SOAR บริษัทออกแบบและตกแต่งภายใน
เริ่มขึ้นในปี 2016 เกิดจาก 2 ผู้ก่อตั้งคุณพี-พีรยา จันทรานุกูล และคุณปุ๊ก-ทัศนัย เสือเมือง นอกจากทั้ง 2 คนจะออกจากเซฟโซนของตัวเอง ทิ้งความกลัวไว้ข้างหลังเพื่อก้าวและเติบโตต่อไป พวกเขายังทำร้านกาแฟซึ่งนับเป็นหนึ่งในความฝันแล้วยังถือโอกาสให้ที่นี่กลายเป็นออฟฟิศและพื้นที่ทดลองของพวกเขาด้วย
ก่อนจะมาเป็น SOAR
เราเรียนจบมาด้วยกันจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เอกสถาปัตยกรรมภายใน จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี หลังจากเรียนจบต่างคนต่างก็ไปทำงานประจำ และมีรับงานนอกบ้างจนช่วงหลังๆ งานเยอะขึ้นจึงตัดสินใจออกมาทำงานในแนวทางของตัวเอง โดยเริ่มจากโปรเจ็กต์เล็กๆ อย่างบ้าน คอนโดฯ ทำให้กับคนรู้จักก่อนแล้วเริ่มเป็นโปรเจ็กต์ที่ใหญ่ขึ้น พื้นที่มากขึ้นอย่างร้านอาหาร ออฟฟิศ เป็นงานตกแต่งภายใน แต่ก็มีบางโปรเจ็กต์ที่เป็น Architect ซึ่งอันนี้เรา Collab กับเพื่อน
อะไรที่ทำให้กล้าออกจากเซฟโซน
พี : ส่วนตัวพีใช้เวลาไม่เยอะเพราะเรามองไม่เห็นอนาคตของตัวเองในสาขาของงานประจำเลย จริงๆ ไม่ได้คิดถึงขั้นมีบริษัทเป็นของตัวเอง แต่เราแค่รู้สึกว่าเรามีแนวทางการทำงานของเรา แต่บางทีด้วยวัฒนธรรมขององค์กรมาทำให้เราต้องทำแบบนั้นแบบนี้ โดยที่เราเองก็มีแนวทางของเราที่คิดว่าดีกว่าและประหยัดเวลากว่า เรามีเหตุผลแต่ด้วยเสียงเล็กๆ ของเรามันไม่มีใครฟัง เราก็เลยทำของตัวเองดีกว่า
ปุ๊ก : ทุกคนที่เรียนด้านนี้ฝันว่าอยากทำงานเป็นของตัวเองทั้งนั้น ในตอนแรกพอออกมาทำเองกังวลว่ากลุ่มลูกค้าเรายังไม่ต้องการงานดีไซน์ที่เยอะมากๆ และผมยังสนุกกับงานทดลอง แต่พอมาทำเองเลยคิดได้ว่าจริงๆ การทดลองมีอยู่ทุกโปรเจ็กต์แหละครับแต่แค่จะทดลองอะไร
สไตล์งานของ 2 คน ต่างกันมากไหม
พี : คนละแนวเลย ต่างกันมาก ของพีสาย Decorate จริงจัง ชอบ Perfectionist ต้องเนี้ยบ แต่ปุ๊กเขาจะเป็นงานทดลอง
ปุ๊ก : ครับ คือออฟฟิศที่ผมเคยทำมักจะทำงานกับดีไซเนอร์แบรนด์เสื้อผ้า พอทำงานแบบนี้เขาอยากได้อะไรใหม่ๆ ทดลองวัสดุใหม่ๆ ผมก็เลยจะสนุกกับงานประเภทนี้ สิ่งที่ผมทำดูไม่ค่อยเป็นอินทีเรียเท่าไร เหมือนทำเป็น Installation ขึ้นมาพี : พอมารวมกันเลยเหมือนมาอุดรอยรั่วของกันและกันมากกว่า ปกติพีก็จะอยู่หน้างานเยอะหน่อย อย่างของปุ๊กจะถนัดอีกอย่างหนึ่ง เหมือนมาช่วยกันให้งานสมบูรณ์แบบมากขึ้น ถึงเราจะทะเลาะกันทุกโปรเจ็กต์ (หัวเราะ) แต่งานที่ออกไปรับประกันเลย เพราะเรา Debate กันก่อนว่าอะไรดีอะไรไม่ดี มันจะถูกย่อยก่อนไปถึงลูกค้า
เมื่อต้องทำงานร่วมกันวางแผนอย่างไร
ปุ๊ก : เราเรียนด้วยกันมากระบวนการทำงานจะถูกสอนมาคล้ายกัน พอจบต่างคนก็ไปทำงานและต่างก็ไปเจออะไรใหม่ๆ ความถนัดเริ่มต่างกัน ความสนใจต่างกัน แต่ด้วยพื้นฐานที่เป็นพื้นฐานเดียวกันจึงคุยภาษาเดียวกัน
พี : ก่อนหน้านั้นเราทำงานอยู่ที่คอนโดฯ เป็นหลัก ทำงานในห้องสี่เหลี่ยมจะมีพาร์ตที่แยกกันทำงานแล้วค่อยเอางานมารวมกัน อย่างปุ๊กจะทำงานในห้องสี่เหลี่ยมตลอดเวลา เรียกว่ากินนอนและทำงานก็อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม
