ตามเราไปเดินลัดเลาะดูไอเดียออกแบบบ้านของคุณซายูตี-ศักดรินทร์ สาดและ และคุณนัสมี่-อาภาภรณ์ มิตรน้อย ที่รวมทุกความชอบและความสุขของสมาชิกครอบครัวไว้ภายในบ้านหลังนี้ โดยเริ่มจากลงเสาเข็มบนที่ดินซึ่งเดิมเป็นบ่อน้ำทั้งหมดก่อนจะก่อร่างสร้างบ้านจนเสร็จสมบูรณ์ ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ น่าอยู่ และเป็นส่วนตัว
บรรยากาศของที่นี่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มีบ่อน้ำขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติแบบที่หาได้ยากในกรุงเทพฯ “ก่อนที่ผมจะมาปลูกบ้าน มีพี่น้องมาปลูกบ้านอยู่กันแล้วประมาณ 2-3 หลัง โดยเราจับสลากที่ดินกันว่าใครจะได้ตรงไหน ผมได้ในส่วนที่เป็นบ่อน้ำพอดี ก่อนนี้เคยคุยกันกับแฟนเวลาเห็นเรือขนทรายในแม่น้ำเจ้าพระยา เรารู้สึกว่าเขาใช้ชีวิตกันเจ๋งมากเลยอาศัยอยู่บนเรือกันแบบนั้น แล้วตอนเด็กๆ เวลาเล่นกับพ่อ ผมชอบเอาหมอนข้างมาวางซ้าย-ขวา เหมือนเป็นเรือระวังตกน้ำนะ เดี๋ยวจระเข้กิน จินตนาการว่าอยากให้บ้านมีน้ำล้อมรอบ อารมณ์แบบถ้าโจรเข้าบ้านต้องว่ายน้ำมา จึงเป็นที่มาของการออกแบบบ้านหลังนี้”
“เหมือนเราสร้างบ้านอยู่บนน้ำ ตอนถมดินเราใช้ดินผสมกับเศษขยะเศษปูนเวลาคนเขาทุบบ้านก็ให้เขาเอามาทิ้งที่นี่ด้วย ฐานรากจะได้แน่นๆ แข็งแรง แล้วลงเสาเข็มประมาณ 20 ต้น ส่วนดีไซน์เราให้สถาปนิกออกแบบร่างให้ก่อน จากนั้นนำมาปรับมาทำต่อเพิ่มเติม เรามีงบจำกัดอะไรทำเองได้ก็ทำ วัสดุต่างๆ ก็ไปเลือกซื้อกันเอง ส่วนช่างมีประมาณ 4-5 คน ก่อนนี้เขาทำรับเหมาที่อื่นเราเลยชวนมาทำบ้านให้ แล้วจ้างโฟร์แมนมาคุมงานอีกที”
“ช่างที่มาทำบ้านให้เขาเป็นช่างแบบช่างจริงๆ เวลาคุยเรื่องดีไซน์สไตล์ว่าอยากได้แบบไหนเขานึกภาพไม่ออกหรอก ถ้าผมไปคาเฟ่ไหนแล้วชอบอยากทำที่บ้านแบบนี้บ้างจะถ่ายรูปมาให้ดู ถ้ายังไม่เข้าใจจะพาไปนั่งกินกาแฟร้านนั้นด้วยกันเลย ลุงทำแบบนี้ได้ไหม บางทีพอถึงฤดูเก็บเกี่ยวลุงกับป้าจะมาขอไปทำนา 3-7 เดือนแล้วค่อยกลับมาทำบ้านให้เราต่อ กว่าบ้านจะเสร็จจึงใช้เวลาค่อนข้างนาน”
ไอเดียออกแบบตกแต่งเน้นความเรียบง่าย มินิมอล แบ่งพื้นที่ให้ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน สามารถเก็บของได้เยอะ นอกจากนี้ยังผสมผสานสไตล์ที่ชอบเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว “ส่วนกลางเป็นมุมนั่งเล่น นั่งกินข้าว มองออกไปเห็นสวนกลางบ้าน เรามีความผูกพันกับประเทศญี่ปุ่นเพราะต้องเดินทางไปทำทัวร์บ่อย จะแบ่งพื้นที่ใช้สอยง่ายๆ แต่เก็บของได้เยอะ อย่างผนังหลังโต๊ะกินข้าวทำเป็นประตูนินจา สามารถเปิดเก็บของไว้ด้านในได้ นอกจากความเป็นญี่ปุ่นแล้วเรายังชอบสไตล์ลอฟต์ สไตล์อินดัสเตรียลด้วย เลยนำสิ่งที่ชอบเข้ามาไว้ในบ้านแต่เลือกให้ทุกอย่างสอดคล้องกลมกลืนกัน มีงานปูน งานเหล็ก อิฐกรุผนัง และงานไม้เลือกใช้เป็นโทนสีอ่อนๆ”
