ร้านข้าวนม (KAO NOM) เปิดตำนานความอร่อยใหม่ เมื่อข้าวไทยกลายเป็นดาวเด่นแห่งวงการของหวาน

ในวันที่โลกของขนมหวานพัฒนาไปไม่หยุดนิ่ง ร้าน ข้าวนม (Kao Nom) ได้เกิดขึ้นเพื่อพาขนมไทยก้าวไปสู่มิติใหม่ ด้วยการตีความอย่างประณีตและสร้างสรรค์ โดยมีเชฟเดช คิ้วคชา เจ้าของรางวัลเชฟขนมหวานยอดเยี่ยมแห่งเอเชียคนแรกของไทยจาก The World’s 50 Best Restaurant เป็นผู้ริเริ่ม

ร้าน ข้าวนม ที่ Dusit Central Park ชั้น 5 แห่งนี้ตั้งใจที่จะบอกเล่าเรื่องราวอันเป็นเอกลักษณ์ของ ข้าว วัตถุดิบหลักคู่ครัวไทย ผ่านการเดินทางค้นหาสายพันธุ์ข้าวพิเศษจากแหล่งปลูกทั่วประเทศ เพื่อนำมาสร้างสรรค์เป็นขนมหวานร่วมสมัยภายใต้แนวคิด “Rediscovering Thai Desserts” ขนมไทยจากวัตถุดิบไทยโดยฝีมือเชฟไทย

เมนูที่ไม่ควรพลาด เมื่อข้าวกลายเป็นดาวเด่น

เมนู “ชานมข้าวนม” เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างรสชาติเข้มข้นของชาซีลอนชั้นดีจากภาคใต้ของไทย เข้ากับความหอมละมุนของ “น้ำข้าว” ที่ผ่านการต้มอย่างพิถีพิถัน เมื่อดื่มเข้าไปจะรู้สึกถึงความนุ่มนวลและกลมกล่อมที่ไม่เหมือนใคร

ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่ฟองนมด้านบน ซึ่งเป็น “ฟองนมข้าว” ที่ให้สัมผัสบางเบาแต่หอมมัน ทำให้เครื่องดื่มแก้วนี้มีมิติมากขึ้น นอกจากความอร่อยแล้ว ยังได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เชื่อมโยง “ข้าว” และ “นม” เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างน่าสนใจ เป็นเครื่องดื่มที่สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาแบบไทยๆ ได้อย่างลงตัว ถ้าชอบชาเข้มๆ ที่มีความหอมหวานอ่อนๆ ของข้าว เมนูนี้เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด

นี่เป็นอีกหนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ที่ต้องลอง Cocorice Roll โรลเค้กเนื้อนุ่มที่ทำจาก ‘ข้าวสังข์หยด’ สอดไส้ด้วยข้าวเหนียวเปียกและครีมมะพร้าวอ่อนนุ่มละมุนลิ้น ราดด้วยมะพร้าวกะทิฉ่ำๆ ที่เข้ากันอย่างลงตัว เมื่อกินคู่กับไอศกรีม Soft-Serve ข้าวสังข์หยด และข้าวเกรียบสดจากข้าวไทย 3 สายพันธุ์ (สังข์หยด, บือกี, บือซากอ) จะยิ่งเพิ่มมิติของรสชาติและสัมผัสได้อย่างน่าทึ่ง

นอกจากนี้ ยังมีเมนูพิเศษที่สะท้อนถึงการทดลองอย่างสร้างสรรค์ เช่น มะกู๊ด ช็อกโกแลตในรูปทรงมะกรูดที่ซ่อนความอร่อยแปลกใหม่ด้วยการนำไปบ่ม ก่อนจะโรยด้วยผงลาบอบแห้งที่ให้รสเผ็ดเล็กน้อยตัดกับรสช็อกโกแลตได้อย่างน่าสนใจ

Parfait ฤดูฝน ที่นำผลไม้และสมุนไพรตามฤดูกาลมาผสมผสานกันอย่างลงตัว ทั้งไอศกรีมฝรั่งกิมจู กรานิต้าฝรั่งใบโหระพา ส้มโอทับทิมสยาม และดอกดาหลา โรยด้วยพริกเกลือเพื่อเพิ่มอรรถรสแบบไทยๆ

