ผลกีวี นั้นมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในประเทศจีนแต่มาเป็นที่รู้จักกันในนามของ Yang Tao ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จนประมาณปี 1904 เมล็ดของ Ichang gooseberry ถูกนำกลับมานิวซีแลนด์โดย Mary Isabel Fraser ครูใหญ่ของโรงเรียน Wanganui Girls’ College ซึ่งเดินทางไปเยี่ยมโรงเรียนสอนศาสนาในประเทศจีน แต่กว่าจะลงมือปลูกก็ปี 1906 โดย Alexander Allison พอมาเจอสภาพอากาศดี ดินสมบูรณ์เลยให้ผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพ เจ้าChinese Gooseberries ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Kiwifruit ในปี 1959 ตามชื่อนกกีวี สัญลักษณ์ของประเทศนิวซีแลนด์ และกลายมาเป็นผลไม้ส่งออกสำคัญมากของประเทศ และมีการพัฒนาสายพันธุ์และคุณภาพให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับต้นกีวีนั้นจะเป็นไม้เลื่อยที่มองไกลๆจะนึกว่าต้นองุ่นเพราะจะทำหลักให้เกาะเหมือนต้นองุ่นเป็นการใช้วิธีทำหลักพยุงต้นเป็นรูปตัวที (T) ปักไว้ตามความยาวของแปลง แต่หลักนั้นทำส่วนใหญ่จะทำจากเหล็กเพื่อรับน้ำหนักของต้นกีวีและสายสลิงที่ขึงเอาไว้เพื่อให้กิ่งต้นกีวีเลื้อยปกคลุม ลูกจะห้อยลงมาข้างล่างใต้กิ่งทำให้การเก็บเกี่ยวสะดวกขึ้น
โดยผลกีวีที่เรารับประทานนั้น ลักษณะของผลกีวีจะเป็นทรงกลมรี ขนาดประมาณไข่ไก่ เปลือกบางสีน้ำตาลอ่อน แต่ที่มีขายจะมี 2 แบบ คือ
- Green Kiwi ซึ่งผลจะเป็นทรงกลมรี เปลือกสีน้ำตาลและมีขนสีน้ำตาลปกคลุมบางๆ เนื้อในจะเป็นสีเขียว รสเปรี้ยวอมหวาน
- Gold Kiwi ซึ่งทรงจะเหมือนหัวจุก เปลือกสีบรอนซ์เนียน เนื้อในเป็นสีเหลือง รสชาติจะออกหวานกว่าแบบ สีเขียว

ในส่วนของการนำมารับประทานนั้นมีหลายแบบ แต่ถ้ากินเพื่อให้ได้สารอาหารเต็มเปี่ยม เช่น วิตามินซี วิตามินอี โฟเลตนั้น การกินแบบสดจะดีกว่าแน่นอน ซึ่งวิธีการกินง่ายๆ แบบมือไม่เลอะ คือ ใช้ช้อนผ่าครึ่งลูก แล้วตักเนื้อตรงกลางกินได้เลย แถมเดี๋ยวนี้ถ้าซื้อกีวีแบบแพ็คจะแถมช้อนพลาสติกซึ่งมี 2 ด้าน คือ ด้านหยักไว้ผ่าครึ่งลูก และด้านเรียบไว้ตักเนื้อตรงกลางกิน
สำหรับการทำขนมและเครื่องดื่มก็มีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นหั่นผสมใน Fruit Salad ปั่นเป็น Smoothie กินก็ใช้ได้ หรือเอาแบบHealthy หน่อยก็หั่นใส่โยเกิร์ตรสธรรมชาติกินก่อนนอน รับรองสบายตัวในตอนเช้าเพราะผลกีวีมีเส้นใยอาหารเพียบ นอกจากนั้นยังใช้ในการตกแต่งหน้าขนมปังเดนิช ขนมเค้ก พายผลไม้ ฯลฯ แต่ถ้าจะให้ตรงกับธีมนิวซีแลนด์จะต้องทำ พาพโลวา (Pavlova) ซึ่งเป็นเมอร์แรงกรอบๆ เบาๆ รสชาติหวานๆโปะด้วยวิปปิ้งครีมหนานุ่ม ก่อนแต่งหน้าด้วยผลกีวีหั่นเป็นแว่นๆ ซึ่งมีรสชาติออกเปรี้ยวทำให้เวลาตักเข้าปากแล้วรสชาติตัดกันไม่เลี่ยน

วิธีการเลือกซื้อ พยายามเลือกแบบเปลือกตึง เนื้อแน่น ไม่มีรอยช้ำ เวลากดเบาๆ เนื้อจะค่อนไปทางแข็ง ถ้าจับแล้วนิ่มไม่ควรซื้อ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกทีละลูก อาจจะเสียเวลาหน่อย แต่การคัดทีละลูกจะได้ของดีกว่า แต่บางแบรน์ดจะจัดใส่กล่องแบบเป็นหลุม 4 หลุมก็ใช้ได้ เมื่อซื้อมาแล้วเก็บในตู้เย็นตลอดเวลาเพื่อรักษาความสด และไม่ให้เหี่ยวเฉาจนไม่น่ากิน ในส่วนของราคานั้นแบบสีเขียวและสีทองจะต่างกันไม่มาก ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริโภคชอบแบบใดมากกว่า