บ้านสีขาวชั้นเดียวท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของเขาใหญ่และสวนสวยสไตล์อังกฤษหลังนี้ของคุณต๋อง ได้รับการออกแบบอย่างใส่ใจ มีฟังก์ชันใช้สอยตอบโจทย์การใช้ชีวิตของตนเองและสมาชิกครอบครัว ทั้งยังสามารถรองรับแขกและเพื่อนๆ ที่แวะมาเยี่ยมเยียนได้อย่างสะดวกคล่องตัว ดีไซน์ของบ้านเรียบง่ายสไตล์โมเดิร์นผสมผสานกับความเป็นยุโรป ซึ่งคุณต๋องนำแรงบันดาลใจจากการท่องเที่ยวมาเป็นไอเดียในการตกแต่งบ้านได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังเน้นความโปร่งโล่ง คำนึงถึงเรื่องทิศทางลม ช่วยให้อากาศภายในบ้านไม่ร้อนและเย็นสบายตลอดทั้งวัน


ดีไซน์ของบ้านคุณต๋องบอกว่าเน้นความเรียบง่ายสไตล์โมเดิร์นผสมผสานกับความเป็นยุโรป ซึ่งคุณต๋องนำแรงบันดาลใจจากการท่องเที่ยวมาเป็นไอเดียในการตกแต่งบ้าน เลือกใช้โทนสีขาวเป็นหลักเพื่อความสบายตา แล้วค่อยๆ แต่งแต้มสีสันอื่นเข้ามาเพิ่มเติม ด้วยความเป็นคนขี้เบื่อจึงอยากให้บ้านดูมีอะไร ไม่เรียบจนเกินไป ส่วนเฟอร์นิเจอร์ก็มีทั้งเก่าและใหม่ผสมผสานกัน ในความโมเดิร์นจึงมีกลิ่นอายแอนทีกนิดๆ ยุโรปหน่อยๆ


นอกจากนี้ภายในบ้านยังเน้นความโปร่งโล่ง คำนึงถึงเรื่องทิศทางลม ช่วยให้อากาศภายในบ้านไม่ร้อนและเย็นสบายตลอดทั้งวัน ส่วนฟังก์ชันใช้สอยอยากให้มีความสะดวกสบาย คล่องตัว ไม่ซับซ้อน โดยมีพื้นที่ลิฟวิง การ์เดนรูม และห้องครัว เป็นศูนย์กลางของบ้าน

“เรามีประสบการณ์จากการอยู่อาศัยบ้านหลังก่อนหน้านี้มาเป็น 10 ปี จึงรู้แล้วว่าอะไรที่เราชอบหรือไม่ชอบ โดยหลังนี้เราเลยเขียนแบบเอง ชอบอะไรก็เอามาใส่ แต่ไม่ได้ถึงกับคำนวณเหมือนสถาปนิกว่าต้องขนาดเท่าไรๆ เราแค่วาดออกมาว่าอยากได้บ้านแบบไหน ห้องนี้ขอเป็นขนาดเท่านี้นะ กำหนดตำแหน่งห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องน้ำว่าควรอยู่ตรงไหนถึงจะเหมาะสมตรงกับการใช้ชีวิตของเรา จากนั้นก็ปรึกษากับคุณอรรณภ สถาปนิก (BANDAN GROUP Company Limited) นำโจทย์ทั้งหมดที่เราต้องการมาเขียนแบบและดำเนินการก่อสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมา โดยตัวบ้านออกแบบเป็นชั้นเดียว มีสเตปน้อยๆ เพื่อให้เดินขึ้นลงได้สะดวก”


