จุดหมายสำหรับการนัดพูดคุยในครั้งนี้ เราปักหมุดไปที่ Baanrim Rooftop Farm (บ้านริมรูฟท็อปฟาร์ม) ฟาร์มผักกลางเมืองที่ใช้พื้นที่บนดาดฟ้าของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในย่านสาทร ที่เริ่มต้นตั้งแต่การเพาะเมล็ดจนกลายเป็นต้นกล้า และเติบโตเป็นผักรสชาติดีพร้อมส่งถึงมือผู้บริโภค
เราเลยอยากชวนทุกคนไต่ขึ้นที่สูงไปเยี่ยมชมดาดฟ้าบนอพาร์ตเมนต์ที่เปลี่ยนพื้นที่ว่างเปล่าให้มีประโยชน์ที่ คุณวี-วีรวรรณ กตัญญูวิวัฒน์ (เจ้าของอพาร์ตเมนต์) เข้ามาพัฒนาต่อจากคุณอาและคุณพ่อ โดยมีกำลังสำคัญอย่างคุณโอ-อธิศักดิ์ บุดชาดา (รปภ.) และคุณศา-วันวิศา เทพราชา (ธุรการ) เข้ามารับหน้าที่ในการดูแลผัก
เริ่มจากคุณอาเป็นนักทดลอง
จุดเริ่มต้นของการทำฟาร์มแห่งนี้เกิดจาก คุณอาหัดปลูกผัก เพราะตั้งใจว่าเกษียณจากงานแล้วอยากไปใช้ชีวิตในบั้นปลายปลูกผัก โดยเริ่มจากพื้นที่เล็กๆ ริมระเบียง ในระหว่างนั้นคุณอาไม่สบายก็มีพี่โอและศาที่เข้ามาคอยช่วยรดน้ำ ดูแลผัก พอท่านเสียชีวิตวีเลยเข้ามารับช่วงต่อ โดยมีคุณพ่อเข้ามาช่วยวางระบบ ด้วยความที่คุณพ่อเป็นวิศวกรก่อสร้างโยธา จึงมีช่างเข้ามาช่วยสร้างกระบะปลูกผักโดยดัดแปลงท่อเหล็กทำเป็นโครงยกสูงมีหลังคาจั่วสำหรับมุงพลาสติกโปร่งแสง
ผลผลิตเยอะเริ่มแบ่งปัน
เราทำงานออฟฟิศ อยู่ในเมือง ทุกคนไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับการปลูกผักเลย ประกอบกับพี่โอเป็นรปภ.เขาก็ศึกษาจากการไปดูยูทูบ ช่วงแรกผลผลิตไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ขึ้นๆ ลงๆ พอมันมีเยอะหน่อย ดีหน่อยเราก็แจกเพื่อน หลังจากนั้นเขาอยากได้อีกก็เลยขอซื้อ เราเริ่มขายทีละน้อยๆ มาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นพอมันเริ่มจริงจังเป็นธุรกิจก็ต้องมีผลผลิตออกมาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ซึ่งศากับพี่โอเข้ามาช่วยตรงนี้เยอะ สุดท้ายเราให้เขาเข้ามาทำเต็มตัว เปลี่ยนอาชีพเขาไปเลย
เรียนรู้และปรับใช้ให้เหมาะกับฟาร์มของเรา
เราได้ความรู้จากการไปฟาร์มอื่นๆ ไปดูว่าแต่ละที่เขาทำอย่างไร มีวิธีแก้ไขปัญหาอย่างไร รวมถึงจากที่พี่โอดูยูทูบ มันไม่ได้มีสูตรสำเร็จในการปลูก ไม่ใช่ว่าเราไปเรียนกับฟาร์มนี้แล้วจะยกทุกอย่างมาใช้กับเราไม่ได้ เพราะในแต่ละพื้นที่มีศัตรูพืชที่ไม่เหมือนกัน อากาศไม่เหมือนกัน แดดไม่เหมือนกัน ฉะนั้นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้คือ วิธีแก้ไข วิธีเอาตัวรอดกับปัญหาเหล่านี้
