มัดรวมความอร่อยระดับตำนานมาไว้ในที่เดียว สำหรับ “LOFTER” (ลอฟท์เตอร์) Eat Happily Like A Thai ที่เนรมิต ชั้น 7 ของห้างเซ็นทรัล ชิดลม ให้กลายเป็นสวรรค์ของเหล่านักชิม ได้มาลิ้มลองความอร่อยกับ “ร้านอาหารในตำนาน” ที่คัดสรรมาแบบครบครัน จัดเต็มกับหลากหลายเมนูจากร้านเก่าแก่ชื่อดังทั่วไทย ซึ่งแต่ละร้านมีเมนูระดับตำนาน ที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวและความอร่อยล้ำ แถมยังการันตีรสชาติเด็ด ถูกใจลูกค้า ด้วยการเปิดให้บริการมาอย่างยาวนานมากกว่า 30 ปีขึ้นไปทุกร้าน และในวันนี้จะขอพาไปรู้จัก 7 เมนูเด็ดในตำนานที่เหล่าฟู๊ดเลิฟเวอร์ควรต้องมาลิ้มลองให้ได้สักครั้งในชีวิต!
ประเดิมกันที่ “ร้านหลายรส” ร้านอาหารไทยตำรับชาววัง ที่เสิร์ฟความอร่อยมาแล้วกว่า 50 ปี ก่อตั้งโดย คุณยายอุไร เกษมสุวรรณ ที่เติบโตและใช้ชีวิตในรั้ว “วังแดง” ซึ่งนั่นทำให้คุณยายได้ซึมซับและเรียนรู้สูตรอาหารไทยโบราณจากเหล่าต้นเครื่องในวัง และได้นำวิชาความอร่อยนี้มาเริ่มต้นกิจการห้องอาหาร และเปิดให้บริการครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 ในชื่อเดิมว่า “กับข้าวชาววัง” ก่อนเปลี่ยนมาเป็น “หลายรส” จนถึงปัจจุบันนี้ โดยสาขาออริจินัลตั้งอยู่ที่สุขุมวิทซอย 49 หรือ ทองหล่อ 13 สำหรับเมนูเด็ดขึ้นชื่อต้องยกให้ “ข้าวแช่ชาววัง” สูตรดั้งเดิมของเสด็จพระองค์หญิง ที่มาพร้อมเครื่องเคียงชุดใหญ่ และกลิ่นหอมชื่นใจของน้ำดอกมะลิ ถ้าไปต้องไม่พลาดสั่งมาลิ้มลองรสชาติต้นตำรับชาววังขนานแท้กัน
ส่วนใครที่ชื่นชอบอาหารรสชาติจัดจ้าน อย่าพลาด “ร้านแกงป่าราม 24” ร้านอาหารไทยสไตล์ Home Cooking สูตรดั้งเดิม ที่ยังคงอัตลักษณ์แบบออริจินัลแท้ๆ จากจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งสูตรพริกแกงเข้มข้นและวิธีการปรุงรสที่พิถีพิถัน โดยร้านนี้เป็นร้านอาหารขึ้นชื่อในย่านรามคำแหง ที่เปิดบริการมายาวนานร่วม 30 ปี ส่วนเมนูที่ใครไปก็ต้องสั่ง ได้แก่ “แกงป่าลูกชิ้นปลากราย” ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น คือ “รสจัด” ซึ่งไม่ใช่รสเผ็ด แต่เป็นความจัดจ้านถึงใจและครบรสของน้ำแกง ซึ่งมาจากพริกแกงสูตรเฉพาะของทางร้านที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น อันถือเป็นหัวใจของอาหารร้านแกงป่าราม 24 นอกจากนี้ ลูกชิ้นปลากรายที่ใช้ยังเป็นเนื้อปลากรายแท้ๆ โขลกสดๆ ใหม่ๆ เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่ม ละมุนลิ้น และไม่มีกลิ่นคาว
เอาใจคนชอบอาหารรสแซ่บกันแบบต่อเนื่อง กับ “ร้านแอบแซ่บ สรงประภา” ร้านอาหารไทยอีสานขนานแท้ เจ้าของสโลแกนในตำนาน “อร่อยอย่างเปิดเผย” ที่มาพร้อมรสชาติจัดจ้าน แซ่บนัวถูกใจคออาหารอีสาน ซึ่งเปิดบริการความอร่อยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 แรกเริ่มเป็นเพียงธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัว “รจิตชีพิต” เพื่อรองรับชีวิตหลังเกษียณของคุณพ่อ เปิดขายอยู่ที่ซอยสรงประภา 14 (หมู่บ้านปิ่นเจริญ 3) ก่อนจะแจ้งเกิดจากคอลัมน์แนะนำอาหาร จนทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเมนูซิกเนเจอร์ที่ไม่เหมือนใครของร้าน ได้แก่ “ตำสามเหม็น” ที่มีพระเอกหลัก ได้แก่ ปลาร้า, เม็ดกระถิน และชะอม ซึ่งได้รับรางวัลการันตีความแซ่บนัวจากรายการ “The Dish เมนูทอง” ทางช่องเวิร์คพอยท์ และในรายการนี้ยังเป็นที่มาของการเริ่มทำ “น้ำปลาร้าปรุงรสต้มสุก” เนื่องจากกรรมการในรายการติดใจรสชาติปลาร้าสูตรเฉพาะของทางร้าน จนแนะนำให้ทำขาย ซึ่งหากใครอยากลิ้มลอง สามารถไปหาซื้อได้ที่ LOFTER Market เช่นกัน
เปลี่ยนรสชาติมาลิ้มลองอาหารจีนไปกับ “IATA EXPRESS” (ไออาต้า เอ็กซ์เพรส) ร้านอาหารจีนยอดนิยมที่ขึ้นห้างเป็นครั้งแรกที่ห้างนี้ห้างเดียว แต่ยังคงรสชาติความอร่อยระดับภัตตาคาร โดย IATA EXPRESSนั้นมาจากร้านดั้งเดิม คือ “ภัตตาคารไออาต้า” ร้านอาหารจีนในตำนานที่เสิร์ฟความอร่อยมาแล้วกว่า 60 ปี ปัจจุบันตั้งอยู่ระหว่างอ่อนนุชซอย 30-32 ถือเป็นหนึ่งในร้านท็อปลิสต์ที่คนชื่นชอบอาหารจีนต้องเคยได้ไปลิ้มลอง ส่วนเมนูดังในตำนาน ได้แก่ “หมูกระทะ” ที่ทางร้านได้คิดค้นจากการนำเหล็กมาตีบนกระทะร้อนเป็นครั้งแรกในไทย เพื่อเสิร์ฟหมูและน้ำซอสเลิศรสให้ลูกค้าได้ทานแบบร้อนฉ่า สร้างชื่อเสียงให้กับร้านเป็นอย่างมาก ทั้งการนำเสนอในรูปแบบที่แปลกใหม่ และความอร่อยไม่ซ้ำใคร
อร่อยกับอาหารจีนกันต่อ กับ “Little Dragon” (ลิตเติล ดราก้อน) ร้านอาหารจีน สูตรฮ่องกง ที่มีสาขาออริจินัลอยู่ที่ปากซอยเจริญกรุง 44 บางรัก ร้านนี้ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของ “ติ่มซำ” ที่คัดสรรค์วัตถุดิบคุณภาพดีมาผลิตเองแบบ Home Made จึงทำให้ได้รสชาติที่แตกต่างและโดดเด่น ที่สำคัญยังนึ่งสดแบบเข่งต่อเข่ง ส่วนเมนูยอดฮิตที่ใครมาเป็นต้องสั่ง คือ “ราดหน้าปลาเต้าซี่” ถือเป็นจานเริ่มต้นของคนที่ชอบทานอาหารจีน ซึ่งทางร้าน Little Dragon ได้พัฒนาเมนูนี้ จนกลายเป็นสูตรเฉพาะของทางร้านที่ไม่เหมือนใคร มีทีเด็ดคือการเลือกใช้เนื้อปลากระพงสดๆ มาแล่และคลุกกับแป้ง ก่อนนำไปทอดให้เหลืองกรอบ จากนั้นวางบนเส้นที่หอมคั่วกระทะและเหนียวนุ่ม ราดด้วยน้ำซุปที่ปรุงด้วยเต้าซี่ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ นับเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้ามาโดยตลอด และยังมีอีกหลายเมนูเด็ด ที่รอให้เหล่านักชิมมาลองพิสูจน์ความอร่อย
ส่วนใครที่หลงใหลอาหารหม้อไฟสไตล์ญี่ปุ่น อย่าพลาด “ร้านสุกี้เมาเวอริค” ที่ใช้ความอร่อยเฉพาะตัวมัดใจลูกค้า ด้วยรสชาติเข้มข้น และน้ำซุปกลมกล่อม เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และยังเป็นสุกี้แห้งเตาถ่าน เจ้าแรกของประเทศไทยด้วย ส่วนชื่อร้าน “สุกี้เมาเวอริค” ก็มีที่มาแสนเท่ โดยตั้งตามชื่อตัวละครในหนังเกี่ยวกับคาวบอยเรื่องหนึ่งที่พระเอกชื่อ “Maverick” เป็นคนยิงปืนได้อย่างว่องไว