เลือกเครื่องฟอกอากาศในบ้านแบบไหนดี คำถามสุขภาพที่หลายคนเริ่มใส่ใจเพราะปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นภาวะสิ่งแวดล้อมที่ถึงแม้เราจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในบ้านก็ยังยากที่จะเลี่ยงพ้น เครื่องฟอกอากาศจึงได้กลายมาเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นสำคัญที่หลายบ้านขาดไม่ได้ เพราะช่วยลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพที่มากับมลพิษทางอากาศได้ทันใจเพียงกดปุ่ม ลองมาดูวิธีง่ายๆในการเลือกเครื่องฟอกอากาศให้ตอบโจทย์กันดีกว่า
เลือกเครื่องฟอกอากาศในบ้านอย่างไรให้ตอบโจทย์
เลือกเครื่องฟอกอากาศแบบไหนให้เหมาะกับขนาดห้อง
เมื่อเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งมีตัวเลือกหลากหลาย สิ่งสำคัญคือเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับพื้นที่ของห้องเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง วิธีง่ายๆ คือศึกษาคุณสมบัติของแต่ละตัวเครื่องที่รองรับกับขนาดของห้อง เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทาง
เลือกเครื่องฟอกอากาศแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน
การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับการใช้งานจะช่วยให้การลงทุนซื้อคุ้มค่า ซึ่งมีตัวเลือกให้ตัดสินใจหลากหลาย ตั้งแต่ประเภทพัดลมที่มีจุดเด่นเรื่องราคาย่อมเยาแต่อาจต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อย หรือ ประเภทไฟฟ้าสถิตที่ราคาสูงขึ้นมาแต่ตอบโจทย์เรื่องเสียงเบาและใช้งานได้ระยะยาว และประเภทไฟฟ้าประจุลบที่เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็กและกำจัดกลิ่นได้ดี เป็นต้น
หัวใจสำคัญอยู่ที่แผ่นกรองเครื่องฟอกอากาศ (Air Filter)
เพราะแผ่นกรองเปรียบเสมือนปอดของเครื่องฟอกอากาศ การใส่ใจกับชนิดของแผ่นกรองก่อนตัดสินใจซื้อยิ่งช่วยให้ได้เครื่องที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการที่สุด โดยแผ่นกรองอากาศชนิด HEPA (High Efficiency Particulate Air) ได้กลายเป็นตัวเลือกน่าสนใจที่สุด ด้วยคุณสมบัติของวัสดุที่ทำจากเส้นใยขั้นสูง ช่วยกรองอนุภาคเล็กได้ตั้งแต่ 0.3 ไมครอน จึงช่วยลดมลภาวะในอากาศได้มากถึง 99 % เลยทีเดียว
เลือกเครื่องฟอกอากาศที่เสียงไม่ดัง
ระดับเสียงที่พอดีเป็นเรื่องไม่ควรมองข้าม ก่อนการลดมลภาวะทางอากาศจะเป็นการเพิ่มมลภาวะทางเสียงไปเสียก่อน หนึ่งขั้นตอนการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่ไม่ควรมองข้ามคือระดับของเสียง ยิ่งเมื่อใช้งานเป็นเวลานานหรือเปิดก่อนนอน ระดับเสียงที่ดังเกินไปอาจทำให้รำคาญได้ง่าย ซึ่งบางรุ่นมีความดังถึง 50 เดซิเบลเลยทีเดียว (ระดับเสียงพูดคุย) ทางที่ดีควรเลือกเครื่องที่มีความดังประมาณ 30 เดซิเบล หรือบางรุ่นก็อาจเบาได้ถึง 20 เดซิเบลเลยนะ
เลือกเครื่องฟอกอากาศแบบไหนถึงจะคุ้มกับราคา
ก่อนจะบอกได้ว่าเครื่องฟอกอากาศแบบไหนที่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่ายต้องเข้าใจเรื่องค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) และ Air Flow กันก่อน
ค่า Clean Air Delivery Rate (CADR) คือปริมาณอากาศที่ฟอกได้ใน 1 นาที สำหรับใครที่งุนงงกับการเลือกซื้อ การมองหาค่า CADR เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยบอกประสิทธิภาพของเครื่องกรองนั้นๆ ยิ่งค่าสูงเท่าไหร่แปลว่าตัวเครื่องสามารถกรองมลภาวะต่างๆ ได้ดีเท่านั้น ควบคู่กันกับค่า Air Flow ที่แปลว่าความเร็วลม เป็นตัวช่วยบ่งบอกความรวดเร็วในการฟอกอากาศ ยิ่งเลขมากยิ่งดีเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก daikin