เรานำความรู้ที่ได้จากฟาร์มแต่ละแห่งไปศึกษาแล้วนำมาปรับใช้ให้เป็นวิธีของเราเอง รวมถึงการเลือกพืชผักในเมืองก็สำคัญ ต้องดูแดด ลม ดูชีวิตเราด้วยว่าว่างขนาดไหน ปล่อยมันได้ขนาดไหน ต้องเลือกให้เหมาะกับเราด้วย
อย่างตอนที่ปลูกผักที่นี่เรียนรู้มาพอสมควรคิดว่าทุกอย่างนิ่งแล้ว พอดีเรามีที่อยู่ที่สมุทรสาครตั้งใจว่า เราจะยกรูปแบบไปทำที่โน่นให้เหมือนกันทุกอย่างเลย ปรากฏว่าไม่ใช่ เราต้องเรียนรู้ใหม่หมด ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่ลมดีกว่า ปลูกง่ายกว่า แต่พอไปอยู่สมุทรสาคร เรากลายเป็นเกษตรกรที่เริ่มจากศูนย์ ที่โน่นลมก็ร้อน การระบายอากาศก็ไม่เหมือนที่นี่ เพราะที่นี่มันอยู่บนดาดฟ้า ทำให้ได้แดดดี ลมดี การระบายอากาศก็ดี แต่ที่โน่นเป็นที่ราบแล้วรอบด้านเป็นสวน อากาศระบายไม่ดี ไหนจะต้องเจอแมลง เจอศัตรูพืชแปลกๆ ทำให้เราต้องหาความรู้ใหม่ทั้งหมด
ปัจจัยที่ทำให้ผักสดมีรสอร่อย
ที่นี่ไม่ใช่ระบบไฮโดรโปนิกส์ แต่เราปลูกผักใช้ดิน เป็นดินที่หมักเอง ใช้ปุ๋ยสูตรของเราเอง รวมถึงน้ำหมักจุลินทรีย์ เรียกว่าไม่ใช้อะไรที่เป็นสารเคมีเลย
การให้น้ำเราจะนำน้ำประปามาพักในแท็งก์น้ำก่อนจะรด โดยใช้คนรดน้ำในช่วงเช้าเย็น กลางวันมีการพ่นหมอกเพื่อลดความร้อน และเพิ่มความชุ่มชื้นในดินด้วยการใช้เทปน้ำหยด
ส่วนการให้ปุ๋ยเราใช้ปุ๋ยน้ำที่เราหมัก แล้วช่วงการปลูกในทุกๆ 2 อาทิตย์เราจะใส่ปุ๋ยพืชสด เป็นปุ๋ยคอกที่ได้มาจากฟาร์มเลี้ยงหมูที่ไม่ใช้สารเคมี
มุมมองใหม่ที่ได้จากการปลูกผัก
เราเป็นคนที่เติบโต เรียนหนังสือในเมือง ทำงานออฟฟิศ แล้วไม่เคยคิดว่าจะทำอะไรตรงนี้ เป็นเรื่องไกลตัว ฟังแล้วเป็นเรื่องของคนวัยเกษียณมากกว่า แต่การปลูกผักมันทำให้เราได้เข้าใจธรรมชาติมากยิ่งขึ้น พอเราเข้าใจธรรมชาติก็เริ่มหันมาดูตัวเองว่าในธรรมชาติมีระบบนิเวศ ไม่ต่างจากตัวเราก็มีระบบนิเวศเหมือนกัน เป็นแง่คิดใหม่ๆ ที่เราได้อยู่กับธรรมชาติ
เป็นมุมมองใหม่ๆ ที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้จากการทำธุรกิจด้านนี้ แต่ในเมื่อมันคือโอกาสเราก็พร้อมที่จะคว้าและทำทุกอย่างอย่างเต็มที่และแฮปปี้ พร้อมส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น โดยเราอยากให้ Baanrim Rooftop Farm เป็นส่วนเล็กๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคมีความสุขก็รู้สึกพึงพอใจแล้ว
เพิ่มความชุ่มชื้นในดินด้วยการใช้เทปน้ำหยด
https://www.facebook.com/baanrimrooftopfarm