ถ้าจะนึกถึงสัตว์เลี้ยงที่คนนิยมเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาคงไม่พ้นน้องหมา น้องแมว แต่ยังมีสัตว์อีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน นั่นคือ Exotic Pets เราจะพาไปรู้จักกับเจ้าของธุรกิจที่รักสัตว์มากๆ และยังชื่นชอบสัตว์แปลกๆ ไม่ว่าจะเป็น แร็กคูน คาปิบารา เมียร์แคต เฟนเน็คฟ็อกซ์ รวมถึงหมา แมวหลากหลายสายพันธุ์ จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการประกอบธุรกิจนำเข้าสัตว์เลี้ยงประเภท Exotic
คุณเบียร์-วชิราภรณ์ อร่ามพิบูลย์ผลนักธุรกิจสาวที่เริ่มต้นทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ตั้งแต่มีหน้าร้านขายสัตว์ประเภทExoticที่ตลาดนัดสวนจตุจักร หลังจากร้านปิดตัวลงเธอได้ต่อยอดธุรกิจมาเปิดร้านในรูปแบบคาเฟ่สัตว์ที่รวบรวมสัตว์แปลกหลากหลายชนิดให้ลูกค้าได้มาสัมผัสกันแบบใกล้ชิดที่รู้จักกันในชื่อลิตเติ้ล ซู คาเฟ่ (Little Zoo Cafe) ล่าสุดได้ขยายพื้นที่มาสู่อาณาจักรสัตว์ Exotic ในบรรยากาศเอาต์ดอร์ ที่มีน้องคาปิบาราและเหล่าผองเพื่อนอีกหลากหลายชนิดพร้อมรับแขกตลอดทั้ง 365 วัน ที่ Little Zoo Garden by Little Zoo Cafe
คาเฟ่สัตว์แปลก รวมพลคนรักสัตว์
จริงๆ ความตั้งใจแรกที่มาเปิดร้านคือเปิดเวิร์กช็อปสอนคนเลี้ยงสัตว์ สอนคนเตรียมความพร้อมก่อนที่จะซื้อสัตว์ เรามองว่ามันโคกับธุรกิจเก่าเราที่ขายสัตว์ด้วย ตอนนั้นที่ทำก็อยากจัดการกับความเครียดของเราให้น้อยลงด้วย เพราะเวลาที่คนเอาไปแล้วตาย เอาไปแล้วน้องไม่สบาย เอาไปแล้วเลี้ยงไม่ดี เราก็เลยรู้สึกว่าอยากให้คนที่ซื้อสัตว์ได้มาลองหัดเลี้ยงก่อน แต่พอเปิดจริงๆ กลับไม่มีลูกค้าที่เป็นกลุ่มเวิร์กช็อปเลย กลายเป็นนักท่องเที่ยว กลุ่มคนทั่วไป ก็เลยปรับมาเรื่อยๆ จากเวิร์กช็อปมาเป็นคาเฟ่ในชื่อ Little Zoo Cafe เริ่มแรกเปิดที่เมืองทองธานี และไปเปิดที่สยาม แล้วถึงมาเปิดที่อ่อนนุช และล่าสุดเราก็ขยายโซนมาเป็น Little Zoo Garden ซึ่งมีการเปลี่ยนแนวสัตว์ไปจากเดิม โดยความตั้งใจเดิมของที่นี่คือหาที่ให้คาปิบาราอยู่ เราซื้อคาปิบารามาก็คิดว่าจะสามารถแยกห้องให้เขาได้ แต่พอจริงๆ แล้วต่อให้ปิดแอร์เขาก็น้ำมูกไหล เพราะเขาชอบแช่น้ำ พอเปียกแล้วมาโดนแอร์เขาก็ไม่สบาย ก็เลยอยากหาพื้นที่ใกล้ๆ เพื่อให้เขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สบายขึ้น เลยเป็นที่มาการเริ่มหาที่ และก็มาเจอที่นี่ซึ่งสภาพแวดล้อมที่คาปิบาราอยู่ได้เลย
คอนเซ็ปต์ Little Zoo Garden
สำหรับคอนเซ็ปต์ที่นี่หากเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านจะต้องคิดนิดหนึ่ง เช่น แพะ ถ้าไม่มีบริเวณก็เลี้ยงเขาไม่ได้ เพราะเสียงดังและเรื่องกลิ่น หรือคาปิบาราที่ต้องมีบริเวณให้เขาเหมือนกัน ซึ่งที่นี่จะเน้นสัตว์แนวซาฟารี แนวคิดที่ขยายมาเป็นสัตว์พวกนี้เพราะเป็นความชอบของเรา ต้องบอกว่าเป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์ ชอบอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสัตว์ และก็ชอบคาปิบารา แต่ถ้าจะให้มีแต่คาปิบาราก็ไม่ได้ จึงต้องมีเพื่อนเพิ่มขึ้นมา เช่น แพะ กวาง เป็ดคอลดั๊ก ไก่ เต่า นก เต่าซูคาตา เมียร์แคต คอร์กี้ ก็จะมาในแนวธรรมชาติ สไตล์เอาต์ดอร์ นั่งสบายๆ ในขณะที่ Little Zoo Cafe จะเป็นอินดอร์ นั่งเล่นกับสัตว์ในบ้าน เหมือนอารมณ์มาบ้านเพื่อน แต่ที่นี่จะเป็นกึ่งๆ สวนสัตว์ เป็นสัตว์ที่เหมาะกับบ้านที่มีบริเวณหรือบ้านต่างจังหวัด
วัตถุประสงค์ของ Little Zoo Garden เราอยากให้คนที่ชอบเลี้ยงสัตว์ได้เข้ามาพักผ่อน เหมือนเวลาเราไปต่างประเทศเราก็ชอบไปที่พวกนี้ อยู่กับสัตว์ก็เป็นการรีแลกซ์ประมาณหนึ่ง ซึ่งหลังๆ เราก็มีกลุ่มลูกค้าที่เป็นซึมเศร้าที่คุณหมอแนะนำให้มาเล่นกับสัตว์เป็นการช่วยบำบัด แต่หลักๆ คือลูกค้าต่างชาติ 90% และเพิ่งมีลูกค้าคนไทยที่เริ่มเข้ามาหลังช่วงโควิดนี้เอง ซึ่งที่นี่เปิดมาได้ประมาณ 6 เดือน ได้ที่ใกล้กับที่เดิมมากๆ
สำหรับกฎกติกาการเข้าชม ซื้อบัตรค่าเข้าด้านหน้า ซึ่งจะได้เครื่องดื่ม 1 แก้ว และอาหารสัตว์ 1 ชุด สามารถป้อนสัตว์ได้ทุกตัวในร้าน เมื่อเข้ามาด้านในจะมีพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ สัตว์เราสามารถจับเล่นได้ทุกตัว แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพี่เลี้ยงด้วยว่าสัตว์ตัวนี้จับอย่างไร ทำอย่างไร ห้องข้างหลังจะมีห้องน้องหมา น้องแมว กระต่าย เป็นสัตว์ที่จับต้องได้ เข้ามาได้ไม่จำกัดเวลา
ปรับสมดุลความสุขให้กับสัตว์และลูกค้า
ความยากง่ายในการทำธุรกิจแบบนี้ คือจะทำอย่างไรให้สัตว์เรามีความสุขโดยที่ไม่เหนื่อยเกินไป และลูกค้าก็มีความสุขด้วย จุดกลางตรงนี้คือความยากที่เราจะต้องบริหารจัดการร้าน และความรู้สึกของคนที่เข้ามา ซึ่งลูกค้าที่มาจะพูดเสมอว่าสัตว์ของเราดูแฮปปี้ ช่วงแรกๆ เราก็คิดว่าจะจัดรอบ จะเบรกช่วงเวลาอย่างไรเพราะลูกค้าเยอะ ข้อดีของร้านเราๆ เปิดมา 10 ปีแล้ว ไม่ใช่แค่พนักงานที่รู้งาน สัตว์ของเราก็รู้งาน เขาสามารถปรับจูนเวลาได้
โดยการดูแลสัตว์ ในเวลากลางวันทุกวันเราจะมีพี่เลี้ยงดูแลอยู่แล้ว ส่วนปกติเวลากลางคืนเราจะแยกสัตว์เข้ากรงๆ ละ 2-3 ตัว เพื่อที่จะดูว่าเขามีการขับถ่ายที่โอเคไหม เพราะถ้าไม่แยกเลยแล้วเช้ามาเขาป่วย เขาท้องเสีย เราก็จะหาไม่เจอเลยว่ามาจากตัวไหน และในทุก 1 เดือนจะมีหมอเฉพาะทางด้านสัตว์Exotic เข้ามาตรวจสุขภาพของสัตว์ทุกตัว น้องๆ ก็จะสามารถเข้าถึงหมอได้ตลอดเวลา และรอบวัคซีนก็จะมีคุณหมอดูแลตลอด ซึ่งสัตว์ที่ร้านเราเลี้ยงแบบ Life Time อยู่จนกว่าจะตายจากไป ความหลากหลายในการเปลี่ยนตัวสัตว์ จะน้อยกว่าที่อื่น สัตว์ที่นี่เขาจะรู้งานของเขา อย่างคาปิบาราเราจะสอนให้ยืน รับของ และเข้าหาคน
ฝากถึงคนชอบสัตว์แนว Exotic
