื้อบ้านอีกหลัง แพลนไว้ว่าจะให้พ่อกับแม่ย้ายไปอยู่ด้วยกัน แต่พ่อเขายังติดที่จะอยู่บ้านหลังนี้ เพราะที่นี่เป็นเหมือนบ้านหลังแรกของเขา คิดไปคิดมาดูแล้วเขาคงไม่น่าจะย้ายไปอยู่กับเราแล้วล่ะ หลังจากนั้นเลยค่อยๆ พูดคุยกันเรื่องรีโนเวตบ้าน กว่าจะได้รีโนเวตใช้เวลาเป็นปีเหมือนกัน ด้วยความที่บ้านไม่ได้มีขนาดใหญ่มากของต่างๆ มันเลยเต็มบ้านไปหมด ต้องเคลียร์ของออกก่อน ปัญหาอีกอย่างที่เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอเหมือนกันคือผู้สูงอายุเขาไม่อยากทิ้งของ ซึ่งเราก็เข้าใจด้วยความที่เขาเก็บสะสมมา ของบางอย่างมันมีเรื่องราวหรือยังใช้งานได้อยู่” คุณเอวาเริ่มต้นเล่าให้ฟัง หลังจากพาพวกเราโฮมทัวร์แล้วมานั่งพูดคุยกันตรงบริเวณหน้าบ้านอย่างเป็นกันเอง ท่ามกลางลมพัดเย็นสบายๆ


ในส่วนของโครงสร้างหลักๆ ของบ้านยังคงเดิมไว้ เพียงแต่เปลี่ยนลุคให้มองแล้วสะอาดตา อยู่แล้วสบายใจกว่าที่เคย “ตัวบ้านเป็นแบบนี้เลยตั้งแต่แรก ระเบียงหน้าบ้านเดิมก็มีอยู่แล้ว เราแค่เปลี่ยนหน้าตาให้ดูใหม่ขึ้น ส่วนฟังก์ชันในบ้านเราทุบทำใหม่หมดเลย ก่อนหน้านี้พอเปิดประตูเข้ามาจะมีตั่งใหญ่ๆ วางของไว้เต็มไปหมด มีโซฟา มีตู้โชว์ที่วางกั้นไว้ตรงกลาง ถัดไปเป็นประตูอะลูมิเนียมของห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง แล้วข้างบ้านเราก็จะมีต้นไม้ทึบๆ ไม่ค่อยมีแสงเข้าบ้านก็จะมืดๆ ดูอึดอัด โจทย์ในการรีโนเวตเลยอยากให้บ้านมันโปร่งโล่ง มีแสง มีลมเข้ามาได้ คือเรามองว่าถ้าบ้านมีแสงสว่าง มีลมพัดโฟลว์ ยังไงบ้านก็น่าอยู่”


ถึงจะมีแบบบ้านในใจอยู่บ้างแล้วแต่คุณเอวาบอกว่าก็ต้องคำนึงถึงการใช้งานของคุณพ่อคุณแม่ด้วย “เรามีภาพในหัวอยู่แล้วว่าอยากให้บ้านออกมาประมาณไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตอนจะรีโนเวตเราก็ต้องเข้ามาดูมาสังเกตบ่อยๆ ว่าอยู่บ้านเขาทำอะไร ใช้ชีวิตประจำวันกันยังไง แล้วนำสิ่งเหล่านี้มาปรับเข้ากับแบบบ้านในสไตล์ที่เราชอบ อบอุ่น โฮมมี่ๆ แต่ไม่ได้คุมโทนหรือทำตามที่เราออกแบบไว้ทั้งหมด เพราะบางอย่างเป็นของที่เขาใช้งานเราก็ต้องเก็บไว้ สุดท้ายคนอยู่ก็ไม่ใช่ตัวเราด้วยไง (หัวเราะ) นอกจากนี้ยังมีเรื่องของฮวงจุ้ยที่เราพยายามจะเก็บดีเทลต่างๆ เอาไว้ด้วย ภาพรวมของบ้านเลยต้องดูหลายๆ อย่างให้มันลงตัวสอดคล้องกัน”


เริ่มจากพื้นที่หน้าบ้านปรับจากเดิมที่ดูมืดให้เปิดรับแสงและลมได้อย่างเต็มที่ “เราทำเป็นประตูเหล็กแบบแผ่นเจาะรูจะได้ไม่ดูทึบจนเกินไป ขณะเดียวกันก็ยังช่วยพรางสายตาให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวอยู่ ด้านบนดีไซน์เป็นช่องลม ส่วนหลังคาจะมีบางส่วนที่เราเลือกใช้เป็นแบบโปร่งแสง ประตูบ้านตั้งใจทำเป็นประตูเฉียง เราได้แรงบันดาลใจมาจากคาเฟ่แห่งหนึ่งเห็นแล้วชอบ เวลาเปิดจะให้ความรู้สึกเหมือนต้องเดินเข้าไปอีกโซน ไม่ใช่เข้าไปแล้วเห็นทุกอย่าง และบ้านเราหันหน้าไปทางทิศเหนือตามหลักฮวงจุ้ยไม่ค่อยโอเค ต้องเฉียงนิดหน่อยเพื่อเปิดรับทรัพย์ แล้วตอนแรกบ้านเป็นสีฟ้าทั้งหลังเลย เพราะฮวงจุ้ยบอกถ้าเป็นสีฟ้าจะดี พอรีโนเวตแม่ก็อยากให้เก็บสีฟ้าไว้ด้วย เราบอก… ‘ม๊า ขอทาบ้านเป็นสีขาวได้ไหมแล้วเอาสีฟ้าที่ถูกฮวงจุ้ยมาใช้กับประตูตรงนี้’ ส่วนพื้นตรงนี้เดิมเป็นปูนขัดสีแดงหมดเลยตามหลัก เราก็ขอเปลี่ยนเป็นใช้กระเบื้องดินเผาแทน โทนสีก็ส้มๆ แดงๆ ได้อยู่เหมือนกัน”


เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในบ้านมองตรงไปจะเป็นตำแหน่งของตี่จู้เอี๊ยะ พื้นที่ใช้สอยแบ่งเป็นส่วนลิฟวิงไว้นั่งเล่น ดูทีวี รับแขก ตามด้วยส่วนแพนทรีสำหรับเตรียมหรืออุ่นอาหารง่ายๆ และมีโต๊ะกินข้าวจัดวางไว้ตรงกลางเสมือนเป็นจุดศูนย์รวมของบ้าน มีครัวไทยอยู่ด้านหลังไว้ให้คุณแม่ทำกระเพาะปลาขายและรองรับการทำอาหารแบบจริงจัง
“เราทุบทำใหม่ทั้งหมดเลย รื้อประตูกั้นที่เป็นอะลูมิเนียมออก ตอนแรกตั้งใจว่าถ้ารีโนเวตเสร็จแล้วค่อยทำประตูกั้นใหม่ แต่พอปล่อยโล่งๆ ไว้มองแล้วก็สบายตาดีเหมือนกัน บ้านดูไม่อึดอัด ลมก็โฟลว์ เลยยังไม่ทำดีกว่า ก่อนหน้านี้ตรงกลางจะเป็นตู้โชว์กับที่วางของ โต๊ะกินข้าวจะอยู่ชิดกับทีวี พอรีโนเวตบ้านใหม่เราเลยพยายามแบ่งพื้นที่เป็นโซนๆ เพิ่มส่วนแพนทรีเข้ามาไว้ให้พ่อชงกาแฟ อุ่นของกินง่ายๆ เวลาซื้อของมาก็เตรียมใส่ชาม อุ่น นั่งกินกันตรงมุมนี้ได้เลย”



“สมัยก่อนเวลาทำอาหาร ทำกระเพาะปลาจะมีกลิ่น เวลาวันหยุดป๊าอยู่บ้านเขาบอกกลิ่นมันแรง ร้อนด้วย เลยทำเป็นประตูอะลูมิเนียมขอบสีทองๆ กั้นส่วนห้องครัวไว้ ตอนนั้นเวลาต่อเติมอะไรเราก็จะทำทีละส่วนๆ มันเลยดูไม่เข้ากัน พื้นก็เป็นหินขัด แล้วของก็เยอะเต็มบ้านด้วย” คุณแม่เล่าเสริม

ก่อนจะพูดคุยถึงส่วนอื่นๆ เราถามคุณเอวาถึงการออกแบบแพนทรีและครัวไทยเพิ่มเติม “ตรงแพนทรีเป็นตู้ครัวเดิมจากคอนโดฯ เราย้ายส่วนหนึ่งมาไว้ที่นี่ แล้วไปหาซื้อตู้อีกชุดหนึ่งมาเพิ่มให้มันดูเข้ากัน ไม่ได้เน้นฟังก์ชันอะไรมาก มีอ่างล้างจานกับที่เก็บของเล็กๆ น้อยๆ เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งส่วนใหญ่เราจะพยายามใช้ของที่มีอยู่ อย่างเก้าอี้นั่งกินข้าวยังแข็งแรงใช้งานได้อยู่แม่ก็เอาไปหุ้มเบาะ ทาสีใหม่ พอเอามาจัดวางดีไซน์ก็ดูสวยเข้ากันกับบ้าน


“ครัวไทยตอนแรกเป็นครัวปูนเราทุบออกหมดเลย ตั้งใจจะทำเป็นครัวปูนใหม่แต่ทาสีขาวแต่คิดไปคิดมาข้อเสียของครัวปูน พอใช้ไปนานๆ จะมีเรื่องกลิ่น เรื่องความชื้น แล้วเราก็ชอบครัวสเตนเลส ชอบดูตัวอย่างครัวบ้านญี่ปุ่นที่เขาใช้สเตนเลส เราว่ามันสวย เลยไปดูครัวสเตนเลสที่เป็นแบบสำเร็จก่อน แต่ขนาดไม่ลงตัวกับพื้นที่ บวกกับแม่เราตัวเล็กซึ่งไซส์ครัวสำเร็จรูปมันค่อนข้างสูง แล้วแม่ก็รู้จักร้านสเตนเลส เราเลยสั่งทำขนาดให้พอดีกับสัดส่วนของเขาและพื้นที่ครัว เพื่อให้สามารถใช้งานครัวได้สะดวกคล่องตัว ตอนออกแบบเราจะให้แม่มาลองยืนดูตำแหน่งฟังก์ชันว่าถ้าทำแบบนี้ๆ โอเคไหม บางอย่างเราก็ช่วยปรับให้เขาใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าครัวเก่า

“ส่วนเรื่องฮวงจุ้ยครัวจริงๆ ถ้าทำตามหลักที่ซินแสดูตำแหน่งเตาจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่มันยากถ้าเราจะติดเครื่องดูดควัน อย่างวันไหนแม่ทำอาหารหนักก็เปิดประตูช่วยระบายอากาศได้ เราคิดอยู่ 3 วันว่าเอายังไงดี แล้วโทรไปถามเขาว่าถ้าเอาเตาไว้อีกฝั่งตรงประตูแทนได้ไหม เขาบอกได้แต่จากเกรด A ขายของดีก็จะเหลือ B+ เราก็แบบโอเคไม่เป็นไร B+ ก็ได้เอาฟังก์ชันใช้งานเป็นหลักก่อน (หัวเราะ)”
“จริงๆ ครัวสเตนเลสก็สวยนะ ม๊าก็ชอบ แข็งแรงดูแลทำความสะอาดง่ายด้วย แต่ก่อนม๊าจะชอบซื้อหนังสือแต่งบ้านมาดู นิตยสารบ้านในฝัน บ้านที่ใช้ครัวสเตนเลสเราดูแล้วก็ว่าสวยดี อย่างตรงใต้บันไดตอนนี้เขาทำเป็นตู้เก็บของ แต่สมัยเราเห็นแต่เขาทำเป็นมุมนั่งเล่น เป็นตู้วางทีวี ไม่ค่อยเห็นใครทำเป็นตู้เก็บของแบบนี้ ทีแรกก็บอกเขาจะทำทำไมตู้ตรงนี้ พอทำแล้วก็สวยดี เก็บของได้ด้วย” คุณแม่ช่วยเล่าเพิ่มเติม


ไปต่อกันที่ชั้นสองของบ้าน “บ้านทาวน์เฮาส์ปกติชั้นบนจะแบ่งเป็น 2 ห้องนอน เราทำใหม่ให้เหลือห้องนอนเดียวด้านหน้า ส่วนด้านหลังทำเป็นโซนซักล้าง ย้ายเครื่องซักผ้าจากเดิมที่อยู่ข้างล่างตรงหน้าบ้านไปไว้ข้างบนแทน ซักเสร็จ ตาก แล้วเก็บตรงนั้นได้เลย ทั้งสะดวกและดูเป็นสัดส่วน ไม่ต้องขนผ้าขึ้น-ลงบันไดด้วย”


สุดท้ายเราถามถึงความรู้สึกหลังจากที่บ้านรีโนเวตเสร็จเรียบร้อยแล้ว “สำหรับเอมองว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแค่พื้นที่ต่างๆ ภายในบ้าน แต่มันเปลี่ยนมุมมองของเราตอนใช้ชีวิตอยู่ในบ้านด้วย พอทาสีบ้านใหม่เป็นสีขาว มีช่องให้แสงให้ลมเข้ามา จัดของให้เป็นระเบียบ บ้านมันก็น่าอยู่ อย่างแม่แต่ก่อนจะไม่ค่อยอยากให้เพื่อนมาบ้าน เพราะไม่มีที่ให้นั่ง ของเยอะ มืดอึมครึมไปหมด หลังจากรีโนเวตแม่ก็จะชอบชวนเพื่อนมาเที่ยวบ้าน ‘มาสิๆ บ้านเพิ่งทำเสร็จ’ เราเองจากแต่ก่อนมาบ้านแป๊ปๆ แล้วก็กลับ ไม่มีที่ให้นอน ทุกวันนี้ก็สลับมานอนบ้านนี้บ้าง นอนบ้านตัวเองบ้าง”


“สำหรับม๊าๆ ว่าดีนะ น่าอยู่ พอรีโนเวตเสร็จมีแต่คนเดินมาชมว่าบ้านสวย ขอเบอร์ช่างรับเหมาหน่อย ตอนแรกม๊าไม่ได้คิดว่าเขาจะทำขนาดนี้ คิดว่าแค่ทาสีใหม่กับทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ตั้งแต่บ้านเสร็จใครเดินผ่านมาก็ต้องมอง ลูกค้าที่มากินกระเพาะปลาก็บอกบ้านสวยนะเจ๊ ส่วนป๊าเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร จะเป็นสไตล์หวงของมากกว่า ลูกอยากทำอะไรก็ทำ ตอนแรกเพดานบ้านก็จะต่ำๆ พอทำใหม่แล้วเขาเอาส่วนที่กั้นออกมองเห็นไปถึงหลังบ้าน ม๊ารู้สึกว่าบ้านกว้างขึ้น ไม่อึดอัด”