จากร้านข้าวแกงชื่อดังในตลาดนัดสวนจตุจักร กับการเดินทางสู่บ้านหลังใหม่ในรั้วโรงเรียนเก่าแก่อย่างโรงเรียนเรวดีบนถนนประดิพัทธ์ วันนี้ “ร้านอาหารไทย พริกหยวก” ได้กลับมาพร้อมกับอัตลักษณ์ที่สร้างความจดจำในชื่อเดิมที่คุ้นเคย กับตำนานที่เสิร์ฟความอร่อยมากว่า 30 ปี
หลังเจอพิษโควิด-19 ทำให้ร้านในตลาดนัดสวนจตุจักรปิดตัวลง ร้านพริกหยวกจึงย้ายมาที่ทำเลใหม่อยู่ริมทางรถไฟย่านประดิพัทธ์โดยเปิดเป็นร้านเล็กๆ มีที่นั่ง 6-7 โต๊ะ ให้อารมณ์เหมือนมากินข้าวบ้านเพื่อน แต่ก็เปิดได้เพียงระยะเวลาหนึ่งทำให้ต้องย้ายออกมาหาทำเลใหม่อีกครั้ง
ศิลปะการทำอาหารที่คู่ขนานไปกับศิลปะในอาคารเรียนเก่า
ร้านอาหารไทย พริกหยวก ภายใต้ร่มไม้ชายคาแห่งใหม่นี้มีคุณแอน-ดารารัตน์ วิสัยจร ผู้เป็นทั้งเชฟ และเจ้าของร้านที่มีความเป็นฟู้ดดีไซน์ กับเอกลักษณ์เฉพาะในการทำอาหารไทยซึ่งทุกเมนูล้วนเป็นอาหารที่กินในชีวิตประจำวันของครอบครัวคนไทย ที่สำคัญคือเน้นคุณภาพ ชูวัตถุดิบหลักๆ โดยไม่ใส่ผงชูรสและน้ำมันหอย ซึ่งเธอบอกว่าอาหารจะอร่อยหรือไม่ขึ้นอยู่กับคนกินแต่กว่าจะทำให้ได้รสมือนี้ก็ต้องอาศัยประสบการณ์และทักษะที่ชำนาญ นอกจากนี้ยังได้ลูกชาย คุณออม-กาศิก พัจนโรจน์ รับหน้าที่บริหารจัดการภายในร้านและดูแลหลังบ้าน ส่วนร้านพริกหยวกแห่งใหม่คุณแอนได้มอบหมายให้คุณตั้ม-ชัยวัฒน์ อ่างแก้ว แห่งบริษัท The Combinasion สตูดิโอออกแบบภายใน มาออกแบบตกแต่งภายในให้ทั้งหมด โดยคงกลิ่นอายความดั้งเดิมของตัวอาคารที่ออกแบบพื้นที่ภายในให้เสมือนห้องอาหาร คิทเช่นบาร์ และห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่ คอยต้อนรับทุกคนด้วยรสชาติและความรู้สึกเดิมๆ ที่คุ้นเคย
พื้นที่โรงเรียนเก่าและตัวตนของร้าน
การรีโนเวตโรงเรียนเก่าอายุกว่า 70 ปี และไม่ได้ถูกใช้งานมาหลายสิบปี ประกอบกับสภาพแวดล้อมที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายของผู้ออกแบบ คุณตั้มเล่าว่า เข้ามารีโนเวตพื้นที่ตรงนี้ประมาณ 4 เดือน แต่ทำจริงๆ 2 เดือน เพราะตอนนั้นตรงกับช่วงพายุเข้าพอดี สิ่งที่ยากที่สุดคือการวางท่อระบายน้ำใหม่ ปรับถนนทางเดิน และการปรับปรุงเปลี่ยนสภาพ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานเดิมนั้นใช้ไม่ได้แล้ว เช่น ท่อด้านล่างอาคาร ลานจอดรถในปัจจุบันที่เดิมคือสนามเด็กเล่น รั้วไม้ที่มีปลวก ต้นพวงชมพูเลื้อยรก ต้นจามจุรีที่แผ่กิ่งก้านโค้งเป็นอุโมงค์ วันที่มาเห็นครั้งแรกคือต้นไม้เยอะมาก และเจอปัญหาใหญ่ที่เจ้าของที่นี่ท่านขอมาให้อนุรักษ์โครงสร้างไว้ คือห้ามเจาะ ห้ามทุบ ห้ามเปลี่ยน เช่น ห้องน้ำเด็กอนุบาล อ่างอาบน้ำของเด็กอนุบาล
แม้กระเบื้องเทอร์ราชโซรุ่นเก่า ไม้สักแท้ที่อายุร่วม 80 ปีด้วยความที่ถูกตีกรอบทำให้เป็นโจทย์ยาก ในขณะที่เราตั้งเป้าว่าเราไม่ใช่อาร์คิเทคที่แค่สร้างอาคาร แต่เราคือผู้ดูแลเรื่องแบรนดิง ออกแบบองค์ประกอบทางธุรกิจและเครื่องมือทางการตลาดเพื่อให้ลูกค้าบรรลุวัตถุประสงค์ มันก็เลยมีคาแรกเตอร์ของแบรนดิง “พริกหยวก” ซึ่งจุดยืนของที่นี่คือมิด-เซ็นจูรีที่โมเดิร์น เราเลือกอาร์คิเทคน้องๆ รุ่นอายุ 25 ปีเข้ามาทำที่นี่ให้มีความร่วมสมัย เราไม่ต้องการสไตล์เรโทรเพราะ “พริกหยวก” ไม่แก่ ถึงแม้จะเป็นตำนานก็ตาม