ปุ๊ก : มีช่วงที่คิดว่าไม่ค่อยดีแล้วนะ ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายและสภาพจิตใจ เราคุยกับตัวเองทั้งวันก็รู้สึกว่าต้องขยับขยายแล้ว มีหลายเหตุผลที่ทำให้เราต้องมีออฟฟิศ ด้วยสเกลงานที่ใหญ่ขึ้นเราก็ต้องมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น จะอยู่แต่ในที่ปิดไม่ได้แล้ว
พี : เรามีคนที่ต้องประสานงานด้วย นัดไปร้านกาแฟตรงนั้นตรงนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าควรจะมีที่กลางสักที่สำหรับคุยงานได้ มาหาได้ อีกอย่างคือเรามีความฝันอยากมีร้านกาแฟอยู่แล้วจึงได้ทำตรงนี้ ด้วยความที่ปุ๊กเป็นคนพูดน้อยมากแต่พอได้มาคุยกับคนเยอะๆ แล้วรู้สึกว่าเขาดีขึ้น
ปุ๊ก : การเปิดร้านนี้มันดีอย่างหนึ่งเพราะก่อนหน้านี้อาชีพสถาปนิกหรืออินทีเรียมันเข้าถึงยากครับ พอเราเปิดร้านปุ๊บเราบอกลูกค้าทุกคนว่าเราเป็นอินทีเรีย อันนี้ไม่ใช่งานหลักเรานะ เราเข้าถึงคนได้เยอะขึ้น ลูกค้าที่เข้ามาบางคนอาจจะไม่รู้ความจำเป็นว่าเราจะมีงานดีไซน์ไว้ทำไม พอเขามาเขาก็เห็นว่าเรื่องดีไซน์มันไม่ต้องใช้งบประมาณเยอะมากก็สวยขึ้นได้ ผมว่าทำให้งานดีไซน์สามารถเข้าถึงทุกคน
คอนเซ็ปต์ของ SOAR เป็นอย่างไร
ปุ๊ก : ตรงตัวเลยครับ เพราะ SOAR ย่อมาจาก Space งานหลักเราคือทำอินทีเรีย ทำพื้นที่ว่าง Oddity คือความแตกต่าง อยากให้พื้นที่ที่เราทำมันแตกต่าง Architect คือสถาปัตยกรรม พอ 3 คำมารวมกันมันก็จะมีอีกความหมายหนึ่งคือ พุ่งทะยาน
พี : เป็นความต่างที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือเราอยากให้งานที่ออกไปพิเศษกว่าปกติ เราพยายามจะให้พิเศษ อาจจะไม่ทุกโปรเจ็กต์ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของโปรเจ็กต์นั้นๆ เช่น เราทำดีเทลต่างๆ ที่เราคิดไปแล้วแต่ช่างเขาทำไม่ได้ก็ต้องลดทอนและปรับเปลี่ยนไปตามหน้างาน เรื่อง Budget มีผลอย่างมากถึงมากที่สุด รวมถึงสไตล์ของลูกค้า
งานตอนนี้ที่ทำมีอะไรบ้าง
พี : ตอนนี้งานหลักเลยเป็นที่อยู่อาศัย บ้าน คอนโดฯ นอกจากนั้นก็มีร้านอาหาร ออฟฟิศ แต่สำหรับปุ๊กตามสไตล์เขาเขาอยากได้งานแปลกที่ท้าทายความสามารถ เช่น ปั๊มน้ำมัน ถ้ามีงานนอกเหนือจากนี้ที่ท้าทายเรายินดีและอยากทำนะ เพราะรู้สึกชอบ นานๆ ทีมีแบบนี้บ้างก็ดีเหมือนกัน
ปุ๊ก : จริงๆ ผมอยากเอาชนะตัวเองไปเรื่อยๆ ผมอยากเป็นซุปเปอร์ไซย่าขั้น 1 2 3 4 แต่พอมาทำตรงนี้ผมรู้สึกว่าเราไม่ต้องเป็นซุปเปอร์ไซย่าตลอดก็ได้ แค่ปรับตัวไปตามงานที่เราได้มาก็พอ หลังจากทำร้านกาแฟกลายเป็นมีงานแลนด์สเคปเข้ามาครับ เพราะร้านเราต้นไม้เยอะ
พี : ตอนแรกเราไม่เคยทำเลย พอเข้ามาทำเหมือนตกหลุมรัก เหนื่อยกว่าแบบสุดตัวเลยค่ะ แต่ก็สนุกดี
ปุ๊ก : งานนี้ถือเป็นงานประเภทใหม่มากกว่า แล้วเรา 2 คนชอบต้นไม้ จริงๆ ที่นี่เป็นออฟฟิศ เราอยากนั่งทำงานด้วยฟีลประมาณนี้
เสน่ห์ของงานอินทีเรีย
พี : สนุกกับการจัดวางมากกว่า ในความคิดของพีไม่ว่าของคืออะไรแต่เราสนุกที่จะจัดวางในรูปแบบที่แตกต่าง ยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าวันหนึ่งเริ่มเบื่อของชิ้นเดิมพอจัดวางคนละที่ก็ทำให้สเปซเปลี่ยนแปลงไปด้วย
ปุ๊ก : สำหรับผมอินทีเรียมันไม่ใช่แค่ในห้องหรือในบ้าน ผมเริ่มสนใจมากกว่าในห้องและในบ้านตั้งแต่ทำธีสิส ผมทำเรื่องในเมือง ทำงาน Urban รู้สึกว่าอินทีเรียมันเป็นได้ทุกอย่าง ไม่จำกัดแค่ภายในกรอบสี่เหลี่ยมแต่รวมถึงทุกที่ที่เป็นสเปซ
ภาพผลงาน SOAR
https://www.facebook.com/spaceoddity.ar