Garden Kitchen & Home

UNPLANT Farm to GROOT Hotpot ปลูกอย่างตั้งใจโดยไม่ใช้สารเคมี


เริ่มต้นจากคุณไบร์ท-สิตราวัชร์ พนาวิวัฒนาการ ได้กินผักจากฟาร์มออร์แกนิกแล้วรู้สึกว่าอร่อย ต่างกับผักทั่วไปจึงอยากลองปลูกผักไว้กินเองบ้าง โดยเริ่มจากทดลองปลูกผักสลัด 1-2 กระบะ และตั้งใจศึกษาหาข้อมูลอย่างจริงจัง จากที่ไม่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการปลูกผักหรือทำเกษตรเลย จนสามารถปลูกผักได้หลากหลายชนิดมากขึ้น และค่อยๆ ขยับขยายเป็น UNPLANT Farm ทั้งยังต่อยอดสู่ GROOT Hotpot ที่มีผักสดไร้สารเคมีจากฟาร์มเป็นตัวชูโรง

เริ่มจากกระบะปลูกเล็กๆ ก่อนหน้านี้เราได้ไปกินผักสดจากฟาร์มออร์แกนิก รู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากผักทั่วไป กรอบกว่า อร่อยกว่า ประกอบกับตอนนั้นมีสถานการณ์โควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราว้าวุ่นใจและไม่มั่นคง กังวลเรื่องความปลอดภัย ต้องสั่งอาหารมากินแทนการออกไปซื้อข้างนอก เลยมีความคิดว่าอยากปลูกผักไว้กินบ้าง อย่างน้อยถ้ามีสกิลในการปลูกผัก หรือเพาะเมล็ดเองได้น่าจะดีเหมือนกัน

จากนั้นจึงเริ่มลองปลูกผักสลัด 1-2 กระบะก่อนจะขยับขยายไปปลูกผักชนิดอื่นเพิ่มเติม โดยเราต้องศึกษาหาข้อมูลและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ลองผิดลองถูกและใช้เวลานานเป็นปีกว่าทุกอย่างจะเป็นรูปเป็นร่าง เพราะเราไม่มีพื้นฐานเรื่องการปลูก หรือการทำเกษตรมาก่อนเลย เรียนจบมาทางด้านบัญชี แต่พอตัดสินใจจะทำแล้วก็ต้องจริงจังและตั้งใจ

Unplan to UNPLANT Farm พอตัดสินใจว่าจะทำแล้วก็ต้องจริงจังและตั้งใจ จากที่ปลูกผักสลัด 2 กระบะได้แล้ว เริ่มอยากปลูกผักชนิดอื่นเพิ่มเติมด้วย จินตนาการว่าถ้าเราเดินอยู่ในสวนที่มีผักเยอะๆ หลากหลายให้เลือกกินนั่นกินนี่ได้คงดีกว่าปลูกผักสลัดอย่างเดียว เลยขยับขยายให้มีแปลงปลูกเพิ่มเติมโดยใช้พื้นที่ของที่บ้านซึ่งเดิมปล่อยรกร้างไว้ไม่ได้ทำอะไรมาปรับและทำแลนด์สเคปใหม่ทั้งหมด

โดยให้สถาปนิกมาช่วยออกแบบเพื่อให้ได้เลย์เอาต์แปลงผักที่สวยและได้ฟังก์ชัน แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนกระบะปลูกมีหลังคาสแลนไว้กันแดดกันฝนได้ กับส่วนแปลงผักเปิดโล่ง ด้วยรายละเอียดการปลูกผักแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ชอบแดดมาก ชอบแดดน้อย อย่างผักบุ้ง กะเพรา ปลูกลงดินแล้วเติบโตได้ดีกว่า ในขณะที่ผักสลัด เบบี้ฮ่องเต้ เติบโตได้ดีถ้าอยู่ในกระบะปลูก ไม่ต้องกังวลเรื่องแมลงในดิน และดูแลได้ง่ายกว่า เราก็ต้องเลือกปลูกให้เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอีกเยอะที่เราต้องค่อยๆ เรียนรู้กันไป จากตอนแรกที่ไม่ได้แพลนชีวิตไว้ว่าจะมาปลูกผัก จนตอนนี้ขยับขยายจนเป็นฟาร์ม เป็นที่มาของชื่อ UNPLANT Farm

ยังทดลองและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากสเกลของพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น เราดูแลคนเดียวไม่ไหว เลยมีคุณลุงคนสวนมาช่วยด้วย กลายเป็นว่าบางอย่างเราก็ได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากประสบการณ์ที่เขามี ด้วยความที่เราปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่ได้ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงจึงค่อนข้างยากเหมือนกัน อย่างปุ๋ยคอก มูลวัว มูลควาย ถ้าได้จากชาวบ้านที่เขาเลี้ยงตามทุ่งให้กินหญ้าตามธรรมชาติจะดีกว่าได้จากโรงเลี้ยงที่ให้อาหารเม็ด ต้องมีการปลูกแบบหมุนเวียน อย่างผักบุ้งพอตัดได้ 2-3 รอบก็ต้องเปลี่ยนพื้นที่ปลูก ไม่ปลูกที่เดิมซ้ำๆ เพื่อเลี่ยงแมลงศัตรูพืชและให้ดินได้พักบ้าง เวลามีเชื้อราหรือโรคของพืช เราก็จะใช้สมุนไพรฉีดไล่แมลงทุกวัน อาจจะป้องกันไม่ได้ 100% แต่ก็ไม่เป็นไร บางทีมีผักที่โดนหนอน โดนแมลงกัด ใบไม่สวยเราก็เอาไปหมักทำปุ๋ยกับให้ไก่ให้เต่าที่เลี้ยงไว้กิน เพื่อให้มี Waste น้อยที่สุด

ถ้าให้แนะนำสำหรับมือใหม่หัดปลูกเราต้องเริ่มจากถามตัวเองก่อนว่าปลูกเพื่ออะไร มีความสุขที่ได้ปลูก ปลูกไว้กินเอง ปลูกเพื่อนำไปขาย เพราะการปลูกผักเราต้องให้เวลากับเขานิดหนึ่ง อย่างตอนที่ผมทดลองปลูกผักสลัดรอบหนึ่งประมาณ 45 วัน กว่าจะรู้ว่าอะไรเวิร์กไม่เวิร์ก ต้องปรับแก้ไขส่วนไหนบ้าง เราก็ใช้เวลาไป 4-6 เดือนแล้วทุกอย่างถึงเริ่มลงตัว นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอีกเยอะมากที่ต้องใส่ใจ ปลูกไว้กินเองกับปลูกเพื่อนำไปขายแค่เรื่องต้นทุนกับวิธีการก็ต่างกันแล้ว ถ้าพร้อมจะตื่นเช้ามารดน้ำผักทุกวัน ลุยเลยครับ! เริ่มจากผักที่ปลูกง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนเยอะ ลองปรุงดินว่าแบบไหนดี ปลูกในพื้นที่เล็กๆ ก่อนแล้วค่อยขยับขยาย สำคัญคืออย่าลืมสังเกตตัวเองด้วยว่ามีความสุขไหม ผมว่ามันเป็นงานที่ค่อนข้างเหนื่อยนะ (หัวเราะ)

เพิ่มมูลค่าให้ผักด้วยคอนเซ็ปต์ Farm to Table ที่บอกว่าการปลูกไว้กินเองกับปลูกไว้ขายนั้นต่างกัน เพราะเราเองเริ่มจากอยากปลูกไว้กินเอง พอได้ผักปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราต้องมาคิดต่อยอดว่าจะทำอย่างไรดี เพราะตอนแรกเรายังไม่มีองค์ความรู้ ไม่มีตลาด ราคาผักแต่ละฤดูขึ้นลงต่างกันมาก ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง บางทีเก็บได้ 50-60 กิโลกรัม ขายได้แค่ 10 กิโลฯ กว่าเราจะปลูกจนโตใช้เวลาค่อนข้างนาน จะทิ้งก็เสียดาย

พอดีพี่สาวเขาทำร้านอาหารอยู่แล้วเลยมีไอเดียว่าเราน่าจะทำอะไรที่ส่งเสริมและเพิ่มมูลค่าให้ตัวผักได้ พอหาข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์ประเภทร้านอาหารตอนนั้นดูเหมือนว่าชาบู หม้อไฟหม่าล่ากำลังเป็นที่นิยม และเราเองคิดว่าเป็นอะไรที่ช่วยชูโรงผักได้ดีที่สุด ไม่ต้องปรุงแต่งรสอะไรมากแค่จุ่มต้มในน้ำซุปก็ได้กินผักอร่อยๆ แล้ว นอกจากนี้เรายังได้เปรียบเรื่องความสด เพราะตัดใหม่ทุกวันตอนเช้าแล้วจัดเก็บเข้าตู้เย็น สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในร้านได้เลยแบบไม่ต้องผ่านการขนส่ง

โดยเราทำส่วน GROOT Hotpot เพิ่มเติมจากฟาร์มผัก ออกแบบตกแต่งให้ทุกอย่างกลมกลืนกัน ให้ความรู้สึกเหมือนมานั่งกินชาบูในสวนบ้านเพื่อน นอกจากช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผักที่เราปลูกแล้ว ยังได้แบ่งปันผักอร่อยๆ ไร้สารเคมีให้กับทุกคนที่มากินฮอตพอตร้านเราด้วย

แอบกระซิบบอกว่านอกจากผักที่เป็นตัวชูโรงแล้ว คุณไบร์ทยังเลือกสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ มาพร้อมน้ำซุปและน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้าน โดยไม่ได้ใช้วัตถุดิบสำเร็จรูป แค่กินผักกับน้ำซุปก็อร่อยแล้วจริงๆ


You Might Also Like...