เมื่อคนทำงานศิลปะนำเอาความชอบในเรื่องกาแฟ สวน และงานที่ทำมารวมไว้ที่บ้าน เกิดเป็นคาเฟ่สตูดิโองานอาร์ต และมีพื้นที่จัดสวนปลูกดอกไม้ นี่คือจุดเริ่มต้นของ Lete Home & Studio (เลเต้) ของคุณปัท-ปัทมา พัฒนะคุณานันท์
Lete Home & Studio
Lete เป็นชื่อที่ลูกค้าต่างชาติตั้งให้ แปลว่าฤดูร้อน และเป็นชื่อสายพันธุ์กุหลาบ ความตั้งใจที่เปิดคาเฟ่ที่นี่เพราะอยากจัดสวน และหวังว่าจะมีคนเห็นงานของเรา ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะซื้อ เพราะรู้สึกว่างานเราเข้าถึงยากและราคาอาจสูง เลยคิดว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยก็เอามาตั้งโชว์ให้คนที่มาได้ถ่ายรูป แต่ผิดคาด พอลูกค้ามาที่ร้านนอกจากจะมาดื่มกาแฟ เขาก็สั่งซื้องานเพนต์ปิ่นโต เพนต์แก้วของเรา และยังชอบดอกไม้ต้นไม้ ชอบสวนของเราอีกด้วย
คุณปัทเล่าว่าจุดเริ่มต้นจริงๆ ของ Lete Home & Studio มาจากเธอที่ทำงานศิลปะ งานเพนต์ต่างๆ โดยขายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น และด้วยความที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ มักจะมีการนัดพบคุยงาน แล้วก็ติดตรงที่ว่าเวลาลูกค้านัด ด้วยความที่อยู่ภาคใต้ก็ต้องนัดเจอกันที่ห้าง ผู้คนพลุกพล่าน และช่วง 2-3 ปีที่มีโควิด-19 เราซื้อกุหลาบไว้ค่อนข้างมาก ด้วยเป็นคนรักการปลูกดอกไม้ต้นไม้เลยคิดว่าอยากมีสถานที่สักที่หนึ่ง แล้วซื้อที่ดินในราคาไม่แพง โดยสร้างตัวอาคารขึ้นมาแล้วเลือกจัดสวนด้วยสองมือของตัวเองทั้งหมด โดยที่ไม่มีพื้นฐานความรู้ของการจัดสวนเลย อาศัยดูจากหนังสือ ดูเรฟเฟอเรนซ์จาก IG ของต่างประเทศ และมาจากหนังสือแต่งบ้านทั่วๆ ไป
คาเฟ่ในบรรยากาศโรงนาฝรั่ง
นับเป็นความโชคดีที่เจ้าของที่ดินที่นี่เขาขายที่ให้ในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน เราจึงได้ที่ตรงนี้มา 150 ตารางวา หลังจากสร้างตรงนี้เสร็จก็ไปขอซื้อพื้นที่ด้านข้างเพิ่มอีก 100 ตารางวา จากนั้นทำช่องให้เดินเข้า-ออกถึงกันได้ ซึ่งตรงนี้เราทำเป็นพื้นที่ทดลองปลูกผัก ส่วนรูปแบบบ้าน เราสเก็ตช์ขึ้นมาเองว่าอยากได้แบบไหน เพราะจากประสบการณ์ที่เคยจ้างสถาปนิก อินทีเรีย สร้างสวยมากแล้วฝังท่อสายไฟทุกอย่าง เวลาซ่อมก็จะลำบาก เรียกว่าจากสูงสุดกลับสู่สามัญ พอมาทำบ้านหลังนี้ก็ทำสายไฟเดินลอยทั้งหมด เวลาซ่อมก็ง่าย แล้วการทาสีไม่ได้เน้นความเพอร์เฟ็กต์ เพราะทาใหม่กี่รอบมันก็ไม่เหมือนเดิม ถ้าเรามองว่าเป็นศิลปะมันจะด่าง จะเก่า สีไม่เหมือนเราไม่ซีเรียส ด้วยความที่เราทำงานเพนต์บนไม้เก่า เรามองว่ามันคือความสวยงาม
