Design Kitchen & Home

ไอเดียออกแบบคอนโดฯ เรียบง่าย ใช้งานได้หลายฟังก์ชัน


คอนโดมิเนียมแห่งนี้เป็นทั้งที่พักกายและใจของคุณหมอบีม-นพ.คชาณัฐ พันธ์สุข ด้วยทำเลซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างบ้านและที่ทำงาน จึงไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทาง ทั้งยังมี Facility ครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตประจำวันของคุณหมอ ที่สำคัญคือมีสเปซส่วนตัวไว้พักผ่อนจากวันอันเหนื่อยล้า โดยออกแบบให้มีมุมสำหรับจัดวางเลโก้ที่ตนเองชื่นชอบ และสามารถใช้งานพื้นที่ได้หลากหลายฟังก์ชัน

แม้ว่าจะมีบ้านในกรุงเทพฯ อยู่แล้ว แต่ระยะทางค่อนข้างไกลจากโรงพยาบาลและคลินิกที่คุณหมอทำงาน จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจซื้อคอนโดฯ “ตอนนั้นช่วงประมาณปลายปี 2021 เราอยากได้คอนโดฯ ที่ขยับเข้ามาอยู่ในเมืองนิดหนึ่ง จะได้เหมือนมีจุดพักตรงกลางระหว่างบ้านกับสยามที่เราทำงานอยู่ คือแค่เดินทางก็เหนื่อยแล้ว ทีนี้พอเราพูดถึงคอนโดฯ ระบบ AI เฟซบุ๊กก็ขึ้นป๊อปอัพโฆษณาโครงการต่างๆ มาให้ (หัวเราะ) จนมาเห็นโครงการนี้ของแสนสิริอยู่ตรงพญาไท รู้สึกว่าสะดวกต่อการเดินทาง ตอนแรกเราไปดูมาหลายที่เหมือนกันแต่ด้วยจังหวะเวลาอะไรหลายๆ อย่างมันลงตัวพอดีกับที่นี่ทุกอย่าง เลยสนใจลองติดต่อกับทางเซลส์โครงการ พอดีเขาปิดส่วนเซลส์แกลเลอรีไปแล้วอยู่ในขั้นตอนก่อสร้าง เราเลยไม่ได้ดูตัวอย่างห้องจริง”

แต่คุณหมอบีมบอกว่าใช้เวลาตัดสินใจซื้อไม่นาน ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็ตกลงทำสัญญา “ในใจเราอยากได้คอนโดฯ แสนสิริเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คิดว่าโครงการเขาน่าจะมี Facility กับเลือกใช้วัสดุที่ดีมีคุณภาพ ถึงไม่ได้เห็นตัวอย่างห้องก็ไม่เป็นไร ด้วยทำเล ขนาดห้องกับราคาอยู่ในเกณฑ์ที่เราตั้งใจ แล้วก่อนนี้ตอนเป็นนักศึกษาแพทย์ก็เช่าคอนโดฯ อยู่ตรงอนุเสาวรีย์ คุ้นเคยกับย่านนี้ ถ้าอย่างนั้นตัดสินใจซื้อเลยแล้วกัน”

แม้ว่าแปลนห้องจะมีรูปแบบเหมือนคอนโดฯ ทั่วไป เปิดเข้ามาเจอส่วนครัว ถัดไปอีกนิดเป็นลิฟวิง มีห้องน้ำและห้องนอนอยู่ด้านในสุด ทว่าไอเดียออกแบบตกแต่งของคุณหมอทำให้เราเห็นว่าห้องขนาด 41 ตารางเมตรสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คิด “ขนาดห้องถ้าเป็นแบบ One Bedroom จะมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 21-25 ตารางเมตร กับ 41 ตารางเมตร เทียบกันแล้วรู้สึกว่าเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยแล้วได้ห้องที่ใหญ่กว่าเกือบ 2 เท่าน่าจะคุ้มค่ากว่า มีห้องตรงกลางให้เราใช้งานสเปซได้มากขึ้น ส่วนที่โครงการทำไว้ให้แล้วจะมีครัวบิลต์อิน ห้องน้ำ แล้วก็พาร์ติชันที่เป็นประตูกระจก นอกจากนั้นเราให้อินทีเรียดีไซเนอร์ (คุณปุย-สุนารี ลาวัลยะวัฒน์ Unexpected Design) มาช่วยออกแบบ”

