Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

ฮิปอินทรีย์ ฟาร์มวิลล์พอเพียง ของโอ๋ วง P2WARSHIP

ฮิปนะมาทำเกษตรกันเถอะ!! เป็นประโยคที่คุณโอ๋-ธรรมศักดิ์ ลือภูวพิทักษ์กุล นักร้องนำวง P2WARSHIP บอกกับเราขณะพาเดินชมสวนเกษตรแบบผสมผสานบนพื้นที่หลังบ้านซึ่งเมื่อ 10 ปีก่อนที่นี่เคยเป็นสนามฟุตบอลให้เช่า ด้วยเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2554เขาจึงแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งให้คุณแม่ที่ย้ายหนีน้ำท่วมมาจากมีนบุรีมาลงแปลงปลูกผักไว้กินเอง ต่อมาจึงเปลี่ยนสนามฟุตบอลแห่งนี้เป็นแปลงปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และเป็นศูนย์เรียนรู้การทำเกษตรในเมือง กับเทคนิคทำสวนสไตล์คนเมืองที่ปลูกทุกอย่างที่อยากกิน กินทุกอย่างที่ปลูกในชื่อฮิปอินทรีย์ ฟาร์มวิลล์พอเพียง (Hip Incy Farmville

เป็น Urban Farmer ยุคแรกๆ

 จากน้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี พ.ศ. 2554 บ้านที่มีนบุรีน้ำท่วมทำให้คุณแม่ต้องย้ายมาอยู่กับผมที่นาคนิวาส ลาดพร้าว พอตอนท่านมาอยู่ก็เริ่มจากเก็บผักริมรั้วก่อน จากนั้นก็เริ่มเพาะเมล็ดปลูกผักตรงพื้นที่สต๊อกทรายสนามฟุตบอล เขาก็ขอพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ปลูกผัก ตอนนั้นเห็นคุณแม่ทำก็คิดว่าชีวิตอยู่แบบพอเพียงก็ดีนะ เลยเกิดคำถามว่าทำไมเราต้องรอถึงเกษียณด้วย และช่วงนั้นชีวิตผมก็ลงตัวแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังแข็งแรง ไม่มีหนี้สิน มีบ้าน มีรถ พอปิดสนามฟุตบอลไปเลยใช้พื้นที่ตรงนี้ขุดหลุมทำแปลงทำสวนปลูกผักบนเนื้อที่ 1 ไร่ จนมาถึงช่วงต้นปี พ.ศ. 2555 จึงเริ่มทำจริงจังเป็นพื้นที่เกษตรกรรมแบบเต็มรูปแบบ เรียกได้ว่าเป็น Urban Farmer ในยุคแรกๆ  

เริ่มต้นจากคนเมืองที่ทำเกษตรไม่เป็น

ก่อนหน้านี้ผมทำงานหามรุ่งหามค่ำทุกวัน เป็นทั้งอาการออฟฟิศซินโดรม โรคกระเพาะ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท พอทุกอย่างพร้อมผมก็ลุกขึ้นมาทำเกษตรเล็กๆ เริ่มต้นหาข้อมูลก่อน ด้วยความที่จบด้านออกแบบ เวลาทำงานออกแบบต้องมี Design Analysis ศึกษาระบบงานก่อนว่าจะทำอย่างไร อย่างเราทำเกษตรต้องมีธีมหรือต้องไปเรียนรู้จากไหน โดยตั้งคีย์เวิร์ดคือเนื้อที่ 1 ไร่ แล้วค้นคว้าหาข้อมูลจนเจอเกษตรทฤษฎีใหม่ในยุคนั้น เช่น หนึ่งไร่หนึ่งแสน หนึ่งไร่ไม่จน ประกอบกับดูแบบแปลนของคนอื่นบ้าง พอทำ Design Analysis ก็มองว่าแปลงผักควรอยู่ใกล้บ้านเพราะต้องดูแลมาก ไม้ยืนต้นอยู่ไกลๆ ได้ คอกสัตว์อยู่ใกล้คอกปุ๋ย ด้วยความเป็นอินทีเรียเก่าก็ทำแบบขึ้น 3D เลย เพราะบ้านที่อยู่ปัจจุบันนี้ผมก็ออกแบบ 3D เอง ทำไปๆ เริ่มเข้าใจมากขึ้น ไปศึกษาอบรมตามที่ต่างๆ ด้วย และไปแนะนำตัวที่ “เกษตรพอเพียงดอทคอม” สมัยนั้นเฟซบุ๊กยังไม่เป็นที่นิยม เราก็ได้ฐานข้อมูลมาจากตรงนี้ ก็มีกูรูมาตอบให้ความรู้ และได้คำแนะนำว่าแถวบ้านที่อยู่มีผู้รู้ด้านการเกษตรชื่อคุณปริ๊นซ์-นคร ลิมปคุปตถาวร ที่เป็นเจ้าของฉายานามว่า “เจ้าชายผัก” ก็มีโอกาสไปขอคำปรึกษาจนปัจจุบันผมกับเจ้าชายผักกลายเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกัน เขาก็มาช่วยทุกอย่างจนมาถึงทุกวันนี้  มีอบรมที่ไหนก็พาไปหมดเลยมีความรู้เรื่องเกษตรมากขึ้น

