สำหรับบางคนการได้ไปทานอาหารแบบ Formal Dinning คงเป็นเหมือนฝันร้ายเลยทีเดียว เพราะสิ่งที่สามารถทำให้คุณตาลายได้คือชุดช้อน ส้อม และมีดไม่ต่ำกว่า 3 ชุดที่จัดไว้บนโต๊ะอาหาร โดยเฉพาะการจัดโต๊ะแบบเป็นทางการ (A Formal Tables Setting) ที่นิยมจัดกันตามโรงแรม ซึ่งสามารถทำให้คุณสับสนได้ว่าจะเริ่มที่อันไหนก่อน ไม่นับข้อควรจำอย่างจานขนมปังของคุณจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ
ในขณะที่แก้วน้ำและแก้วไวน์จะวางอยู่ทางด้านขวามือ ถ้าคุณหยิบผิดเอาของคนที่นั่งข้างๆ มาใช้ ยิ่งถ้าไม่ใช่เพื่อน หรือญาติสนิทคงเป็นเรื่องแน่ๆ โดยอุปกรณ์ (Cutlery) ที่จะวางไว้นั้นจะจัดตามเมนูอาหารที่เสิร์ฟ ส่วนใหญ่แล้วจะมี 3 – 4 จาน เริ่มจากสลัด ซุป จานหลัก และของหวาน
โดยอุปกรณ์ที่จัดวางไว้บนโต๊ะนั้นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
Chinaware – เครื่องกระเบื้อง
Silverware – อุปกรณ์ในการรับประทานอาหาร
Glassware – ชุดเครื่องแก้ว
Service Plate จานกลมขนาดใหญ่ที่มีหน้าที่เป็นจานรองสำหรับอาหารจานแรกอย่างเช่น ซุป หรืออาหารเรียกน้ำย่อย โดยจะเก็บไปต่อเมื่ออาหารที่จะเสิร์ฟต่อไปคืออาหารจานหลัก ซึ่งงานเลี้ยงใหญ่ๆ บางงานที่มีการเสิร์ฟอาหาร 10 -12 จานนั้น การเก็บ Service Plate เป็นสัญญาณว่าอาหารจานหลักกำลังจะออกมาค่ะ
Butter Plate และ Butter Knife เป็นจานขนาดเล็กสำหรับใส่ขนมปัง และมีดทาเนยที่จะวางอยู่ทางซ้ายมือค่อนไปทางด้านบน ซึ่ง Butter Knife เรียกอีกอย่างว่า Spreader เอาไว้ใช้ทาเนย
นอกจากตำแหน่งการวางที่กำหนดชัดเจนแล้ว สิ่งสำคัญในการจัดโต๊ะแบบ Formal Dinning คือการวางลำดับของอุปกรณ์ (Cutlery) ที่ใช้ในการรับประทานอาหาร โดยจะวางให้คุณหยิบจากด้านนอกเข้าไปด้านในตามลำดับของอาหารที่เสิร์ฟ ห้ามหยิบจากด้านในออกด้านนอกเด็ดขาด โดยจะวางมีดและช้อนซุปไว้ด้านขวาและส้อมอยู่ด้านซ้าย ถ้าคุณเป็นคนถนัดซ้ายก็ต้องทำใจหน่อยนะคะ และการหันส่วนคมของมีดที่ถือว่าอันตราย (Dangerous หรือ Aggressive) นั้นก็ต้องหันเข้าหาจานของเรา ซึ่งการจัดลำดับอุปกรณ์ในการรับประทานนั้นจะไล่จากด้านนอกเข้าด้านใน
Salad Fork และ Salad Knife จะมีขนาดเล็กกว่ามีดและส้อมสำหรับจานหลัก และมีดจะไม่คมมากนักแต่มีความคมพอที่จะตัดผักให้ขาดออกจากกันได้
Soup Spoon อันนี้ย่อมเป็นที่คุ้นตาสำหรับเจ้าช้อนทรงกลมที่เอาไว้ตักซุป เวลาใช้จะต้องตักซุปออกจากตัวและทานซุปจากทางด้านข้างของช้อนไม่ใช่จากด้านหน้าของช้อน ส่วนการจัดลำดับซุปและสลัดนั้นบางแห่งวางให้เสิร์ฟซุปก่อนสลัดก็มี ซึ่งขึ้นอยู่กับการจัดวางเมนู
Dinner Fork และ Dinner Knife จะมีขนาดใหญ่กว่า Salad Fork และ Salad Knife อย่างเห็นได้ชัด Dinner Knife นี้สามารถเปลี่ยนให้เหมาะกับอาหารที่เสิร์ฟด้วยว่าจะเป็นจานเนื้อ หรือจานปลา ถ้าเป็นจานปลาโรงแรมบางแห่งจะเปลี่ยนเป็น Fish Knife ที่มองผ่านๆ อาจนึกว่าเป็นมีดทาเนยที่ขยายขนาดขึ้นนั่นเอง ส่วนจานเนื้อส่วนใหญ่จะใช้มีดแบบเดียวกับ Salad Knife แต่มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีความคมมากกว่า แต่บางแห่งจะเปลี่ยนเป็นมีดสำหรับหั่นเนื้อโดยเฉพาะไปเลยอันนี้ก็แล้วแต่สถานที่ค่ะ
อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าอุปกรณ์ในการทานอาหารจะวางไว้ทางด้านซ้ายและด้านขวาของจานอาหาร แต่มีข้อยกเว้นสำหรับช้อนและส้อมสำหรับของหวานที่เรียกว่า Dessert Fork and Spoon ที่จะอยู่ด้านบนของจาน Service Plate โดยจะวางส้อมอยู่ใกล้กับ Service Plate และหันปลายส้อมไปทางด้านขวา ส่วนช้อนจะวางไว้เหนือส้อมและหันปลายช้อนไปทางด้านซ้ายสวนทางกับส้อม
นอกจากอุปกรณ์ในการทานอาหารแล้วเราก็ไม่ควรลืมอุปกรณ์ในการดื่ม โดยการจัดโต๊ะนั้นจะมีแก้ววางไว้อย่างน้อย 3-4 ใบ ซึ่งแก้วทั้ง 3 ใบหลักที่จะวางไว้ ได้แก่
Water Goblet ไม่จำกัดทรงของแก้วจะเป็นทรงอะไรก็ได้
Red Wine Glass ที่ก้นแก้วจะมีขนาดกว้างและป้อมกว่าแก้วไวน์ขาว เพื่อให้อากาศเข้าไปทำปฏิกิริยา Oxidization กับไวน์
White Wine Glass จะมีทรงคล้ายกับแก้วไวน์แดงแต่จะแคบกว่า
นอกจากแก้วทั้ง 3 ชนิดแล้วยังอาจจะมีแก้ว Sherry Glass และ Champagne Flute วางเพิ่มลงไปเป็น 5 แก้ว ส่วนถ้วยชาหรือแก้วนั้นมักจะนิยมยกเสิร์ฟที่หลัง แต่สามารถวางเตรียมไว้ได้เลยถ้าต้องการโดยจะวางอยู่ระหว่าง Dessert Fork and Spoon และ Water Goblet
อ่านมาถึงตรงนี้น่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณเวลาได้รับเชิญไปทานอาหารแบบเป็นทางการกันไม่มากก็น้อยนะค่ะ