โดยคุณหมอบีมให้โจทย์กับทางอินทีเรียว่า “อย่างแรกต้องดูแลทำความสะอาดง่าย ถ้าสังเกตจะเห็นว่าดีไซน์ทุกอย่างจะมีความเป็นเหลี่ยมเป็นล็อกๆ ด้วยความที่เราไม่ได้จ้างใครทำความสะอาด ทำเอง ถูเอง ดูดฝุ่นเอง คือตอนเช่าคอนโดฯ เฟอร์นิเจอร์ เช่น ขาโต๊ะ เก้าอี้ มันจะมีซอกมีมุมที่ยากต่อการทำความสะอาด ที่นี่จึงเน้นงานบิลต์อินเป็นหลัก

“ส่วนไอเดียเราไปเห็นบริษัทหนึ่งเขาออกแบบพื้นที่เป็นมัลติฟังก์ชันแล้วรู้สึกชอบ มีโต๊ะตัวเดียวแล้วใช้ทำอะไรได้หลายอย่าง นั่งดูทีวี ทำงาน ถ้ามีเพื่อนๆ มาปาร์ตี้ก็เอาเก้าอี้มาวางเพิ่มนั่งล้อมๆ กันได้ แล้วทางอินทีเรียเองเขาก็ขอให้เราส่งเรฟเฟอเรนซ์แบบที่ชอบไปให้ประมาณ 20 รูป เราส่งไป 40 รูป (หัวเราะ) โจทย์อีกอย่างคือเราอยากให้ดีไซน์แบบยกพื้นขึ้นมา โดยส่วนตัวไม่ได้ชอบนั่งโซฟาขนาดนั้น ชอบนั่งพื้นแล้วพิงโซฟามากกว่า เป็นสิ่งที่เราคุยกับทางอินทีเรียว่าอยากได้ประมาณนี้นะ แล้วเอามาปรับให้เหมาะกับห้องเราอีกที”

จากห้องนั่งเล่นโล่งๆ ออกแบบยกพื้นให้มีสเตปขึ้นมา ด้านหน้าดีไซน์เป็นโต๊ะตัวยาวแสนเรียบง่าย เว้นสเปซด้านล่างให้สามารถนั่งสอดขาได้สบายๆ ให้ฟีลญี่ปุ่นๆ แล้วจัดวางโซฟาไว้ด้านหลังจะนั่งพื้นแล้วพิงหรือนั่งบนโซฟาก็เลือกได้เลยตามชอบใจ ส่วนผนังด้านหลังมีตู้กระจกไว้โชว์เลโก้ที่คุณหมอบีมชอบ เป็นการออกแบบที่ไม่เพียงเพิ่มดีไซน์ให้ห้องดูสวยงามน่าสนใจแต่ยังรองรับการใช้งานได้จริงอีกด้วย “นอกจากนี้เราอยากให้มีตู้ใส่ของ จะได้จัดเก็บเป็นสัดส่วน คือเป็นคนชอบสะสมอย่างเลโก้ที่เห็นเราต่อเป็นงานอดิเรกตั้งแต่เด็กๆ เลยเลือกแบ่งเซ็ตใหญ่ๆ จากบ้านมาไว้ที่นี่ด้วย ดีไซน์จะมีความเป็นเหลี่ยมๆ เหมือนจิ๊กซอว์ที่วางแล้วเข้าล็อกกัน ทั้งตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า โต๊ะข้างเตียง โต๊ะในห้องนั่งเล่น ส่วนที่เซอร์ไพรส์และชอบมากที่สุดคือตอนแรกเราบอกโจทย์อินทีเรียแค่ให้ยกพื้นขึ้นมา แต่ไม่คิดว่าเขาจะออกแบบเป็นขั้นบันไดแล้วมีลิ้นชักไว้ใส่ของได้ด้วย ไม่ต้องไปหาซื้อตู้มาเพิ่ม ห้องก็ดูกว้างไม่อึดอัด”

ถามถึงสไตล์การตกแต่ง คุณหมอบีมบอกเพิ่มเติมว่า “เราชอบสไตล์ลอฟต์กับสแกนดิเนเวียน โทนสีห้องเลยจะออกมาประมาณนี้ โซนทีวีจะเลือกใช้ไม้สีเข้มหน่อยดูสแกนฯ แต่ด้วยเราเป็นเอเชียเลยมีความมูจิๆ เข้ามาผสมผสานด้วยอย่างไม้สีอ่อน แล้วเราก็พยายามเลือกโทนให้กลมกลืนกับครัวบิลต์อินของโครงการด้วย

