ในช่วงปี 2025 เทคโนโลยี Smart Home กำลังเข้าสู่ยุคที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเชื่อมต่อกันได้หมด แต่โปรดจำไว้ว่า “สมาร์ทไม่ได้แปลว่าดีกว่าเสมอไป” เราได้รวบรวม 10 อุปกรณ์ที่ดูหวือหวา แต่กลับมอบความยุ่งยาก มีค่าใช้จ่ายแฝง หรือทำหน้าที่ได้ไม่คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่คุณจ่ายไป
หากคุณกำลังวางแผนอัปเกรดบ้านให้เป็น Smart Home นี่คือรายการที่คุณควร ‘เลื่อนผ่าน’ ไปได้เลย!
กลุ่มที่ 1 เพิ่มค่าใช้จ่ายแฝงและปัญหาความน่าเชื่อถือ
1. กล้องวงจรปิด / Doorbell ที่ต้องเสียค่า Subscription รายเดือน
| ปัญหาหลัก (ปี 2025) | ทำไมไม่เวิร์ค | ทางเลือกที่ดีกว่า |
| “Paywall” เพื่อดูวิดีโอ | หลายแบรนด์บังคับให้คุณจ่ายค่าบริการรายเดือน (Subscription) เพื่อเข้าถึงฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การบันทึกวิดีโอย้อนหลัง หรือการแจ้งเตือนบุคคล ทำให้ต้นทุนรวมสูงกว่าที่คิด | เลือกกล้องที่รองรับ Local Storage (บันทึกลง SD Card หรือ NVR) หรือระบบที่ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน |
2. Smart Device แบรนด์ใหม่/โนเนม ที่ไม่มีมาตรฐาน Matter
| ปัญหาหลัก (ปี 2025) | ทำไมไม่เวิร์ค | ทางเลือกที่ดีกว่า |
| ปัญหาการเชื่อมต่อ | แม้ว่ามาตรฐาน Matter จะถูกผลักดันอย่างหนัก แต่ Gadget ราคาถูกจากแบรนด์โนเนมส่วนใหญ่ยังคงใช้แอปฯ เฉพาะกิจ (Proprietary App) ทำให้เชื่อมต่อกับ Google, Alexa หรือ HomeKit ได้ยาก และไม่เสถียร | เลือกซื้ออุปกรณ์ที่ระบุว่า “รองรับ Matter” เพื่อความเข้ากันได้และการใช้งานที่ยาวนาน |
3. Smart Sensors ราคาถูกที่ใช้แบตเตอรี่เหรียญ (CR2032)
| ปัญหาหลัก (ปี 2025) | ทำไมไม่เวิร์ค | ทางเลือกที่ดีกว่า |
| ต้องเปลี่ยนแบตฯ บ่อย | เซ็นเซอร์ประตู, หน้าต่าง, หรืออุณหภูมิขนาดเล็กบางรุ่นต้องใช้แบตเตอรี่แบบเหรียญ (CR2032/CR1632) ซึ่งผู้ใช้บ่นว่าต้องคอยเปลี่ยนบ่อยมากจนกลายเป็นภาระ | เลือกเซ็นเซอร์ที่ใช้แบตเตอรี่ AA/AAA (ซึ่งมีอายุการใช้งานนานกว่า) หรือรุ่นที่ต่อ USB Power |
กลุ่มที่ 2 ความซับซ้อนที่ไม่คุ้มค่ากับฟังก์ชัน
4. ตู้เย็นอัจฉริยะ พร้อมหน้าจอ AI (Smart Refrigerator with AI Screen)
| ปัญหาหลัก (ปี 2025) | ทำไมไม่เวิร์ค | ทางเลือกที่ดีกว่า |
| ซับซ้อนและราคาแพงเกิน | ฟังก์ชันการดูของในตู้เย็นผ่านกล้อง หรือการสั่งงานด้วยเสียงบนตู้เย็น ไม่ได้เป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่เพิ่มราคาสินค้าขึ้นมหาศาล และเป็นจุดที่ซ่อมแซมยากเมื่อซอฟต์แวร์ล้าสมัย | ตู้เย็นธรรมดาที่ดีต่อการประหยัดพลังงาน + ใช้แอปพลิเคชัน ‘รายการซื้อของ’ บนโทรศัพท์มือถือ |
5. Smart Mirror หรือกระจกอัจฉริยะสำหรับห้องน้ำ
| ปัญหาหลัก (ปี 2025) | ทำไมไม่เวิร์ค | ทางเลือกที่ดีกว่า |
