หากเอ่ยถึงร้านอาหารประเภทสเต๊กและสลัดบาร์ “ซิซซ์เล่อร์” น่าจะเป็นชื่อแรก ๆ ที่ปรากฏขึ้นในใจของใครหลาย ๆ คน ด้วยความที่เป็นร้านอาหารที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 30 ปี และยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากเมนูขึ้นชื่ออย่าง “สเต๊กสูตรซิกเนเจอร์” พร้อมด้วย “สลัดบาร์” ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำร้าน ซึ่งซิซซ์เล่อร์มีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้องค์ประกอบของวัตถุดิบต่าง ๆ กลายมาเป็นจุดเด่นสร้างการจดจำให้แก่ผู้บริโภคและสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่ง วันนี้จะชวนทุกคนร่วมย้อนเส้นทางความสำเร็จของซิซซ์เล่อร์ กับการจุดประกายความอร่อยที่มัดใจผู้บริโภคอย่างเหนียวแน่นตลอดสามทศวรรษในประเทศไทย
จุดเริ่มต้น “ร้านสเต๊กและสลัดบาร์เจ้าแรก” ของประเทศไทย
การเดินทางของร้านซิซซ์เล่อร์ประเทศไทยเริ่มต้นตั้นในปีพ.ศ. 2535 เมื่อบริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ในเครือบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นำเข้าร้านสเต๊กชื่อดังสัญชาติอเมริกามาเปิดบริการในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ณ อาคารฟิฟฟ์ตี้ฟิฟฟ์พลาซ่า แรกเริ่มเดิมทีซิซซ์เล่อร์เป็นร้านอาหารขนาดเล็กที่มีเมนูสเต๊กเพียงไม่กี่รายการเท่านั้น แต่ด้วยความอร่อยตามแบบฉบับอเมริกันแท้ ๆ ของเมนูยอดนิยมอย่างฟิชแอนด์ชิป บาร์บีคิว พอร์ค บอสตัน หรือสเต๊กเนื้อบดเทอริยากิ
รวมทั้งความแปลกใหม่ของเมนูสลัดบาร์ที่มีผักให้เลือกมากกว่า 30 ชนิด รวมถึงซุป และขนมหวานพร้อมให้ตักแบบไม่อั้น ไปจนถึงการเสิร์ฟชีสโทสต์สุดคลาสสิก ซึ่งเป็นคอนเซปต์ร้านอาหารที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ทำให้ซิซซ์เล่อร์กลายเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ได้รับความนิยมสูงสุด และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะร้านอาหารประเภทสเต๊ก ซีฟู้ด และสลัดสไตล์ตะวันตกแนวหน้าของประเทศ
ประวัติศาสตร์ 30 ปี กับการรังสรรค์ความอร่อยที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
โจทย์ใหญ่ข้อต่อมาของซิซซ์เล่อร์หลังความสำเร็จในก้าวแรก คือทำอย่างไรจึงจะสามารถยืนระยะและตอบโจทย์การรับประทานอาหารของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องในทุกเทรนด์และยุคสมัย นั่นทำให้ในช่วงหลังยุคบุกเบิกของร้านซิซซ์เล่อร์ เมนูสเต๊กแนวเอเชียนทวิสต์ขวัญใจลูกค้าชาวไทยอย่าง สเต๊กไก่ย่าง ซอสแจ่ว เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวร้อน ๆ หรือเมนูบียอนด์ เบอร์เกอร์ อีกหนึ่งเมนูยอดฮิตสำหรับลูกค้าสายรักสุขภาพที่ได้รับการเพิ่มเติมเข้ามา พร้อมกันนี้ ยังได้มีการคิดค้นรายการอาหารในรูปแบบที่สะดวกกับการเดลิเวอรีและซื้อกลับบ้าน ที่ให้ความอร่อยไม่แพ้การรับประทานที่หน้าร้าน ทำให้ซิซซ์เล่อร์จึงยังคงเป็นร้านอาหารยอดนิยมของคนไทยตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี
เดินหน้าสานต่อตำนานบทใหม่ ส่งมอบความ Fresh, Premium และ Quality ลุยปี 2023 ทั้งสลัดบาร์เมนูใหม่ๆ และล่าสุด 5 เมนูสเต๊กระดับพรีเมียม
และไม่ว่าสไตล์ของอาหารจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ซิซซ์เล่อร์ยังคงรักษาไว้อย่างเหนียวแน่นตลอดมา คือเอกลักษณ์ของ “สเต๊กและสลัดบาร์” ซึ่งเป็นดีเอ็นเอหลักของร้าน จากการสั่งสมประสบการณ์กว่า 30 ปี ซิซซ์เล่อร์พร้อมแล้วที่จะสร้างตำนานบทใหม่ที่เน้นเรื่องการส่งมอบความสดใหม่ (Fresh) ความพรีเมียม (Premium) และคุณภาพ (Quality)