คุณต๋องอธิบายถึงฟังก์ชันของบ้านว่า “ด้านหน้าบ้านตรงประตูทางเข้าหลัก เราออกแบบให้มีทางลาดสำหรับวีลแชร์ ซึ่งจริงๆ เราอยากแนะนำให้ทุกบ้านควรมี ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นบ้านที่มีผู้สูงอายุ อย่างเวลาไปซื้อของหรือบ้านไหนที่มีลูกเล็กๆ ก็สามารถใช้รถเข็นได้สะดวก สำหรับพื้นที่ในบ้านเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็นโถงห้องพระ เวลามีแขกมาบ้านก็จะเข้าทางนี้ ถ้าพวกเรากันเองจะเข้าทางประตูห้องนั่งเล่นมากกว่า ซึ่งเป็นความตั้งใจของคุณแม่ที่อยากให้ทุกคนเดินผ่านห้องพระก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน คล้ายเป็นการสกรีนสิ่งไม่ดีต่างๆ ตามความเชื่อกับหลักฮวงจุ้ยว่าพระพุทธรูปควรหันหน้าออกนอกบ้าน ส่วนฟังก์ชันภายในจะแบ่งเป็น 4 ห้องนอนหลัก ห้องนอนลูกชายจะอยู่ด้านซ้ายมือก่อนถึงส่วนลิฟวิง ห้องนอนเกสต์จะอยู่ด้านขวามือ และห้องนอนใหญ่ของเราอยู่ถัดเข้ามาด้านใน”



สำหรับพื้นที่ใช้งานซึ่งเป็นศูนย์กลางของบ้านอย่างลิฟวิง การ์เดนรูม และห้องครัว คุณต๋องบอกว่าออกแบบให้เปิดโล่ง ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนก็สามารถมองเห็นพูดคุยกันได้ “การออกแบบเราให้ความสำคัญกับเรื่องทิศทางลมเพื่อให้ภายในบ้านไม่ร้อน โดยลมจะพัดเข้ามาทางทิศใต้และออกทางทิศเหนือ ส่วนลิฟวิงกับห้องนอนด้านข้างจึงออกแบบให้มีประตู หน้าต่างที่สามารถเปิดให้อากาศโฟลว์ออกไปได้ และด้วยไลฟ์สไตล์ของเราเวลาเข้าครัวหรือนั่งกินข้าวก็ต้องดูทีวี จึงออกแบบพื้นที่โซนนี้เป็น Open Space ไม่ว่านั่งอยู่ตรงโซฟา โต๊ะกินข้าว หรือห้องครัวก็มองเห็น แต่เราจะมีประตูห้องครัวไว้ปิดกั้นส่วนเวลาทำอาหาร เพื่อป้องกันเรื่องกลิ่นและควันเข้ามาภายในบ้าน”



เราถามถึงการออกแบบห้องครัวเพิ่มเติม “จากประสบการณ์การใช้งานห้องครัวเก่าที่เปิดโล่งทั้งหมด เวลาทำอาหารกลิ่นควัน คราบน้ำมันจะกระเด็นไปติดตามผนัง พื้น โซฟา โดยที่เราไม่เห็น ยากต่อการดูแลทำความสะอาด ครัวนี้เลยอยากให้มีประตูปิดกั้นส่วนไว้ รวมถึงประตูที่สามารถเดินเข้าทางห้องครัวได้เลยแบบไม่ต้องเดินผ่านในบ้านให้ยุ่งยาก ส่วนเรื่องฟังก์ชันเราก็ปรับให้สามารถใช้งานครัวได้คล่องตัวมากขึ้น ทำห้องเล็กๆ แยกออกไปเป็นพื้นที่ส่วนปรุงโดยเฉพาะ เวลาทำอาหารแล้วเลอะจะได้เช็ดความสะอาดแค่สเปซนั้นได้เลย ด้านนอกก็จะเป็นพื้นที่สำหรับล้าง จัดเตรียม และมีห้องจัดเก็บ สต๊อกของ เป็นเหมือน Storage ย่อมๆ ในห้องครัว ด้วยความที่เราเกษียณ ใช้เวลาอยู่กับบ้านค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะห้องครัว เลยพยายามออกแบบฟังก์ชันและเลือกทุกอย่างให้ตอบโจทย์ตรงกับการใช้งานของเราจริงๆ ดีไซน์ให้มีไอส์แลนด์ตรงกลางเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยและเป็นมุมนั่งเล่นนั่งกินอาหารง่ายๆ ได้ด้วย แม้กระทั่งดีเทลเล็กๆ น้อยๆ อย่างการเลือกอ่างล้างจานให้มีความลึกและขนาดใหญ่มากขึ้นเวลาล้างจานจะได้สะดวก น้ำไม่กระเด็นเลอะเทอะ”


