PARA STORY งานออกแบบ ของใช้ในบ้านรักษ์โลก ที่พายางพาราไทยไปสู่ Milan Design Week

PARA STORY แบรนด์ออกแบบ ของใช้ในบ้านรักษ์โลก ที่มีหัวใจอยู่ที่ยางพารา ถ่ายทอดจุดเริ่มต้นของวัฏจักรแห่งการหมุนเวียนผ่านงานออกแบบของใช้โดยคุณกานต์-อรกานต์ สายะตานันท์ นักออกแบบที่หาคำตอบของงานดีไซน์เพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยนวัตกรรมเรียบง่ายและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันได้ไม่ยากพร้อมพาวัสดุธรรมชาติไทยไปสู่เวทีโลกได้อย่างน่าภูมิใจ

วงจรของยางพาราสู่งานดีไซน์ของใช้รักษ์โลก

“เรามองเห็นปัญหาโลกร้อนที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เลยอยากเริ่มทำอะไรที่ได้เป็นส่วนหนึ่งเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และเพราะเราเป็นแบรนด์ไทย เราจึงอยากเพิ่มมูลค่าให้วัตถุดิบไทย เพื่อให้ประเทศไทยมีที่ยืนในเวทีโลกได้อย่างภูมิใจ ทำให้เราเริ่มเสาะหาวัสดุที่มองว่าน่าสนใจจนได้มาเจอยางพารา เป็นที่มาของแบรนด์พร้อมกับคีย์เวิร์ด 3 คำคือ Thailand, Environmentally Friendly, Innovation การเพิ่มมูลค่าให้วัตถุดิบไทยในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบกับการออกแบบด้วยนวัตกรรมเรียบง่าย”

ยางพาราไทยบนเวทีมิลาน

Para Story เปิดตัวแบรนด์ครั้งแรกบนเวที Milan Design Week ปี 2016 ที่ประเทศอิตาลี ซึ่งได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการงานออกแบบด้วยวัสดุไทยอย่างยางพาราที่ดึงดูดความสนใจ พร้อมกับการออกแบบทางนวัตกรรมที่เน้นตอบสนองการใช้งานในชีวิตจริง

“ในประเทศไทยเราคุ้นเคยกับยางพารากันดีอยู่แล้ว แต่บนเวทีโลกคนทั่วไปแทบไม่รู้จักยางพาราเลย บวกกับกระแสการรักษ์โลกในยุโรปตอนนั้นกำลังมาแรงเราจึงได้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับเลือกไปอยู่บนเวที Milan Design Week ปี 2016 ซึ่งในปีต่อมาเราได้รับเลือกเป็น Young Designer คนไทยคนเดียวในเวทีระดับโลก

“เราเรียนงานออกแบบโปรดักต์ดีไซน์ในไทย ซึ่งเมื่อมีโอกาสได้เรียนต่อปริญญาโทที่อิตาลีทำให้เราได้เห็นมุมมองการออกแบบในเวทีโลกมากขึ้น ว่าคิดอย่างไร ใช้อะไร แนวทางการออกแบบเป็นอย่างไร ทำให้เรามองเห็นว่าแนวทางการออกแบบของประเทศเราอยู่ในระดับไหนของโลก ตอนนั้นได้จุดประกายเราว่าคนไทยออกแบบได้ไม่แพ้ต่างชาติเลย ทำให้เกิดแรงบันดาลใจว่าทำไมเราไม่เพิ่มมูลค่าให้วัสดุบ้านเรา โดยใช้ศักยภาพในการออกแบบของเราให้เกิดเป็นสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นในโลกบ้าง เป็นจุดเริ่มต้นให้เราสร้างแบรนด์ขึ้นมา”

คำตอบของงานดีไซน์เพื่อสิ่งแวดล้อม

“เพราะประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ ในการผลิต และส่งออกยางพารามาหลายปีมาก แต่น่าเสียดายที่เราส่งออกแค่ในรูปแบบ Raw Material เป็นหลัก การที่จะแปรรูปเป็นสินค้าออกแบบหรือสินค้าในครัวเรือนแทบจะไม่มี ส่วนมากเราจะส่งออกเป็นวัสดุแล้วรับซื้อสิ่งที่แปรรูปแล้วกลับมา ในเมื่อเรามีแบ็กกราวนด์เรื่องการออกแบบและเรียนด้านดีไซน์อยู่แล้ว เราจึงเห็นว่ามันสามารถเพิ่มมูลค่าให้ยางพาราด้วยการออกแบบที่มีนวัตกรรมเพื่อให้เป็นสินค้าที่พร้อมใช้งานในครัวเรือนได้เลย”