| ฟังก์ชันที่ซ้ำซ้อน | มันแสดงสภาพอากาศ, ข่าว, หรือวิดีโอ ซึ่งเป็นข้อมูลเดียวกับที่คุณสามารถดูได้บนโทรศัพท์มือถือหรือ Smart Display ทั่วไป โดยมีราคาสูงกว่ามาก | ใช้ Smart Display ขนาดเล็กวางบนเคาน์เตอร์ หรือเพียงแค่ใช้มือถือของคุณ |
6. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น/ถูพื้นรุ่นเก่า/ราคาเริ่มต้น
| ปัญหาหลัก (ปี 2025) | ทำไมไม่เวิร์ค | ทางเลือกที่ดีกว่า |
| การนำทางที่ไม่เสถียร, พลังดูดต่ำ | ในยุค 2025 หุ่นยนต์ที่ไม่มีระบบ Lidar/AI Mapping ที่ดีจะติด, หลงทาง, หรือชนเฟอร์นิเจอร์อยู่เสมอ ทำให้คุณต้องคอยดูแลมันมากกว่าการดูดฝุ่นเอง | ลงทุนกับหุ่นยนต์ที่มีระบบ Mapping และ AI หลีกเลี่ยงวัตถุที่ดี (เช่น Roborock, Dreame) หรือใช้เครื่องดูดฝุ่นมือถือคุณภาพดี |
กลุ่มที่ 3: แก้ปัญหาผิดจุดและทางเลือกที่ง่ายกว่า
7. Smart Bulb (หลอดไฟอัจฉริยะ) สำหรับไฟหลักทุกดวง
| ปัญหาหลัก (ปี 2025) | ทำไมไม่เวิร์ค | ทางเลือกที่ดีกว่า |
| การควบคุมที่ถูกขัดจังหวะ | ถ้ามีคนปิดสวิตช์ไฟผนังแบบดั้งเดิม ไฟอัจฉริยะจะขาดพลังงานและไม่สามารถควบคุมผ่านแอปฯ หรือเสียงได้อีกต่อไป | ใช้ Smart Switch (สวิตช์ไฟอัจฉริยะ) แทน โดยใช้คู่กับหลอดไฟธรรมดา ซึ่งจะทำให้ไฟทั้งห้อง “สมาร์ท” ได้โดยไม่กลัวใครกดสวิตช์ |
8. Smart Toilet (โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะ)
| ปัญหาหลัก (ปี 2025) | ทำไมไม่เวิร์ค | ทางเลือกที่ดีกว่า |
| ราคา/การติดตั้งสูงเกินจำเป็น | แม้จะมีฟังก์ชันทำความสะอาดหรือเปิด/ปิดฝาอัตโนมัติ แต่ราคาสูงมากเมื่อเทียบกับโถสุขภัณฑ์ธรรมดา และอาจต้องมีการติดตั้งระบบไฟฟ้า/ประปาที่ซับซ้อน | ติดตั้ง Smart Bidet Seat (ฝารองนั่งอัจฉริยะ) กับโถสุขภัณฑ์เดิม ซึ่งให้ฟังก์ชันหลักด้านสุขอนามัยได้ในราคาที่ย่อมเยากว่ามาก |
9. Smart Pet Feeder (เครื่องให้อาหารสัตว์เลี้ยง)
| ปัญหาหลัก (ปี 2025) | ทำไมไม่เวิร์ค | ทางเลือกที่ดีกว่า |
| เสี่ยงต่อการทำงานล้มเหลว | หากคุณเดินทางไกล การพึ่งพา Gadget ชิ้นเดียว (ที่อาจมีปัญหา Wi-Fi, ไฟดับ, หรือเครื่องติดขัด) ทำให้สัตว์เลี้ยงอดอาหาร | ใช้เครื่องให้อาหารแบบตั้งเวลาธรรมดา (Timer) หรือเครื่องให้อาหารแบบแรงโน้มถ่วง (Gravity) และหาคนดูแลสำรองเพื่อความอุ่นใจ |
10. Smart Gadgets ที่เน้นการโฆษณา (Ad-Serving Devices)
| ปัญหาหลัก (ปี 2025) | ทำไมไม่เวิร์ค | ทางเลือกที่ดีกว่า |
| เปลี่ยนอุปกรณ์ให้เป็นป้ายโฆษณา | มีแนวโน้มที่อุปกรณ์ AI/Smart Display บางตัวจะเริ่มแสดงโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ทำให้ประสบการณ์ใช้งานภายในบ้านลดลงและรู้สึกถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว | เลือกใช้ Hub ที่เน้นความเป็นส่วนตัว (เช่น Apple HomePod Mini) หรือสร้าง Dashboard ควบคุมเองบนแท็บเล็ตเก่าด้วยแพลตฟอร์มอย่าง Home Assistant |