โดยเมื่อช่วงต้นปี 2023 ได้รังสรรค์เมนูสลัดบาร์สุดพิเศษที่สร้างความตื่นเต้นแก่ลูกค้า เช่น สลัดบาร์ “Farmer’s Festival Watermelon” กับสารพัดเมนูสลัดจากแตงโมหวานฉ่ำชื่นใจส่งตรงจากไร่เกษตรกรไทย และล่าสุดกับการรังสรรค์เมนูสเต๊กภายใต้คอนเซปต์ “OVER 30 YEARS OF SIZZLING EXPERIENCE” การนำเข้าสุดยอดวัตถุดิบจากต่างประเทศ ผสานกับการสรรค์สร้างความอร่อยโดยเชฟด้านสเต๊กตัวจริง สู่การยกระดับเมนูสเต๊กให้มีคุณภาพระดับพรีเมียมขึ้นไปอีกขั้น โดยไม่มีการเพิ่มราคาเมนูอาหาร พร้อมให้ลูกค้าเปิดประสบการณ์การลิ้มลองสเต๊กระดับโลกในหลากหลายรูปแบบ
เริ่มด้วย สเต๊กริบอายจานร้อนพร้อมหินร้อนสไตล์ญี่ปุ่น (Sizzling Ribeye Steak) เนื้อวัวส่วนติดซี่โครงนำเข้าจากออสเตรเลีย ย่างให้ได้ความสุกของเนื้อตามต้องการตั้งแต่ระดับ Rare ไปจนถึง Well-done เพิ่มลูกเล่นด้วยหินร้อนสไตล์ญี่ปุ่น ที่เมื่อวางเนื้อสเต๊กลงไป ก็จะได้ยินเสียงฉ่าของเนื้อที่ค่อย ๆ สุกขึ้น ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกเพิ่มระดับความสุกของเนื้อได้ตามความต้องการ ยิ่งรับประทานคู่กับซอสสุดพิเศษเฉพาะของซิซซ์เล่อร์ พร้อมด้วยผักย่างและมันอบ ก็จะได้สัมผัสกับความอร่อยที่ไม่ว่าใครก็ยากจะต้านทาน ทั้งหมดนี้ในราคา 999 บาท
ต่อด้วย สเต๊กเนื้อนิวยอร์กจานร้อนพร้อมหินร้อนสไตล์ญี่ปุ่น (Sizzling New York Striploin Steak) อีกหนึ่งสุดยอดเนื้อคัตติ้งสไตล์อเมริกันที่มีสัดส่วนระหว่างเนื้อและไขมันกำลังดี ย่างบนเปลวไฟจนได้ที่ เสิร์ฟร้อน ๆ บนจานหินร้อนสไตล์ญี่ปุ่นเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มชุ่มฉ่ำ มาพร้อมกับซอสพริกไทยดำ เฟรนช์ฟรายส์ทอดกรอบ และผักย่างนานาชนิดในราคา 899 บาท
ส่วนสายเนื้อหมูต้องลอง ซิซซ์เล่อร์ ซิกเนเจอร์คัต ซี่โครงหมูบาร์บีคิว (Sizzler Signature Cut BBQ Pork Ribs) อีกหนึ่งเมนูคลาสสิกตลอดกาล พบกับซี่โครงหมูบาร์บีคิวชิ้นโตที่หมักด้วยเครื่องเทศเข้มข้นเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสนุ่มละมุนลิ้น ก่อนนำไปย่างจนสุกทั่วถึงทั้งชิ้น พร้อมเคลือบด้วยซอสบาร์บีคิวเข้มข้นอย่างพิถีพิถัน ทวีคูณความอร่อยด้วยมันบดเนื้อเนียนราดซอสเกรวี่ชุ่มฉ่ำในราคา 799 บาท ต่อกันที่เมนูอาหารทะเลอย่าง สเต๊กปลาแซลมอนซูวีสไตล์นอร์ดิก (Sous Vide Salmon Steak Nordic Style) สเต๊กปลาแซลมอนชิ้นโตที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และสารพัดคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ปรุงให้ค่อย ๆ สุกด้วยกรรมวิธีการซูวี เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสนุ่มนวลละมุนลิ้น และยังเพิ่มความอร่อยเหนือระดับด้วยโปเตโต้เวดเจสชิ้นหนาในราคา 599 บาท
ปิดท้ายด้วยการยกระดับวัตถุดิบไทยสู่ไฟน์ได้นิ่งกับเมนู สเต๊กปลากะพงย่าง ซอสซีฟู้ดมาโย (Sea Bass Steak with Seafood Mayo Sauce) ปลากะพงไทยเนื้อแน่น ย่างโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญบนอุณหภูมิที่พอเหมาะ เพื่อให้ได้เนื้อปลานุ่มชุ่มฉํ่าพร้อมหนังบางกรอบ จับคู่ความอร่อยกับมันบดและผักโขม ในราคาสุดคุ้ม 499 บาท
นายอนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่าสามทศวรรษที่ผ่านมา ซิซซ์เล่อร์ ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาเมนูอาหารใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้ที่ความนิยมบริโภคสเต๊กของลูกค้าชาวไทยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนอกจาก 5 เมนูสเต๊กพรีเมียมใหม่ที่พร้อมให้ลูกค้าได้ร่วมลิ้มลองที่ร้านซิซซ์เล่อร์ทุกสาขาแล้ว ในอนาคตจะมีการนำเสนอสเต๊กพรีเมียมเมนูซีรีส์อื่น ๆ เพิ่มเติมตามลำดับ ควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพของสลัดบาร์ซึ่งเป็นหัวใจหลักของร้าน เพื่อตอบโจทย์การรับประทานอาหารของผู้บริโภคอย่างครบวงจร ตามปนิธานของร้านที่มุ่งมั่นเป็นร้านอาหารแนวสเต๊กและสลัดบาร์เบอร์หนึ่งของประเทศไทย”