วัฏจักรแห่งการหมุนเวียน

‘We Do Not Design A Product But Life Circle’ คือสโลแกนสำคัญของ Para Story เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของยางพาราที่ไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรง แต่เป็นวัฏจักรแห่งการหมุนเวียน ซึ่งได้กลายมาเป็นทางออกของงานดีไซน์ เพื่อช่วยลดขยะบนโลกอย่างยั่งยืนเพียงเริ่มต้นการนำกลับมาใช้ใหม่

“Para Story ไม่ได้นำเสนอแค่โปรดักต์อย่างเดียว แต่เราออกแบบตั้งแต่ต้นกำเนิดจนถึงวันสุดท้ายของผลิตภัณฑ์ซึ่งมีวงจรเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เริ่มจากวัสดุธรรมชาติที่ชูโรงโดยยางพารา ต่อมาคือแนวคิดการออกแบบที่ผลงานทุกชิ้นจะมีฟังก์ชันให้คนตระหนักในการใส่ใจสิ่งแวดล้อม อย่างจุกปิดขวดแก้วที่มีคอนเซ็ปต์เพื่อให้คนนำขวดแก้วมาใช้ใหม่แทนที่จะทิ้งเป็นขยะหรือเปลืองพลังงานในการรีไซเคิล เกิดเป็นจุกปิด 3 in 1 ที่มีฟังก์ชัน ปิดได้ เทได้ กรอกน้ำได้ในชิ้นเดียว แน่นอนว่าเมื่อเราจำหน่ายแล้วสิ่งที่ต้องคำนึงคือบรรจุภัณฑ์ ทุกชิ้นสามารถรียูสได้ด้วยวิธีการพับที่เราใส่ไกด์ไว้ ทำให้สามารถนำไปใช้เป็นถาดกระดาษได้อีก ทั้งหมดนี้คือ Zero Waste Design ที่ไม่มีขยะตั้งแต่ต้นจนจบ”

ความท้าทายคือตัวเราเอง

“เราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่แค่มีแพชชันในการออกแบบ เราไม่ได้มีความรู้เรื่องธุรกิจหรือตลาดอะไรเท่าไร แต่มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้เพิ่มจากประสบการณ์ตอนนั้นเลยที่สนุกไปอีกแบบ และได้ก้าวผ่านไปอีกขั้น เป็นความท้าทายที่เกิดขึ้นตลอดเวลาเมื่อเราได้ลงมือทำแบรนด์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเพียงแต่เราต้องข้ามผ่านมันไป สุดท้ายสิ่งที่ท้าทายที่สุดคือตัวเราเอง เพราะในบางทีเราก็ท้อ แต่ถ้าเราผ่านมันไปได้เราจะไปได้เรื่อยๆ”

“เราเริ่มทำแบรนด์ตั้งแต่ก่อนจบปริญญาโทที่มิลาน ระหว่างเรียนเราก็เสาะหาโอกาสไปเรื่อยๆ เพราะเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนไว้ก่อนเรียน ปีที่จะเรียนจบเราจึงทำธีสิสเป็นแบรนด์ Para Story ทำให้ทาง Milan Design Week เห็นแววและคัดเลือกไปเป็นหนึ่งในโชว์”

มองเห็นทางออกในปัญหา

“คีย์การออกแบบของเราไม่ได้เริ่มจากรูปแบบ แต่เริ่มจากปัญหาที่พบเจอและหาทางแก้ อย่างจุกปิดขวดก็เกิดจากการที่เรามองเห็นปัญหาที่เกิดจากพฤติกรรมการดื่มไวน์ที่ทำให้เกิดขวดแก้วเยอะมาก เราคิดว่าแทนที่จะทิ้งทำไมเราไม่รียูสแทน วิธีแก้ก็ออกมาหลายรูปแบบฟังก์ชันมากก่อนจะมาถึงเรื่องดีไซน์ สุดท้ายแล้วการออกแบบต้องคิดทั้งคู่พร้อมกัน”

“ทั้งหมดนี้เพราะเราต้องการแสดงให้เห็นว่ายางพาราที่เป็นวัสดุธรรมชาติบ้านเราสามารถขึ้นรูปได้หลายแบบมากๆ เพื่อให้คนภายนอกมีมุมมองต่อประเทศเราว่า ไม่ใช่แค่ประเทศที่มีทรัพยากร แต่ประเทศเรามีไอเดียด้านนวัตกรรมที่จะเพิ่มมูลค่าให้วัสดุของเราเองด้วย”