ในวันที่อากาศดีลมหนาวพัดผ่านมาให้พอชื่นใจ เรามีนัดกับคุณหนุ่ม-สุวิน และคุณอั้ม-กัญญารัตน์ พึ่งน้อย ที่ พิมพ์ Home Café and Garden สวนเล็กในซอยลึกแต่ไม่ลับย่านท่าอิฐ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ให้เรายังคงได้เห็นความเป็นสวนนนท์แบบดั้งเดิม ต้นไม้บางต้นของที่นี่มีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี และบางต้นยังเป็นพันธุ์ผลไม้ที่คนนนท์เองยังหากินได้ยากในทุกวันนี้ ขอเกริ่นนำไว้พอเป็นสังเขป เพราะเราอยากชวนทุกคนไปเดินลัดเลาะร่องสวน พูดคุยกับทั้งสองคนไปพร้อมๆ กัน
ตอนเราไปถึงคุณหนุ่มกำลังง่วนอยู่กับการจัดนู่นย้ายนี่ด้วยเป็นช่วงวันหยุดของร้านพอดี ไม่นานนักคุณอั้มก็เดินมาสมทบพร้อมกล่าวคำทักทาย และเอ่ยชวนพวกเราให้เข้าไปดูพื้นที่สวนด้านในอย่างเป็นกันเอง “ที่ผืนนี้แรกเริ่มเป็นของตากับยาย สมัยก่อนหลักๆ คือทำสวนทุเรียนกับมะปราง พอถึงหน้ามะปรางนอกชานบ้านก็จะเต็มไปด้วยมะปรางจนไม่มีที่เดิน ทุเรียนก็เหมือนกัน ตอนเด็กๆ เราจะได้กินแต่ทุเรียนที่งอมแล้วตกลงจากต้น เพราะยายจะเลือกเก็บลูกดีๆ ใส่เรือไปขายที่เทเวศร์ แต่พอช่วงปี พ.ศ. 2538 น้ำท่วม ทุเรียนเลยตายเกือบหมดเพราะเป็นไม้ไม่ทนน้ำ แค่ 2 อาทิตย์รากก็เน่าหมดแล้ว ทำให้สวนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ พอมาถึงรุ่นพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ทำสวนเป็นหลัก แต่ยังมีพื้นที่ที่เป็นสวนอยู่เหมือนเดิม รุ่นเราก็เหมือนกัน ต่างคนต่างไปทำงานบริษัทเอกชน จุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวเรากลับมาทำสวนจริงจังน่าจะเป็นช่วงที่อิ่มตัวจากการทำงานประจำ บวกกับมีลูกด้วยเลยอยากให้เวลากับเขาอย่างเต็มที่” คุณอั้มเล่าถึงที่มาที่ไปของสวนให้เราฟัง
นอกจากนี้ยังแนะนำต้นไม้ต่างๆ ที่ปลูกไว้ในสวน มีทั้งต้นทองหลาง กระท้อนพันธุ์ทับทิม มะม่วงยายกล่ำ มะม่วงพราหมณ์ขายเมีย ขนุนสำปะลอ มะยงชิด มะปราง มังคุด เชียงดา มะดัน มะนาว มะกรูด ขิง ข่า พริก ตะไคร้ เลมอน ฯลฯ “คือช่วงก่อนจะลาออกจากงานประจำ เราเริ่มมาปรับปรุงพื้นที่สวนที่มันทรุดโทรม ลงต้นไม้เพิ่มให้เต็มสวนมากขึ้น ส่วนใหญ่ในสวนจะเป็นต้นที่ออกผลเอาไว้เก็บกินได้ ผักก็จะปลูกตามฤดูกาล พอทำมาสักระยะจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเราก็ตัดสินใจลาออกจากงานกันทั้งคู่ แล้วค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ขยับขยายจนกลายเป็น พิมพ์ Home Café and Garden โดยยังคงทำสวนแบบอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี”
ในส่วนนี้คุณอั้มอธิบายเพิ่มเติมว่า “ปกติร่องสวนนนท์จะปลูกต้นทองหลางกันไว้ ทุกปีเราจะมี ‘สาดเลน’ คือการเอาขี้เลนขึ้นมาโปะตามโคนต้นไม้ จะมีธาตุไนโตรเจนที่เป็นอาหารของพืชซึ่งเกิดจากใบทองหลางที่ร่วงลงไปอยู่ในท้องร่องสวน เราเลยซึมซับวิธีการทำสวนแบบนี้ที่ทำกันมาตั้งแต่รุ่นตารุ่นยาย และพอเป็นสวนอินทรีย์ มีความเป็นธรรมชาติ เห็ดโคน เห็ดตับเต่าเลยจะขึ้นในสวนให้ได้เก็บกินทุกปี ถ้าไม่ปลอดสารเคมีจริงๆ เห็ดพวกนี้จะไม่ขึ้น”
