ภายใต้การทำงานในสายอาชีพของสองพาร์ตเนอร์ คุณต้น-สุริยะ ดีอุ่น อดีตโปรแกรมเมอร์ และคุณนท-กมลภัทรา กะสิชล ซึ่งคลุกคลีอยู่ในแวดวงเกี่ยวกับไอทีมาโดยตลอด พาตัวเองออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วเดินทางเข้าสู่โลกของกาแฟ ศึกษาอย่างจริงจังจนกลายเป็นบาริสตาที่เชี่ยวชาญและสนุกกับการเฟ้นหาเมล็ดกาแฟ ทำโรงคั่ว จนเกิดเป็นคอฟฟี่สเปซแห่งนี้
Hacker = Extraction
จากสายงานที่เราเติบโตมาในวงการนี้ คาแรกเตอร์ของ Hacking ในภาษาโปรแกรมเมอร์คือการเข้าถึง หรือพยายามหาวิธีเพื่อทำอะไรสักอย่างหนึ่งกับระบบ การทำกาแฟก็เหมือนกัน อย่างการสกัดกาแฟเรียกว่า Extraction คือการที่เข้าไปทำให้เกิดสารละลายในกาแฟ เมื่อเรานำ 2 อย่างมานี้มาเทียบกันมันสื่อถึงตัวตนของเราได้ดี เลยกลายเป็นโจทย์ให้อินทีเรียนำไปเป็นไอเดียต่อในการออกแบบ
ลับ ลวง พราง
เราสองคนชอบงานของคุณต้น-บดินทร์ พลางกูร (Context Studio) หลังจากที่เล่าเรื่องราวและบอกโจทย์ไป เขาสนุกกับการดีไซน์ที่นี่มาก ขยายความต่อออกไปอีกว่า เป็นบ้านของแฮกเกอร์ เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าทางเข้าจะอยู่บริเวณด้านข้างของร้านที่ใช้ไม้ยาคิสุกิซึ่งเป็นไม้สนญี่ปุ่นเผาไฟ กลายเป็นกำแพงสูงสีดำสนิทให้ความรู้สึกดูลึกลับน่าค้นหา บริเวณทางเข้าอีกหนึ่งจุดอยู่ตรงด้านหลังที่สร้างจุดเด่นด้วยการใช้ท่อ มิเตอร์ไฟฟ้ามาตกแต่งเชื่อมกับพื้นที่จอดรถและสวนที่ตกแต่งด้วยหินกรวดและแผ่นคอนกรีต
ดิบ ดาร์ก กลิ่นอาย Cyberpunk
จากเดิมที่เคยเป็นเวิร์กกิงสเปซมาก่อน เราใช้โครงสร้างเดิมแต่ดีไซน์และตกแต่งเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ให้เป็นแบบดิบๆ พอคอนเซ็ปต์กลายเป็นบ้านของแฮกเกอร์ เขาออกแบบพื้นที่ภายในให้มีกลิ่นอายระหว่าง Cyberpunk ผสมกับลอฟต์ อินดัสเตรียลแล้วใส่เทคโนโลยีเข้าไป จะเห็นว่าตามผนังและกำแพงมีองค์ประกอบต่างๆ ที่ซ่อนพวกเมนบอร์ด ชิป แผงวงจรเอาไว้ เหมือนกับว่าอาคารแห่งนี้มีคอมพิวเตอร์คอยคุมอยู่ แต่กลับล่มสลายโดยสื่อออกมาทางผนังปูนที่แตกร้าว และมีสภาพผุพัง
ซึ่งคุณต้นจะเป็นดีไซน์ว่าจะให้ชิปซ่อนหรือฝังอยู่ตรงจุดไหนบ้าง โดยเขาจะเป็นคนเลือกว่าแผงวงจรนี้เหมาะไหม สวยหรือเปล่า เรียกว่าพิถีพิถันมาก ส่วนใหญ่เป็นของเก่าที่ซื้อมาแล้วฝังลงไป จากนั้นหล่อคอนกรีตทับ แล้วค่อยๆ สกัด กะเทาะให้เกิดร่องรอยตามลวดลายที่เขาได้ออกแบบไว้
สถาปัตยกรรมเบลนด์เข้ากับหนัง Sci-Fi
