ปัญหาคราบไขมันและท่อระบายน้ำทิ้งอุดตันเป็นปัญหาสำคัญที่มีผลกระทบต่อการใช้งานในครัว ดังนั้นบ่อหรือถังดักไขมันจึงเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ไม่น้อยเลย เพราะนอกจากถังดักไขมันจะคอยทำหน้าที่บำบัดน้ำเสียออกจากห้องครัว เพื่อช่วยลดปัญหาท่อน้ำอุดตันแล้ว การปล่อยน้ำโดยไม่ผ่านถังดักไขมันนั้นมีความผิดทางกฎหมายแถมยังทำลายสิ่งแวดล้อมอีก เพราะหากไม่มีถังดักไขมันล่ะก็ เมื่อใช้งานไปนาๆ ท่อระบายน้ำในห้องครัวจะเกิดคราบฝังตัวอยู่ตามท่อหนาและเป็นเมือก เกิดเชื้อโรคสะสมทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นและทำให้น้ำระบายไม่สะดวกด้วย
ถังดักไขมันแบ่งออกเป็น 2 แบบ
1. ถังดักไขมันตั้งพื้น เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่เคยใช้ถังดักไขมันมาก่อน และต้องการติดตั้งภายหลัง เพราะสามารถติดไว้ใต้อ่างล้างจานได้เลย ด้วยการต่อท่อจากอ่างล้างจานเข้าสู่ถังดักไขมันแล้วเดินท่อไปสู่ระบบระบายน้ำเสียได้เลย
2. ถังดักไขมันฝังดิน ประเภทนี้เหมาะกับบ้านที่สร้างใหม่มากกว่า หากบ้านไหนที่ไม่เคยใช้ถังดักไขมันแต่ต้องการทำเพิ่ม การสกัดพื้นเพื่อหาตำแหน่งติดตั้งและจุดเชื่อมต่อท่อบริเวณใต้ดินนั้นเป็นไปได้ยากลำบากเลยทีเดียว
ส่วนขนาดของในการเลือกซื้อถังดักไขมันให้ดูที่จำนวนสมาชิกในบ้านว่าอยู่กันกี่คน หากมีสมาชิกอยู่ 3-5 คน การเลือกใช้ถังดักไขมันขนาด 15 ลิตรก็เพียงพอแล้ว สามารถสอบถามขนาดบรรจุได้จากร้านค้า ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกอยู่หลายขนาดตั้งแต่ 15 ลิตร 30 ลิตร 60 ลิตร และ 150 ลิตร เป็นต้น
หลักการทำงานในถังดักไขมันแบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนตะแกรงดักเศษอาหารช่วยกรองสิ่งสกปรกให้แยกออกจากน้ำ จากนั้นน้ำและไขมันจะไหลออกจากตะแกรงไปยังอีกส่วนหนึ่งของถังที่มีท่ออยู่ 2 ตอนคือ ท่อน้ำล้นที่เชื่อมต่อไปยังท่อระบายน้ำและท่อระบายไขมัน ซึ่งอยู่ต่ำกว่าท่อน้ำล้น
เมื่อน้ำและไขมันมาถึงส่วนนี้ ไขมันจะลอยตัวขึ้นและจับเป็นก้อนอยู่บนผิวหน้า ส่วนน้ำจะอยู่ด้านล่างและไหลออกจากท่อน้ำล้น จากนั้นไขมันจะถูกแยกออกจากน้ำและสะสมอยู่ภายในตัวถัง แต่ไม่ควรปล่อยไว้นานเกิน 1 สัปดาห์ ควรระบายไขมันออกทางท่ออ่อน หรือตักใส่ภาชนะหรือถุงดำแล้วนำไปทิ้ง
การดูแลรักษาถังดักไขมันให้มีอายุการใช้งานยาวนาน คือ ควรนำเศษอาหารที่อยู่ภายในตะแกรงดักเศษอาหารไปทิ้งอย่างสม่ำเสมอหรือทิ้งทุกวัน จากนั้นให้หมั่นระบายคราบไขมันในท่อระบายทุกสัปดาห์หรือทุกๆ 10 วันก็ได้ การทำวิธีนี้จะช่วยให้ท่อระบายน้ำอ่างล้างจานของคุณไม่เกิดปัญหาอุดตัน และไม่ส่งกลิ่นเหม็นสะสมนั่นเอง