“พอคิดว่าเป็นสิ่งที่เราต้องอยู่ด้วยไปอีกนานเลยอยากได้อะไรที่มันเรียบง่ายที่สุด บางอย่างเราก็คงของเดิมไว้ อย่างพาร์ติชัน อินทีเรียก็ถามเหมือนกันว่าอยากรื้อแล้วกั้นใหม่ไหมจะได้มีพื้นที่ที่สามารถทำอะไรได้มากขึ้น แต่เราอยู่คนเดียว ตื่นเช้าออกไปทำงานกว่าจะกลับก็เย็นแล้ว คงไม่ได้ใช้ฟังก์ชันอะไรเยอะขนาดนั้น ประหยัดงบด้วยครับ (หัวเราะ) ส่วนครัวตอนแรกตั้งใจว่าอยากจะทำอาหารเองเหมือนกัน พอเข้ามาอยู่ไม่ค่อยได้ทำเลย ไม่มีเวลา แล้วก็ไม่อยากให้ครัวเลอะด้วยครับ”

ถึงจะชอบความเรียบง่ายแต่เราก็สังเกตเห็นสีสันตามมุมต่างๆ ของห้องด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะเจ้าโซฟาสีเขียว “เราอยากให้ห้องมีความเป็นธรรมชาติ ดูกรีนๆ ประกอบกับช่วงหลังเราเป็นคนค่อนข้างใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำไมกรุงเทพฯ ไม่น่าอยู่ ไม่ค่อยมีต้นไม้สีเขียวๆ เลยพยายามเลือกอะไรที่เป็นสีเขียวมาใส่ไว้ในห้อง ผ้าม่าน ผนัง ของใช้ โซฟา เวลากลับจากทำงานเข้าห้องมาจะได้รู้สึกสดชื่น สบายใจ อย่างน้อยเข้ามาเห็นโซฟาสีเขียว เดินดูเลโก้ แค่นี้มันก็ช่วยฮีลใจเราแล้ว ได้รีแลกซ์จากงานที่ทำ”

เพราะสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมคุณหมอจึงเลือกใช้เลโก้ดอกไม้แต่งห้องแทนต้นไม้ดอกไม้จริงหรือเปล่าคะ? เราเอ่ยถามขึ้น “ใช่ครับ ตรงโซนทีวีตอนแรกคิดอยู่เหมือนกันว่าจะเอาอะไรมาวางดี พอรู้ว่าเลโก้ออกเซ็ตดอกไม้ เลยซื้อมาต่อแล้ววางตกแต่งไว้ จริงๆ เรายังชอบดอกไม้สดอยู่นะครับ คงอารมณ์เหมือนที่คนชอบพูดกันว่าถ้าเรารักดอกไม้ เราจะไม่อยากเด็ดมันมา อย่างงานอดิเรกเราชอบวาดรูป ชอบงานศิลปะ ชอบต่อเลโก้ ตอนเด็กอยากเป็นสถาปนิก พอเอาเข้าจริงเราไม่อยากนำสิ่งที่ชอบมาทำเป็นอาชีพให้มีความกดดัน ให้งานศิลปะเป็นอะไรที่เราทำแล้วรู้สึกรีแลกซ์น่าจะดีกว่า”

สำหรับคำถามสุดท้าย คุณหมอคิดว่าอะไรคือส่วนที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ความเป็นตัวเอง? “ที่นี่เหมือนเป็นพื้นที่ที่เราได้เป็นตัวเอง ด้วยอาชีพเวลาทำงานอาจจะนิ่งๆ ด้วยเนื้องานที่ค่อนข้างเครียด พอกลับบ้านมาก็รู้สึกรีแลกซ์ขึ้น นั่งวาดภาพระบายสี ต่อเลโก้บ้าง ได้เห็นสีสันของโซฟาสีเขียวตัดกับหมอนอิงสีส้ม สีเหลืองที่เราชอบ อย่างน้อยได้เปลี่ยนบรรยากาศ แค่นี้ก็สบายใจแล้วก็มีความสุขแล้วครับ”

บอกเลยว่าการพูดคุยกับคุณหมอบีมนอกจากจะได้ไอเดียออกแบบตกแต่งคอนโดฯ แล้ว ยังเห็นถึงการเลือกและบาลานซ์สิ่งที่ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว อย่าลืมสร้างพื้นที่แห่งความสุขความสบายใจให้ตัวเองกันด้วยนะทุกคน

สามารถติดตามคอนเทนต์ของคุณหมอบีมได้ทาง YouTube : TheDocDiary กับเรื่องราวประวัติศาสตร์การแพทย์สมัยต่างๆ ที่นำมาประยุกต์กับการแพทย์แผนปัจจุบันให้ทุกคนเข้าใจอย่างง่ายๆ


You Might Also Like...