ในเรื่องของการตกแต่งเราสร้างอาคารขึ้นมาเหมือนโรงนาฝรั่ง ทรงกล่องสี่เหลี่ยมที่ไม่ซับซ้อน และตั้งใจใช้โทนสีขาว เพราะงานเพนต์ งานผ้าที่เราทำสีสันจะจัดจ้านอยู่แล้ว ส่วนโครงสร้างภายในเราออกแบบให้เพดานสูงโปร่งเพื่อให้อากาศถ่ายเท และมีพื้นที่ผนังแขวนภาพในอนาคต โดยบรรยากาศภายในจะเหมือนสตูดิโอแกลเลอรี และมีคาเฟ่
จริงๆ การทำที่นี่ถ้ามองในเรื่องการทำธุรกิจคาเฟ่คงไม่เหมาะ เพราะเราไม่ใช่นักธุรกิจ และละแวกนี้คาเฟ่ก็มีเยอะ แต่เราวางตัวเองว่าเป็นคนทำงานศิลปะที่หลงใหลการดื่มและทำกาแฟ Specialty Coffee เราเรียนรู้เรื่องกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เรียนเรื่องการคั่วกาแฟ การชง การดริป ตอนที่เรียนก็ยังไม่ได้ซื้อที่ดินตรงนี้ พอมาเปิดร้านคาเฟ่จึงไม่ใช่เรื่องที่ยาก เพราะมีองค์ความรู้เรื่องกาแฟอยู่แล้ว แต่สิ่งใหม่สำหรับเราคือ การจัดสวน พอมีโอกาสได้ลงมือทำจึงรู้ว่ามันไม่ง่าย มันเหนื่อย สุดท้ายแล้วเราอยากจะรู้ว่าจะทำได้ไหม ถ้าเราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะสมบูรณ์แบบ ปลูกต้นไม้แล้วให้อยู่รอด ที่เหลือเราก็ค่อยๆ ปลูก ต้นไหนตายก็ถอนทิ้งแล้วก็ซื้อต้นไม้มาเปลี่ยนใหม่ และเน้นต้นที่ไม่ต้องแพง
ดังนั้นวัตถุประสงค์ที่สร้างที่นี่ขึ้นมาเพื่อไว้เป็นสถานที่นัดพบปะลูกค้าคุยงานศิลปะ คุยเรื่องต้นไม้ เพื่อมีแรงบันดาลใจกลับบ้านไปจัดสวนที่บ้าน และเรายังมีกาแฟดีๆ จากเมล็ดกาแฟทั้งของไทยและต่างประเทศ พอมาทำที่นี่ทำให้รู้สึกว่าปกติเราจะอยู่แต่ในโลกออนไลน์และเป็นมนุษย์อินโทรเวิร์ตที่ทำงานกับมือถือตลอดเวลา พอมาเปิดร้านเราก็ดีใจที่เจอลูกค้าหลากหลาย คุยไปคุยมาว่าเราต่างเคยติดต่อซื้อของกันทางออนไลน์ เขาซื้อของเรา เราซื้อของเขา เหมือนกับว่าเป็นการดึงดูดให้กลับมาเจอกัน เลยมีความรู้สึกว่าเราก็มีความสุข อีกอย่างหนึ่งคือมันดึงดูดคนที่ชอบงานผ้า ชอบต้นไม้ มาเจอกัน หรือคนที่สั่งกาแฟในไลน์แมนก็ตามมาที่ร้าน ชอบที่มีเมล็ดกาแฟให้เลือกเยอะ เพราะเราเป็นสาย Specialty Coffee
สตูดิโอของคนรักงานศิลปะ