ส่วนดีไซน์ของห้องครัวคุณต๋องบอกว่า “มู้ดโทนเราก็อยากให้กลมกลืนกับส่วนอื่นๆ ของบ้าน ชุดครัวหน้าบานสีขาวมองแล้วสบายตา ช่วยให้ห้องครัวดูสว่างไม่มืดทึบ ส่วนไอส์แลนด์เราเลือกใช้สีฟ้าตัดกับเวิร์กทอปสีขาวดูสดใส เพิ่มลูกเล่นด้วยการออกแบบประตูห้องเก็บของเป็นบานสวิงสไตล์คันทรี เราคิดว่าถ้าทำเป็นหน้าบานปิดคงไม่ค่อยได้เปิดใช้งาน แบบนี้เปิด-ปิดสะดวก มองเห็นด้านใน ผลักเข้าไปหยิบของได้เลย เลือกใช้เป็นสีเขียวน้ำเงินๆ ลิงก์กันกับประตูหน้าบ้าน ส่วนห้องที่เป็นส่วนปรุงเราทาผนังด้านหนึ่งเป็นสีส้มช่วยให้ครัวดูมีสีสันโดดเด่นไม่เรียบจนเกินไป”


อีกหนึ่งไฮไลต์ของบ้านที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือ “การ์เดนรูม แฟนเราเป็นคนตั้งชื่อให้ห้องนี้ เป็นส่วนที่ทำแล้วได้ใช้งานเยอะจริงๆ ก่อนหน้านี้บ้านเก่าเราจะมีระเบียงเอาต์ดอร์ไว้นั่งเล่น กินข้าว ปาร์ตี้สังสรรค์กัน แต่ว่าไม่ค่อยได้ออกมานั่งเล่นกันเท่าไรเพราะเขาใหญ่มีแมลงเยอะ บ้านหลังนี้เราเลยออกแบบเป็นห้องกึ่งเอาต์ดอร์ขึ้นมา มีประตูหน้าต่างบานใหญ่ไว้เปิดรับลมรับแสงสว่าง มองออกไปเห็นวิวสวนด้านนอก ยิ่งหน้าหนาวอากาศดีๆ ทุกคนก็จะชอบมานั่งเล่นกัน เหมือนเป็นห้องสันทนาการของครอบครัว นอกจากนี้ก็จะมีห้องที่เป็นทั้งออฟฟิศ ทั้งเวิร์กช็อปของแฟนเรา ออกแบบแยกกันกับตัวบ้านให้เขามีสเปซส่วนตัวไว้นั่งทำงาน เก็บของ เก็บเครื่องมือทุกอย่างอยู่ในนั้น พอใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมานานๆ เราจะรู้ไลฟ์สไตล์ รู้ว่าใครชอบอะไรไม่ชอบอะไร การจัดสรรให้เรามีพื้นที่ของกันและกัน แล้วก็มีสเปซที่สามารถมาแชร์มาใช้เวลาด้วยกันได้ เราว่านี่แหละคือความสุขจริงๆ”

สุดท้ายเราถามถึงนิยามของบ้านหลังนี้ “จะบอกว่าเป็นบ้านในฝันคงไม่ใช่ เพราะความฝันของเราถูกเติมเต็มแล้วตั้งแต่การมีบ้านที่เขาใหญ่ สำหรับบ้านหลังนี้เรารู้สึกว่ามันเกินจากความฝันแล้ว ถ้าจะให้นิยามคงเป็นบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเองและครอบครัว เป็นบ้านที่ผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตแล้วนำทุกอย่างมาปรับ มาออกแบบให้ตรงกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา มีบ้านดีไซน์สวยก็ดีเราก็ชอบ แต่ถ้าอยู่อาศัยแล้วสะดวกสบายและมีความสุขด้วยยังไงก็ดีกว่าแน่นอน”





