JA House บ้านแห่งสมดุลธรรมชาติและการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน

บ้านทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ที่พักอาศัย แต่คือพื้นที่ที่สะท้อนแนวคิดและไลฟ์สไตล์ของผู้คน JA House คือตัวอย่างที่ชัดเจนของบ้านที่ออกแบบมาเพื่อความยั่งยืน และการใช้ชีวิตที่กลมกลืนกับธรรมชาติอย่างแท้จริง แนวคิดหลักของบ้านหลังนี้คือ ความเรียบง่าย และการผสานรวมพื้นที่ การใช้งาน และบริบทสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

JA House ได้รับการวางแผนอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ประหยัดพลังงานและอยู่สบาย โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานสูง ด้วยแนวทางที่เรียกว่า สถาปัตยกรรมเชิงรับ (Passive Design) หรือการออกแบบอาคารที่ใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบทางธรรมชาติ เช่น แสงแดด ลม และอุณหภูมิแวดล้อม ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มความสบายในการอยู่อาศัย โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศหรือไฟฟ้ามากนัก

Passive Design คืออะไร?

การวางตำแหน่งอาคาร: ออกแบบให้เหมาะสมเพื่อลดความร้อนจากแสงแดดโดยตรง

  • การออกแบบช่องเปิดและการระบายอากาศ: เช่น การใช้ ช่องระบายอากาศไขว้ (Cross Ventilation) เพื่อให้ลมพัดผ่านบ้านได้ดี
  • การใช้วัสดุและฉนวนกันความร้อน: เพื่อลดการดูดซับและสะสมความร้อน
  • การใช้แสงธรรมชาติ: ลดการพึ่งพาแสงไฟในตอนกลางวัน

จากโกดังสู่บ้านหลังแรก

JA House คือบ้านของคู่รักที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในโกดังขนาดใหญ่มากว่า 5 ปี การออกแบบบ้านหลังแรกนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความเข้าใจในคุณภาพของพื้นที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง การวางผังและโครงสร้างจึงถูกวางแผนมาเพื่อให้การใช้ชีวิตไหลลื่นไปตามธรรมชาติของพื้นที่

การออกแบบเพื่อลดผลกระทบจากสภาพแวดล้อม

บ้านได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงทิศทางแสงแดดและทิศทางลมเป็นสำคัญ มีการสร้างโครงสร้างที่ช่วยป้องกันความร้อนจากทิศตะวันตก รวมถึงมีเฉลียงรับแขกที่ร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน นอกจากนี้ยังใช้หลังคาที่มีความลาดชันเล็กน้อย และชายคาที่ยื่นออกไปตามแบบฉบับของสถาปัตยกรรมเขตร้อน เพื่อป้องกันความร้อนจากแสงแดดและฝน

ความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอก

การออกแบบ JA House สะท้อนแนวคิดของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่ผสมผสานกับความทันสมัย โดยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกำแพงและพื้นที่เปิดโล่ง มีการใช้แผงกั้นที่สามารถเปิด-ปิดได้ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอกบ้านได้อย่างลงตัว

การจัดสรรพื้นที่และการใช้แสงธรรมชาติ

พื้นที่ภายในบ้านถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก โดยมี คอร์ตกลางบ้าน เป็นจุดศูนย์กลางของการไหลเวียนของอากาศและแสงธรรมชาติ มีช่องเปิดพิเศษที่หลังคาเพื่อให้แสงกระจายเข้าสู่ภายในบ้านได้อย่างทั่วถึง โครงสร้างภายในมีการออกแบบให้เปิดโล่ง โดยบันไดหลักถูกวางในตำแหน่งที่ช่วยให้การไหลเวียนของอากาศดีขึ้น

ชั้นแรกของบ้านประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่นและห้องทำงาน ซึ่งมีทางเข้าออกที่แยกจากกัน ระดับพื้นของแต่ละชั้นมีความแตกต่างเล็กน้อย เพื่อสร้างมิติทางสายตาและเพิ่มความสูงของเพดานให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ระเบียงไม้ยังช่วยแยกสัดส่วนของห้องต่างๆ และเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำกลางบ้านได้อย่างกลมกลืน

ประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ

บริเวณชั้น 3 ของบ้านถูกกำหนดฟังก์ชันของแต่ละพื้นที่ และออกแบบให้มีการไหลเวียนของอากาศและแสงที่เหมาะสม ผนังด้านบนที่เชื่อมกับห้องอเนกประสงค์และห้องนอนใหญ่ได้รับการออกแบบให้มีหน้าต่างบานกว้าง พร้อมชายคายื่นยาวเพื่อช่วยลดความร้อนและแสงสะท้อน ทำให้สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้โดยไม่รู้สึกร้อนหรือแสบตา

JA House ไม่ได้เป็นเพียงบ้านที่สวยงามและน่าอยู่ แต่ยังเป็นตัวอย่างของการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัย ผสมผสานสถาปัตยกรรมเชิงรับเข้ากับความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างลงตัว

ภาพและแหล่งที่มา: www.archdaily.com

wassukon

wassukon

ไม่ได้จบโดยตรงด้านออกแบบ แต่ฝันอยากเป็นสถาปนิกแล้วโลกก็เหวี่ยงให้มาเขียนงานด้านออกแบบเป็นสิบปี ตอนนี้เลยมีโลกส่วนครัวมากกว่าโลกส่วนตัวไปแล้ว