เมื่อคอนโดมิเนียมอายุ 30 ปี กลายเป็นสนามทดลองของ Home Stylist มืออาชีพ ที่เปลี่ยนพื้นที่เก่าให้กลายเป็น “ห้องปฏิบัติการทางดีไซน์” ผสมผสานจิตวิญญาณของความอบอุ่นและฟังก์ชันที่ยืดหยุ่นได้อย่างลงตัว
เริ่มต้นชีวิตใหม่ในพื้นที่เดิมของเมือง
การย้ายจากบ้านสวนที่สิงห์บุรีมายังคอนโดมิเนียมย่านเมืองทองธานี คือจุดเปลี่ยนสำคัญของคุณป๊ง–นันท์มนัส กองแก้ว และคุณบุ๊ค–อภิชัย คำแก้ว คู่รักและคู่คิดที่ใช้ชีวิตและทำงานร่วมกัน พวกเขามองหาพื้นที่ที่ไม่ใหญ่เกินความจำเป็น แต่ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน และสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามการเติบโตของงานและไลฟ์สไตล์
คอนโดเก่าอายุ 30 ปีหลังนี้ตอบโจทย์ทุกอย่าง ทั้งขนาดห้องที่กว้างขวาง วิวที่โปร่งโล่ง และระบบพื้นฐานที่ยังคงแข็งแรง จึงถูกเลือกให้เป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบชีวิตใหม่ที่เน้นความพอดีและความสุขที่อยู่ใกล้มือ
ค้นพบ DNA แห่ง Home Stylist
แม้คุณป๊งจะไม่ได้มาจากสายสถาปัตย์หรือออกแบบโดยตรง แต่ความรักในเรื่องบ้านและการจัดสเปซคือสิ่งที่ฝังอยู่ในตัวมาตั้งแต่เด็ก
จากอดีตคนทำงานเบื้องหลังธุรกิจออนไลน์ เธอค่อยๆ พัฒนาความหลงใหลนั้นให้กลายเป็นอาชีพในฐานะ Home Stylist มืออาชีพ ที่มองการตกแต่งบ้านเป็นมากกว่าความสวยงาม แต่คือการสร้างสถาปัตยกรรมภายในที่มีจิตวิญญาณ
คอนโดแห่งนี้จึงถูกใช้เป็นเหมือน “ห้องทดลองดีไซน์” ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของบ้านได้ทดลองแนวคิด จัดสเปซ และปรับองค์ประกอบตามอารมณ์ในแต่ละช่วงเวลา
ดีไซน์ที่เติบโตไปพร้อมชีวิต
เมื่อได้รับห้องที่เจ้าของเดิมรีโนเวทพื้นฐานไว้แล้ว ทั้งการปูพื้น SPC ทาสีผนังใหม่ และรื้อบิลต์อินออกทั้งหมด คุณป๊งเลือกเริ่มต้นจากพื้นที่ว่างเปล่า แล้วค่อยๆ สร้างอัตลักษณ์ของตัวเองผ่านเฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน
สไตล์เริ่มต้นเป็นแนว Modern New York Apartment ที่เท่และเรียบเฉียบ ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาไปสู่ความอบอุ่นในแบบ Mid-Century Modern ผ่านการเติมไม้โทนกลางเข้าไป จนเกิดความกลมกลืนระหว่างเส้นสายเรียบง่ายกับเท็กซ์เจอร์ของวัสดุธรรมชาติ
แสง สี และมิติของความรู้สึก
โทนสีหลักของห้องนั่งเล่นคือเฉดธรรมชาติอย่างเบจและน้ำตาล ที่ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายและอยู่สบาย สีน้ำเงินถูกนำมาใช้ในบางจุดเพื่อเพิ่มจังหวะสายตาและความมีชีวิตชีวา เช่น พรม แจกัน หรือชั้นวางทีวี ทำให้เกิด “บทสนทนาทางสายตา” ระหว่างโทนอบอุ่นและโทนเย็นอย่างมีสมดุล