“เราทำสวนแบบผสมผสาน ไม่ได้ปลูกอย่างใดอย่างหนึ่งทั้งสวน จะปลูกผลไม้อย่างละ 3-5 ต้น ค่อนข้างมีความหลากหลาย เน้นผลไม้ตามฤดูกาล ตอนมาเริ่มทำสวนกันสิ่งแรกที่ตั้งใจไว้เลยคือเราจะพยายามถนอมดูแลพวกไม้เก่าแก่เอาไว้ อย่างมะม่วงยายกล่ำ มะม่วงพราหมณ์ขายเมีย กระท้อนพันธุ์ทับทิม ต้องคอยระวังเรื่องกาฝาก ถ้ารักจะทำสวนต้องคอยดูคอยสังเกต เผลอนิดเผลอหน่อยมีแมลงมากวนต้นไม้ก็ตาย บางทีกินผลไม้เราหมดต้นเลยก็มี ส่วนต้นที่เราปลูกเพิ่มก็ยังเน้นเป็นพวกผลไม้เหมือนกัน เพราะจังหวัดนนทบุรีเป็นที่ราบลุ่ม ดินเหนียว มีความอุดมสมบูรณ์ในดินมากเลยเหมาะกับการปลูกผลไม้
“ผักเราก็มีที่ปลูกไว้กินตามฤดูกาลเหมือนกัน แต่จะต้องปรุงดินค่อนข้างเยอะ ผสมพวกขุยมะพร้าว แกลบ ขี้วัว เนื่องจากถ้าดินเหนียวรากเขาจะแทงไม่ได้ ทำให้โตไม่เต็มที่ บวกกับเราไม่ได้ใช้สารเคมี ถ้ารั้นปลูกช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลของเขามันก็จะไม่ค่อยขึ้น เคยพยายามปลูกผักชีตอนหน้าฝนแต่ก็สู้ฝนไม่ไหว ตายหมด อันนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ในการลองทำลองปลูก อาจจะทำเป็นแปลงสำหรับปลูกผักขึ้นมา ทำโรงเรือนช่วยกรองแดดกรองฝน ต้องดูพื้นที่เรา ดูผักแต่ละชนิดด้วยว่าชอบดิน ชอบอากาศแบบไหน หรือฤดูไหนปลูกอะไรได้บ้าง” คุณหนุ่มช่วยเล่าเพิ่มเติม
และเมื่อได้ผลผลิตมากขึ้น คุณอั้มกับคุณหนุ่มจึงคิดกันว่าจะทำอย่างไรดี “ตอนแรกเราปลูกผักผลไม้ไว้แต่ยังไม่ได้ขาย อย่างรุ่นตารุ่นยายเขาเป็นชาวสวนจริงๆ รู้ว่ามีตลาดขายของที่ไหนบ้าง แต่เราไม่รู้เลยว่าทุกวันนี้ถ้าจะไปขายแบบนั้นต้องทำยังไงบ้าง เลยใช้พื้นที่ด้านหน้าทำเป็นคาเฟ่ขายผักผลไม้ให้กับลูกค้าโดยตรง แล้วก็นำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับทำอาหารกับเครื่องดื่มในร้าน เมนูบางวันบางอาทิตย์ก็จะเปลี่ยนไปตามผักผลไม้ที่มีในสวน จะเปิดแค่วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพราะเราต้องมีเวลาดูแลสวนด้วย”
สำหรับบรรยากาศของคาเฟ่คุณหนุ่มออกแบบตกแต่งให้ทุกอย่างดูกลมกลืนไปกับสวน โดยนำไม้ บานหน้าต่าง ประตูบานเฟี้ยมที่ถูกรื้อจากเรือนไม้เก่ามาใช้ เน้นพื้นที่ส่วนเอาต์ดอร์ มู้ดและโทนให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองเหมือนมานั่งเล่นนั่งกินข้าวบ้านเพื่อน ทั้งยังใกล้ชิดธรรมชาติ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ได้สัมผัสถึงความเป็นสวนจริงๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความตั้งใจของคุณหนุ่ม “บางคนมีบ้านอยู่ต่างจังหวัดแต่ต้องเข้ามาทำงานมาใช้ชีวิตในเมือง ไม่มีเวลาได้กลับบ้านบ่อยๆ หรือต้องเดินทางไกล เลยอยากให้ทุกคนที่มารู้สึกเหมือนที่นี่เป็นบ้านต่างจังหวัดของตัวเองอีกหลังหนึ่ง ส่วนคนที่อยู่ในเมืองรายล้อมไปด้วยตึกสูง ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ เวลามาที่นี่เราก็อยากให้รู้สึกผ่อนคลาย ได้นั่งพักผ่อนสบายๆ”
การทำสวนฟังแล้วเหมือนง่ายแต่จริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่ต้องทุ่มเททั้งเวลา แรงกายและแรงใจ “สำหรับคนที่อยากมาทำสวน สิ่งแรกเลยต้องตอบตัวเองให้ได้ว่ามีใจรักแน่ๆ อย่างพวกเราคือเริ่มจากชอบปลูกต้นไม้ ชอบกินผักปลอดสาร โตมากับบ้านสวน เวลาอยากกินน้ำพริกก็เดินไปเก็บผัก ให้ความรู้สึกเหมือนมีซูเปอร์มาร์เก็ตข้างบ้าน นอกจากใจรักแล้วก็ต้องศึกษาหาข้อมูล มาลองผิด ลองถูก ลองปลูก” คุณอั้มและคุณหนุ่มบอกทิ้งท้าย
Facebook: พิมพ์ Home Cafe’ and Garden
โทร. 08 2094 4471
เปิดวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ดูวันและเวลาเปิด-ปิดเพิ่มเติมได้ทางหน้าเพจ)