ควรศึกษาหาข้อมูลให้เยอะๆ ก่อน อยากให้ลองเจอตัวจริงสักทีหนึ่ง ลองอยู่ยาวๆ สักทีหนึ่ง มาดูว่าจริงๆ แล้วเราเลี้ยงได้ไหม และถ้าจะเลี้ยงให้คิดยาวๆ อย่ามองแค่ 3-4-5 ปี ก่อนเลี้ยงดูอายุเขาเท่าไร แพลนเลยว่าชีวิตเราช่วงนั้นจะเป็นอย่างไร อย่างชูการ์ไกลเดอร์ (Sugar Glider) เรามองว่าไม่มีปัญหา อายุ 10 ปี ย้ายไปอยู่คอนโดฯ เลี้ยงได้ ย้ายไปเลี้ยงในบ้านเลี้ยงก็ได้ แต่สัตว์พวกนี้ถ้าคุณต้องย้ายไปต่างจังหวัด หมอด้านสัตว์ Exotic หายากมาก คือต้องคิดเยอะๆ การดูแลรักษาให้เขามีชีวิตอยู่ได้จนหมดอายุเขาเราพร้อมไหม ที่สำคัญการเลี้ยงสัตว์ Exotic เปลี่ยนมือยาก เขาไม่ได้ปรับตัวง่ายๆ เหมือนสัตว์เลี้ยงในบ้าน เขาจะไม่มีความสุขเหมือนบ้านเดิม เราไม่สามารถปล่อยให้เขาเดินในบ้านได้ เขาต้องอยู่ในกรง อยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับคนอื่นด้วย เขาไม่ได้ถูกเลี้ยงมาให้อยู่รวมกลุ่มกับตัวอื่นๆ แต่สัตว์ร้านเราที่อยู่รวมกันได้เพราะเขาอยู่กันมาตั้งแต่เล็ก ส่วนตัวคิดว่าต้องใช้ความรับผิดชอบสูงกว่า มีความใจเย็นมากกว่า สัตว์ Exotic จะไม่วิ่งมาหาเราเหมือนหมา แมว Exotic บางตัวใช้เวลาเป็นเดือน บางตัวใช้เวลาเป็นครึ่งปี อย่างก่อนหน้านี้เรามีวัลลาบี ครึ่งปีกว่าเขาจะรับลูกค้าได้ หมายความว่าเขานั่งอยู่ในห้องที่เดิม นั่งมองลูกค้า ก็มีคำถามว่าทำไมไม่ให้ลูกค้าจับ คือเราไม่บังคับเขาจนกว่าเขาจะพร้อมเดินออกมาหาลูกค้าเอง ดังนั้นการเลี้ยง Exotic ต้องใจเย็นมากๆ ต้องอาศัยความเข้าใจที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน
ขยับขยายความสุข Little Zoo Garden
ก้าวต่อไปอยากไปให้ถึงความเป็นลิตเติ้ล ซู รีสอร์ตอยากจับสัตว์ที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งก็คือความฝันของเรา ถ้ามีโอกาสก็จะไปให้ถึง แต่ว่าสุดท้ายแล้วความสามารถเราไม่ไหวก็คงไม่ทำ ซึ่งมันจะมีขอบเขตของเราว่าไปได้แค่ไหน ทุกวันนี้เป็นอะไรที่อยู่ตัวแล้ว เราได้เติมความสุขเรามากกว่า มีเงินซื้อสัตว์เพิ่ม ได้สัตว์มามีที่ให้เขาอยู่ มีเงินเดือนจ่ายพนักงาน อยู่กันเป็นครอบครัว ชีวิตก็มีความสุข
สิ่งที่เราได้จากการเลี้ยงสัตว์ เราไม่ต้องกลัวว่าเขาจะเอาความลับเราไปเล่าให้ใครฟัง มันเป็นความสบายใจอย่างหนึ่ง แค่ได้ลูบ จับ ไปนอนแปะกับเขามันก็ดีมากๆ แล้ว ด้วยความที่เราชอบสัตว์ เห็นเขามีความสุขเวลารับลูกค้า มีความสามารถเพิ่มขึ้น มีลูกมีหลานเราก็เหมือนเป็นยาย เป็นความสุขที่เห็นครอบครัวขยายเติบโตขึ้น พอเขาทำอะไรได้เพิ่มขึ้น ลูกค้าชม เราก็ชื่นใจ สัตว์ที่อยู่คาเฟ่ เขาไม่สามารถไปอยู่บ้านได้แล้ว เขาอยากโชว์ตัวเหมือนมาดากัสการ์ ทำไมเราถึงเปิดร้าน 365 วัน เหตุผลเพราะว่าสัตว์เขาไม่สามารถอยู่อย่างไม่มีคนได้
Little Zoo Garden
อ่อนนุช ซอย 17 แยก 6 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ (ร้านอยู่ด้านหลังโครงการ The Curve)
เปิดบริการ ทุกวัน 11.00-19.00 น.
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 450 บาท, เด็ก 350 บาท (สูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร), (สูงไม่เกิน 80 เซนติเมตร เข้าชมฟรี)
Facebook : littlezoogarden