การจัดแสงภายในห้องคืออีกองค์ประกอบที่สะท้อนความตั้งใจ ทุกจุดใช้ไฟวอร์มโทนที่ให้แสงนุ่มและสบายตา โดยซ่อนหลอดไฟไว้ในแนวเพดานหรือผนัง เพื่อให้แสงสะท้อนอย่างละมุนแทนการส่องโดยตรง ผลลัพธ์คือบรรยากาศที่อบอุ่นและโรแมนติกในทุกช่วงเวลา
เหนือโต๊ะอาหารมีโคมไฟกระดาษสีขาวที่ทำหน้าที่เป็นจุดโฟกัสของห้อง วัสดุโปร่งเบาช่วยลดความแข็งของโต๊ะสีดำ และเพิ่มมิติทางอารมณ์ให้สเปซดูอ่อนโยนขึ้น
ฟังก์ชันที่ยืดหยุ่นและเฟอร์นิเจอร์ที่เล่าเรื่อง
พื้นที่โถงกลางของคอนโดถูกออกแบบให้เป็นสเปซไร้รอยต่อ เชื่อมต่อทั้งมุมนั่งเล่น โต๊ะอาหาร และมุมทำงานเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ แนวคิด Modular Design ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายและปรับเปลี่ยนการจัดวางได้ตามกิจกรรม
เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นถูกเลือกจากความรู้สึกมากกว่าตามเทรนด์ หลายชิ้นเป็นของมือสองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีเรื่องราวในตัวเอง ทั้งยังถูกจัดวางในแบบที่ให้ความรู้สึกเหมือนงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นพรมซ้อนชั้นเพิ่มมิติให้พื้นผิว หรือเซิร์ฟบอร์ดที่ถูกนำไปติดบนเพดานให้กลายเป็นของตกแต่งเหนือความคาดหมาย
สำหรับคุณป๊ง พื้นที่นี้ยังเป็นเหมือนห้องเรียนขนาดย่อมที่ใช้สอนเวิร์กช็อปแต่งบ้านจริง เธอมองทุกมุมของคอนโดเป็นมู้ดบอร์ดสามมิติที่เปิดให้ทดลองและเรียนรู้ไปพร้อมกับผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมชม
ครัวที่เชื่อมความละมุนกับการใช้งาน
ห้องครัวแยกออกจากพื้นที่หลักด้วยประตูบานเลื่อนกรอบดำ เพื่อควบคุมกลิ่นอาหารไทยได้ดี ขณะเดียวกันยังคงความโปร่งด้วยกระจกใส โซนกาแฟเล็ก ๆ ด้านข้างถูกออกแบบให้มีจังหวะที่นุ่มนวลขึ้น ด้วยการผสมผสานชั้นวางไม้และเครื่องชงกาแฟสีดำที่เชื่อมโยงกับองค์ประกอบในห้องหลักอย่างพอดี
บ้านในฐานะที่พักใจและการลงทุนระยะยาว
กว่าสองปีของการอยู่ที่นี่ ทั้งคู่ค่อยๆ เติมเต็มพื้นที่ด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งคุณภาพดีทีละชิ้น โดยไม่เร่งรีบ ทุกองค์ประกอบผ่านการคิดและเลือกเพื่อให้อยู่ได้นานและปรับเปลี่ยนได้ในอนาคต
สำหรับพวกเขา “บ้าน” ไม่ได้เป็นเพียงที่พักอาศัย หากแต่คือพื้นที่แห่งการเยียวยาและหล่อเลี้ยงแรงบันดาลใจ บ้านหลังนี้จึงเปรียบเสมือนที่พักพิงของใจ ที่โอบรับความเหนื่อยล้าจากภายนอก และเป็นพื้นที่ที่มีคุณค่าทางใจซึ่งสะท้อนตัวตนของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจนที่สุด