เชื่อมโยงวัตถุดิบไทยจากทั่วทุกภาค

นอกจากข้าวแล้ว ‘ข้าวนม’ ยังคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดีจากทั่วประเทศไทยมาสร้างสรรค์เมนูต่างๆ อย่างพิถีพิถัน เช่น ช็อกโกแลตจากเชียงใหม่, กาแฟจากไร่ดอยมณีพฤกษ์จังหวัดน่าน, ชาเปลือกกาแฟจากจังหวัดเลย รวมถึง สามส้มปั่น เมนูสดชื่นที่เป็นการรวมส้ม 3 ชนิดเข้าด้วยกัน ได้แก่ ส้มจี๊ด, ส้มเขียวหวาน และส้มโอสามสอ รสชาติที่ได้จึงมีมิติที่หลากหลาย ทั้งความเปรี้ยวอมหวานของส้มจี๊ด ความหวานชื่นใจของส้มเขียวหวาน และความหอมสดชื่นจากส้มโอสามสอ เมื่อนำมาปั่นรวมกันจะช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับคนที่ชอบเครื่องดื่มรสเปรี้ยวหวานแบบเข้มข้น และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับวันที่อากาศร้อน และมะพร้าว-มะลิปั่น เครื่องดื่มนุ่มนวลให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ด้วยการผสมผสานรสชาติมะพร้าวน้ำหอมเข้ากับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิ ทำให้เครื่องดื่มมีกลิ่นหอมละมุนไม่เหมือนใคร เหมาะสำหรับคนที่ชอบเครื่องดื่มรสชาติเบาๆ ที่ให้ความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย เป็นเมนูที่อร่อยและดีต่อใจแน่นอน

Taro Kakigori น้ำแข็งไสคากิโกริซึ่งทางร้านใช้เผือกสดเข้ามาเป็นส่วนประกอบ รสชาติเข้มข้น ด้านในมีโมจิอินทนิลเข้ามาช่วยเพิ่มรสสัมผัสหนุบหนับ ในขณะที่ด้านบนโรยด้วยเผือกทอดกรอบ สามารถราดซอสเผือกเพิ่มความอร่อยได้อีกทวีคูณ

อีกหนึ่งความว้าวก็คือเมนู ปั้นข้าว หยิบเอาความสนุกของข้าวปั้นสไตล์ญี่ปุ่นมาอยู่ในรูปแบบของหวานที่เป็นแฮนด์โรล ด้านในคือ ข้าวเหนียวมูน ใช้ซอสลำใยแทนโชยุ ส่วนสีเหลืองๆ นั่นก็คือ ฝอยทอง เสมือนว่ามันคืออูนิ ด้านบนแต้มด้วยวาซาบิ ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือ ถั่วขาวผสมกับใบเตย เป็นอีกเมนูที่น่าสนใจเพราะไม่น่าเชื่อว่า สาหร่ายจะเข้ากันดีกับข้าวเหนียวมูนและฝอยทอง

ความยั่งยืนที่สร้างสรรค์ เมื่อขยะกลายเป็นศิลปะ

‘ข้าวนม’ ไม่ได้มีแค่รสชาติที่โดดเด่น แต่ยังใส่ใจในเรื่องความยั่งยืนด้วยแนวคิด Zero Waste หรือการลดขยะให้เป็นศูนย์ โดยนำเปลือกโกโก้, เปลือกมะกรูด, หรือเปลือกไข่ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการทำขนม มาแปรรูปเป็นภาชนะสำหรับเสิร์ฟ เพื่อใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบที่ปลูกด้วยความตั้งใจของเกษตรกรไทยให้คุ้มค่าที่สุด เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นจากภูมิปัญญาของคนไทยที่น่าภาคภูมิใจ

ร้านข้าวนมจึงเป็นมากกว่าร้านขนมหวาน แต่เป็นพื้นที่ที่ขนมไทยร่วมสมัยได้ค้นพบตัวตนใหม่ สร้างสรรค์จากวัตถุดิบไทยแท้ๆ โดยฝีมือคนไทยที่ต้องการเผยแพร่เสน่ห์ของขนมไทยสู่สายตาชาวโลก

ข้าวนม
ชั้น 5 Dusit Central Park

wassukon

wassukon

ไม่ได้จบโดยตรงด้านออกแบบ แต่ฝันอยากเป็นสถาปนิกแล้วโลกก็เหวี่ยงให้มาเขียนงานด้านออกแบบเป็นสิบปี ตอนนี้เลยมีโลกส่วนครัวมากกว่าโลกส่วนตัวไปแล้ว