แม่นยำ คล้ายกับคุณพ่อเวลาผัดสุกี้ ที่ต้องใช้ความรวดเร็วในการผัด เพราะไฟจากเตาถ่านจะควบคุมยาก ถ้าผัดไม่ทันสุกี้แห้งก็จะไหม้นั่นเอง สำหรับสาขาออริจินอล แต่เดิมอยู่ที่สาขายศเส เปิดขายมานานถึง 60 ปี และปัจจุบันยังมีถึง 9 สาขา ส่วนเมนูเด็ดดวงในตำนานที่ต้องลองคือ “สุกี้แห้ง” ด้วยเสน่ห์ของการปรุงบนเตาถ่าน ที่มาพร้อมหมูที่หมักจนนุ่มลิ้นกําลังดี ด้านน้ำจิ้มสุกี้มีความเผ็ดปานกลาง รสกลมกล่อม และที่พิเศษคือน้ำจิ้มสุกี้มีส่วนประกอบไม่ตํ่ากว่า 10 อย่าง เรียกว่าลูกค้าขอเติมแล้วเติมอีก นอกจากนี้ที่ร้านยังใช้นํ้ามันหมูจึงทําให้อาหารมีความหอมกรุ่น รวมทั้งใช้เทคนิคและประสบการณ์เฉพาะตัวผัดสุกี้ด้วยไฟแรงๆ จึงทำให้มีกลิ่นหอมไหม้กระทะแบบอ่อนๆ ไม่เหมือนใครด้วย
ปิดท้ายกันที่ “ร้านผัดไทยกั้ง” ร้านอาหารสำหรับคนรักเนื้อกั้ง ที่ทางร้านได้สรรหาสารพัดเมนูจากกั้งมาเสิร์ฟความอร่อยแบบจัดเต็ม โดยครัวกลางต้นตำรับตั้งอยู่ที่ 154 ถนนเพชรเกษม สำหรับแรงบันดาลใจในการทำร้านดังกล่าว มาจากการที่เจ้าของร้านชอบทานเนื้อกั้ง รวมถึงอาหารประเภทเส้นสุดๆ ประกอบกับคุณแม่ของเจ้าของร้านมีสูตรทำน้ำผัดไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ จึงนำมาปรับทำให้ทานคู่กับเนื้อกั้งได้อย่างลงตัว สำหรับจานเด่นในร้าน ต้องยกให้ “ผัดไทยกั้ง” ซึ่งเป็นเมนูต้นกำเนิดของร้านนี้ ที่มาพร้อมกั้งสดๆ ส่งตรงจากแพนำมาผัดกับซอสสูตรโบราณ ที่เคี่ยวจากน้ำตาลมะพร้าวอัมพวา จนได้รสชาติกลมกล่อมครบรส ผสมผสานเข้ากับเส้นจันแท้ๆ จากย่านจันทบูร ซึ่งเป็นสินค้าโอท็อป 5 ดาว ประจำจังหวัดจันทบุรี เรียกได้ว่าคัดแต่วัตถุดิบชั้นดี มาเสิร์ฟให้ลูกค้า นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูอื่นๆ ที่ทำจากเนื้อกั้งซึ่งอร่อยเด็ดไม่แพ้กันอีกมากมาย
นอกจาก 7 เมนูเด็ด จาก 7 ร้านอร่อยในตำนานแล้ว ที่ LOFTER” (ลอฟท์เตอร์) ยังมีร้านอร่อยทั้งหมดกว่า 30 ร้าน ที่รอต้อนรับเหล่านักชิมและคนรักอาหารให้ได้เพลิดเพลินกับเมนูอาหารผ่านโซนเฉพาะต่างๆ ทั้ง 6 โซน ซึ่งได้แก่ 1) อาหารในตำนาน 2) ข้าว 3) ก๋วยเตี๋ยว 4) อาหารทอด 5) ของว่าง และ 6) ขนมไทย ในบรรยากาศโมเดิร์นแต่แฝงไว้ด้วยความเรียบง่ายสไตล์ลอฟท์ ด้วยผลงานการออกแบบของ Sean Dix และภาพประกอบโดยศิลปินนักวาดการ์ตูนแถวหน้าของเมืองไทย คุณวิศุทธิ์ พรนิมิตร ที่ได้ออกแบบน้องพุงกางทั้ง 6 คาแรคเตอร์ในร้าน เพื่อสื่อถึงการกินอิ่มอย่างมีความสุข และความสบายใจในบรรยากาศสบายๆ เมื่อได้มาทานอาหารที่ LOFTER (ลอฟท์เตอร์) ตามคอนเซ็ปต์ Eat Happily Like A Thai
สามารถติดตามความอร่อยระดับตำนานของร้านทั้งหมดกว่า 30 ร้าน ใน LOFTER (ลอฟท์เตอร์) พร้อมติดตามรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม ได้ที่ Facebook HappyLofter www.facebook.com/HappyLofter และ https://www.instagram.com/happylofter/
#HappyLofter #LofterAndFriend หรือ Line: @happylofter