“พริกหยวก” ตำนานความอร่อยที่ร่วมสมัย
ภาพรวมคอนเซ็ปต์แรกคือความเป็นมิด-เซ็นจูรี ไอเดียการตกแต่งที่พบทางออกด้วยการสลัดภาพเดิมๆ แล้วปรุงแต่งเป็นแบบฉบับของตนเองลงไป โดยคาแรกเตอร์ไม่ได้มีปัญหาในแง่ยุคสมัยเพราะสามารถปรับได้ แต่ฟังก์ชันของธุรกิจเป็นสิ่งที่คุณตั้มหยิบขึ้นมาเป็นข้อแรก เลยเกิดการวางตัวของ “พริกหยวก” ที่เริ่มต้นด้วยอาหารไทย ตอนเช้าจะมีอาหารเช้า (โมเดลใหม่) ช่วงบ่ายมี Afternoon Tea และห้อง Craft Shop ร้านขายของแฮนด์เมดที่มีตั้งแต่เครื่องจักสาน ของใช้ในครัวเรือน ส่วนชั้นบนจัดเป็นห้องสัมมนา จัดเลี้ยง
ทั้งนี้โครงสร้างเดิมของโรงเรียนประกอบไปด้วยอาคารเรียนหลายหลังที่ต่อเนื่องกัน ในการออกแบบจึงยังคงโครงสร้างต่างๆ ไว้ ส่วนภายในแต่ละอาคารก็ได้ถูกปรับปรุงใช้งานเป็นห้องอาหารที่มีชื่อเรียกแตกต่างกัน ประกอบไปด้วย Cuisine Club หรือห้อง Living Room ห้อง Thai Cuisine ที่เป็นห้องอาหารรองรับสำหรับกลางวัน กลางคืน ส่วนด้านหน้าอาคารถูกวางไว้ให้เป็น Kitchen Bar เป็นห้องที่อยู่ตรงทางเข้าของร้านที่ทุกคนสามารถเข้ามานั่งพูดคุยกับบาริสตา จิบกาแฟ หรือเครื่องดื่มจากโซนนี้กันได้
การตกแต่งภายในมีการปรับใหม่ทั้งหมด เพราะเดิมเป็นโรงเรียนเด็ก เหลือแต่เฉพาะส่วนที่เป็นโครงสร้าง กำแพงที่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นเอกลักษณ์ ส่วนเฟอร์นิเจอร์เน้นงานไม้เป็นหลัก จึงทำให้ทุกอณูของพื้นที่ภายในมีความโฮมมีเหมือนมานั่งกินข้าวบ้านเพื่อน ทั้งเฟอร์นิเจอร์โต๊ะ เก้าอี้ เป็นแบบลอยตัว ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด มีบางส่วนเอามาจากร้านเก่าอย่างเก้าอี้หวาย ส่วนเรื่องไลต์ติงก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่ ด้วยความที่เป็นร้านอาหารการจัดไลต์ติงจึงช่วยขับความรู้สึกให้ออกมาตามธรรมชาติ ทำให้ช่วงเวลากลางวันกับกลางคืนมีมู้ดแอนด์โทนที่แตกต่างกัน
ส่วนบรรยากาศรอบๆ ได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายนอกที่ยังคงต้นไม้ใหญ่ต่างๆ ไว้ทั้งหมด และอนุรักษ์สิ่งที่เป็นกลิ่นอายของโรงเรียนไว้ ไม่ว่าจะเป็นสนามเด็กเล่นที่มีเครื่องเล่นอยู่ รถรางที่อยู่คู่กับโรงเรียนก็ถูกนำมาทาสีใหม่ และซ่อมแซมปรับปรุงให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นได้ น้ำพุหน้าอาคารเดิมที่ยังคงทำงานทุก 15 นาที เก้าอี้นักเรียนตัวจิ๋วที่ตั้งเรียงไว้ตรงคอร์ตจำปีและคอร์ตเด็กเล่นก็ช่วยสร้างบรรยากาศให้รำลึกถึงความเป็นโรงเรียนเก่าไว้อยู่
พริกหยวก
ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 11.00-21.00 น. (ปิดวันจันทร์)
โทร. 08 1648 2282
Facebook : พริกหยวก Prik-Yuak
Instagram : Prik-Yuak