แนวคิดปลูกเพื่อกินอยู่

ทำไมทำเกษตรอินทรีย์ ทำไมไม่เลือกทำเกษตรธรรมดา ทำไมทำเกษตรแบบผสมผสาน เป็นสิ่งที่ถูกถามบ่อยๆ ซึ่งผมมองว่าอันไหนที่ถูกจริตกับเราก็เก็บไว้ อันไหนไม่ถูกจริตก็เอาออกไป การทำเกษตรแบบผสมผสานก็มีหลายแบบ ปีแรกๆ ที่ทำคือเน้นทำเพื่อกินอยู่ ทำทุกอย่างภายในพื้นที่ 1 ไร่ เรากินไข่ก็เลี้ยงไก่ อยากกินผักอะไรก็ปลูก เริ่มปลูกไปทีละโซน เช่น กล้วย ชะอม พืชผักสวนครัวต่างๆ แล้วก็เริ่มเลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงปลา เริ่มปลูกต้นไม้ใหญ่ๆ พอผ่านมา 10 ปี ถือว่าเจออะไรมาเยอะจนสร้างตลาดและมีสังคมที่นี่ ในส่วนของตลาดก่อนหน้านี้เราใช้ชื่อว่า “ปันอยู่ ปันกิน” พอช่วงโควิดก็ต้องหยุดไป หลังโควิดซาบรรดาเหล่าผองเพื่อนเกษตรกรและผู้ผลิตต่างๆ ก็มารวมตัวกันอีกครั้ง จัดตลาด Hip Incy Marché ขึ้นในทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน  

ความสุขกับการทำฟาร์ม

ทำเกษตรแบบผสมผสานมาตลอด 10 ปี เปรียบเสมือนการกินข้าวทีละคำ ที่ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เรียนรู้ ได้รู้จักตัวเอง พอมาในปีนี้ผมเริ่มทดลองปลูกพืช เลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ ปลูกแบบแปรรูปในแบบเล็กๆ แล้วอยู่ได้   ตอนนี้ก็มีเลี้ยงปูนา ขุดบ่อเลี้ยงปลาดุก ผมว่าถ้าเราปลูกหรือเลี้ยงอะไรแล้วนำมาแปรรูปเราสามารถเพิ่มมูลค่าได้ อย่างปลาดุกเราก็ไม่ต้องขายปลายกบ่อ แต่นำมาแปรรูป ทำความสะอาด ควักไส้เสร็จเรียบร้อย มีทั้งแบบตัวและเป็นแบบหั่นแว่นแล้วนำมาซีลสุญญากาศแช่แข็ง เริ่มจากเล็กๆ ก่อน ถ้ามีตลาดทุกเดือนก็จะเอามาโพสต์ขาย นอกจากนี้ก็เตรียมแปลงดินไว้ปลูกผักกูด ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าแล้วแต่จริตของแต่ละคน บางคนชอบผักสลัดก็ปลูกผักสลัดไป อย่างผมทำมา 10 ปี อะไรที่ทำแล้วตอบโจทย์ ปลูกทีเดียวไม่ต้องรื้อแปลงทุกเดือน ก็เลยเลือกที่จะปลูกผักกูดเพราะความชอบด้วย และตลาดยังมีไม่เยอะ

ชวนคนมา “ฮิป” กับการทำเกษตร

เวลามีคนมาปรึกษาก็จะถามว่าถ้าลาออกจากงานมาทำได้ไหม เห็นเขาโพสต์กันว่าทำเมลอนได้เดือนละแสน เมื่อมีคนถามแบบนี้เราตอบไม่ได้นะ เพราะเราไม่ได้ทำเชิงพาณิชย์ มันมีความเสี่ยงเพราะบางคนมีภาระ สิ่งที่ผมแนะนำคือให้ทดลองทำก่อน ถ้าชอบและเกิดแนวทางที่ดีที่เป็นไปได้ จะตัดสินใจลาออกจากงานประจำเมื่อไรก็ได้ ต้องถามตัวเองว่าต้องการทำสวนแบบไหนที่ตรงกับความชอบของตัวเอง ตอบโจทย์ชีวิตของเราได้ พอจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ก็สามารถเริ่มลงมือได้เลย

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก HipIncyFarmville

Hip Incy Farmville (ลาดพร้าว ซอย 71)
11 นาคนิวาส ซอย 30 ถนนนาคนิวาส (ลาดพร้าว ซอย 71) กรุงเทพฯ
โทร. 08 0586 0822
Facebook : HipIncyFarmville Facebook : HipIncyMarche

nalin

nalin

อยู่วงการสิ่งพิมพ์มา 24 ปี เริ่มตั้งแต่ทำหนังสือพิมพ์ยุคพิมพ์ดีด พัฒนามาเป็นคอมพิวเตอร์ ตอนนี้เข้าสู่ยุคดิจิทัล โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คนเราก็ต้องพร้อมปรับตัวเรียนรู้สิ่งใหม่เช่นกัน