เรานิยามตัวเองว่าเป็นคอฟฟี่สเปซเพราะอยากให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมเรื่องกาแฟทั้งหมด มีตั้งแต่โรงคั่ว ทำธุรกิจเกี่ยวกับกาแฟ ซื้อเมล็ด จัดเวิร์กช็อป เปิดคลาสสอน การจัดสรรพื้นที่ในแต่ละโซนจึงมีความชัดเจนและสไตล์การตกแต่งค่อนข้างต่างจากคาเฟ่ปัจจุบัน โดยเป็นไปตามแบบที่เราต้องการ
ไม่ต้องการความเป็นโคซีแต่เข้ามาแล้วอยากให้เกิด Energy ตลอดเวลา มีความตื่นตัวจากการสื่อสารผ่านเส้นสายของไฟ LED ที่ซ่อนอยู่ใต้บาร์หินอินเดียสีดำเชื่อมโยงถึงไฟ Indirect Light ใต้ที่นั่งคอนกรีตซึ่งยกสเตปสูงขึ้นจากพื้นปกติ ไล่ไปจนถึงบูทดนตรีด้านในที่เปลี่ยนแสงไฟสลับสีไปมาหลากหลายเฉดดูตื่นตาเหมือนกับเรากำลังดูหนัง Sci-Fi ฉากหนึ่ง
ตื่นตัวและมีจังหวะ
ทุกคนที่เข้ามาคอฟฟี่สเปซแห่งนี้ชอบในความชัดเจนของเรา รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง เหมือนได้รับพลังบางอย่างกลับไป หลายคนมักจะพูดว่ามาที่นี่ได้ดื่มกาแฟไปตื๊ดไป ซึ่งมันตรงกับสิ่งที่เราตั้งใจไว้แต่แรก เพราะอยากให้ร้านดูมี Energy รู้สึกตื่นตัวก็จริงแต่ในขณะเดียวกันก็ซ่อนความลึกลับเอาไว้ด้วย เลยเป็นที่มาของบูทดนตรีที่เราออกแบบอยู่ตรงพื้นที่ด้านในสุด โดยระหว่างวันเปิดเพลงสากลหลากหลายแนว เป็นดนตรีที่มีจังหวะสนุกๆ คลอไปกับแสงไฟที่เปลี่ยนเฉดไปมา
กาแฟโคตรจะมีเอกลักษณ์
ร้านเราไม่มีเมนูซิกเนเจอร์ แต่ซิกเนเจอร์อยู่ตรงเมล็ดกาแฟ โดยเราให้ลูกค้าเลือกว่าอยากดื่มกาแฟแบบไหน กาแฟดำ กาแฟนม จะเป็นเมนูแบบเดิมแต่เมื่อเปลี่ยนเมล็ด ก็เปลี่ยนคาแรกเตอร์แล้ว
สำหรับคนไม่ดื่มกาแฟก็มีเมนูอื่นๆ อย่างเช่น Peachy Tea Time ดื่มแล้วสดชื่น ยิ่งได้กินคู่กับ Classy Brioche ที่ผ่านการอบมาเป็นอย่างดี ตัวขนมปังด้านนอกกรอบด้านในฉ่ำเนย ราดด้วยน้ำผึ้ง
รวมถึง Mommy Coconut Pie พายโฮมเมดฝีมือคุณแม่ รสชาติกำลังดี หวานน้อย แต่ภายในอัดแน่นไปด้วยเนื้อมะพร้าว จับคู่กับกาแฟอะไรก็เข้ากัน
หากใครอยากมานั่งทำงานที่นี่ทางร้านแนะนำให้พกหูฟังติดมาด้วย เพราะคุณต้น (เจ้าของร้าน) ไม่อนุญาตให้เบาเสียงเพลง (ฮา) แต่ถ้ามีน้องหมา น้องแมว และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ คุณได้สิทธิ์นั้นเต็มที่ เรียกว่าเป็นร้าน Pet Friendly ที่ Pet Lover ทุกคนต้องหลงรัก
Hacking Coffee Flagship
ลาดพร้าววังหิน ซอย 63 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ
โทร. 06 4606 5947
เปิดให้บริการทุกวัน 07.00-21.00 น.
https://www.facebook.com/Hacking.Coffee.Flagship