“ตัวบ้านออกแบบสไตล์โมเดิร์น ฟังก์ชันภายในชั้นล่างแบ่งเป็นโซนกิจกรรม ดีไซน์ให้มีสไลเดอร์ ตู้คีบ มีห้องนอนหลัก ห้องญี่ปุ่น ห้องดูทีวี ครัว และสวนกลางบ้าน ส่วนชั้น 2 มีห้องนอน 1 ห้อง ออกแบบเผื่อไว้ตอนลูกๆ เริ่มโต บางทีก็ขึ้นไปนอนเล่นกันเปลี่ยนบรรยากาศ”
“ถ้าถามถึงห้องครัว เราออกแบบเป็นครัวปูน ใช้งานได้จริง ดูแลง่าย แต่ว่าปกติเราไม่ค่อยได้ทำอาหารจริงจังเลยไม่มีอุปกรณ์ครัว เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่าไร มีส่วนเตาที่ใช้งานเป็นหลัก เน้นอุ่นอาหารกับทำเมนูอบ เพราะเราทำร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ ซอยถัดไปเลยไม่ค่อยได้ใช้ครัวในบ้านเท่าไร ออกแบบให้มีเคาน์เตอร์วางของเตรียมของ มีบาร์ไว้นั่งเล่นนั่งกินอาหารง่ายๆ ใช้งานได้ต่อเนื่องกับมุมซักล้างกับตากผ้าด้านหลัง” คุณนัสมี่ช่วยคุณซายูตีเล่าเพิ่มเติม
ส่วนถัดไปที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เรียกว่าเป็นไฮไลต์ของบ้านหลังนี้เลยก็ว่าได้ “สวนเราออกแบบเป็นคอร์ตกลางบ้าน ให้ความรู้สึกเหมือนสวนป่า มีน้ำตกเล็กๆ ไหลผ่านจะได้ดูต่อเนื่องกับบ่อน้ำที่รอบๆ บ้าน ตอนแรกเรามีเรฟฯ ให้คนจัดสวนว่าอยากได้ประมาณไหน ได้ไอเดียมาจากสวนของบ้านต่างๆ ที่เราเคยเห็นเคยดู แล้วนำส่วนที่ชอบของแต่ละบ้านมาปรับให้ลงตัวกับบ้านเรา แฟนผมเขาร่างแบบคร่าวๆ ขึ้นมาว่าสิ่งที่เราต้องการมีอะไรบ้าง เลือกใช้ต้นไม้จริงกับหินจริงทั้งหมด น้ำหนักค่อนข้างเยอะ ต้องดูเรื่องรากฐานด้วยว่าควรใช้เข็มขนาดเท่าไรเพื่อให้แข็งแรงรองรับน้ำหนักได้ เพราะถ้าพื้นทรุดทีหลังจะแก้ไขยากมาก”
นอกจากสวนจะช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้บ้านร่มรื่นน่าอยู่แล้ว ของตกแต่งในมุมต่างๆ ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายอีกด้วย “อย่างโมเดลรถไฟ ผมจะซื้อสะสมไว้เวลาไปทำทัวร์ญี่ปุ่น จะเป็นสายรถไฟที่เราเคยนั่งทั้งหมด มันยากตรงต้องมานั่งคิดนั่งต่อเองแต่ละเส้นทางไม่ใช่ซื้อมาแล้วเป็นแบบเลโก้ ต้องจินตนาการว่าไปทางไหนเหมือนออกแบบเมือง วิ่งอย่างไรไม่ให้ชนกัน เราซื้อมาแบบชั่งกิโลหลายๆ กล่อง ส่วนใหญ่เป็นมือสอง ถ้าคิดเป็นรางเฉลี่ยตกชิ้นละ 1 บาท ใช้เวลาว่างวันฟรีเดย์ตอนทำทัวร์ไปชอปปิง ตอนแรกไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ ทำไปทำมาตอนนี้คิดว่าเริ่มเยอะไปแล้วครับ (หัวเราะ)” คุณซายูตีบอกทิ้งท้าย