ด้วยความที่นี่คือคาเฟ่ในรูปแบบที่เป็นสตูดิโองานศิลปะ การออกแบบอินทีเรียภายในทางคุณปัทก็เป็นผู้ออกแบบเอง โดยคุณปัทเล่าว่า “ใช้วิธีสถาปนึก” ถ่ายรูปในมือถือไว้ ซึ่งเราจะรู้ว่าเป็นห้องสี่เหลี่ยม วางตำแหน่งเคาน์เตอร์ไว้ตรงนี้ ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะชั้นวางไม้ก็ทำเองง่ายๆ ทุกครั้งก็จะสเก็ตช์บนมือถือ ถ้าเป็นการสร้างบ้านอินทีเรียเขาจะต้องมีการวางแบบ แต่ที่นี่ทำถอยหลัง คือสร้างห้องเปล่าเสร็จแล้วถึงจะวางตำแหน่งว่าอะไรอยู่ตรงไหน วางโซฟา วางชั้นวางตรงนี้ ประตูตรงนี้ก็เปลี่ยนเป็นบานเลื่อนเพื่อที่จะโชว์งานเพนต์ ผนังตั้งใจให้เป็นอิฐแดงโบราณและให้พื้นผนังเป็นสีขาว ให้ภาพงานศิลปะมีความโดดเด่นขึ้นมาเพื่อโชว์งานเพนต์เป็นหลัก ซึ่งงานเพนต์ในร้านก็จะเป็นผลงานของเราและน้องๆ ทีมงานเป็นนักศึกษาที่ทำงานให้เราตั้งแต่เรียนปวช. ที่วิทยาลัยช่างศิลป์ จนจบปริญญาตรีก็ยังทำงานให้เราอยู่
โดยการจัดสรรพื้นที่ภายใน เป็นคนที่ไม่ชอบวางของให้เยอะมาก และเป็นคนไม่ชอบงานบิลต์อินที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ ดังนั้นที่นี่ก็จะเป็นโครงสร้างบ้านสี่เหลี่ยม พร้อมที่จะหยิบ ยก ย้าย ซึ่งก่อนจะมาสร้างที่นี่มีประวัติน้ำท่วม ดังนั้นจะสังเกตว่าที่เราจะถมสูงมาก เวลาน้ำท่วมของทุกอย่างที่นี่จะยกได้หมด เรามีชั้นลอยข้างบน เพราะเวลาน้ำท่วมทุกอย่างสามารถขนขึ้นไป ไม่มีอะไรต้องเสียหาย
สำหรับบรรยากาศภายในตกแต่งด้วยงานที่สะสม งานผ้าเก่า นอกจากนี้ยังมีส่วนของงานที่เราทำเป็นกระเป๋าเพนต์ ปิ่นโตเพนต์ งานเพนต์ต่างๆ ก่อนที่จะเปิดที่นี่ ลูกค้าหลักๆ 90% คือต่างชาติ แต่วันนี้ลูกค้าคนไทยเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ดีใจมากที่ลูกค้ามาที่ร้านโดยเฉพาะผู้ใหญ่ บางคนพาคุณแม่มาเพราะชอบดอกไม้ พอมาเห็นปิ่นโตก็ชอบเลย มีคุณป้าท่านหนึ่งมาที่ร้านขอให้เราเพนต์หม้อลายน้ำพริกปลาทูเราก็ทำให้ และต้องขอบคุณลูกค้าท่านนี้ หลังจากที่งานชิ้นนี้ขายออกไปได้เสียงตอบรับที่ดี ปัจจุบันปิ่นโตเพนต์เรามีวางจำหน่ายที่ร้านสารพัดไทยที่ One Bangkok ด้วย ภายใต้ชื่อแบรนด์ Pinto Mada
ปัจจุบันที่นี่เพิ่งเปิดมาครบหนึ่งปี และกลายเป็นที่ประชาสัมพันธ์ผลงานของเราโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้คนที่มาที่นี่นอกจากจะได้มิตรภาพดีๆ เขาก็จะได้งานที่ชอบกลับไป และงานที่เขาได้ไปเพื่อนำไปมอบให้กับคนพิเศษ มันคือความพิเศษจริงๆ
Lete Home & Studio
ถนนเกตุอ่ำพัฒนา (ร้านอยู่ก่อนถึงโรงเรียนคล้ายสอนศึกษา)
ตำบลบางคูรัด อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
เปิดบริการ วันเสาร์-อาทิตย์ 09.00-17.00 น.
https://www.facebook.com/Letecoffeecraft
IG : letehomestudio2, https://letepainting.com/