Capital A Berhad (“Capital A”) และ AirAsia Group Sdn Bhd (“AirAsia Group”) นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นใหม่ซึ่งจะเป็นบริษัทโฮลดิ้งของ AirAsia X Berhad (“AirAsia X”) ได้ประกาศการลงนามในข้อตกลงการซื้อขายธุรกิจการบินแบบมีเงื่อนไข ระหว่าง Capital A ซึ่งเป็นผู้ขายและ AirAsia Group ซึ่งเป็นผู้ซื้อ (“ธุรกรรม”) ซึ่งการลงนามข้อตกลงครั้งสำคัญนี้ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทของ Capital A และ AirAsia X แล้ว โดยคาดว่าจะช่วยผลักดันแอร์เอเชียให้ก้าวไปสู่การเติบโตในระยะต่อไป มีเป้าหมายเป็นผู้ให้บริการสายการบินราคาประหยัดที่กำหนดทิศทางใหม่ของอุตสาหกรรมการบิน
ภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงที่ต้องได้รับการอนุมัติ ธุรกรรมจะประกอบด้วยสองส่วน
- การขายบริษัท AirAsia Aviation Group Limited (“AAAGL”) ซึ่งประกอบด้วยบริษัทในเครือของแอร์เอเชีย ในประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา โดยดำเนินการผ่านการออกหุ้นใหม่ของ AirAsia Groupให้แก่ Capital A มูลค่า 3 พันล้านริงกิต โดยภายหลังการขายบริษัท Capital A จะโอนหุ้นของ AirAsia Group ที่ออกใหม่มูลค่า 2.2 พันล้านริงกิต ให้กับผู้ถือหุ้น Capital A ทันที (Distribution In Specie) เมื่อเสร็จสิ้นการเสนอขายและซื้อกิจการ Capital A คาดว่าจะยังคงถือหุ้นร้อยละ 18.39 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของ AirAsia Group
- การขาย AirAsia Berhad หรือที่รู้จักกันในชื่อ แอร์เอเชีย มาเลเซีย ในราคา 3.8 พันล้านริงกิต โดยดำเนินการผ่านการโอนหนี้จำนวน 3.8 พันล้านริงกิตที่ Capital A ค้างชำระต่อ AirAsia Berhad ให้แก่ AirAsia Group
ผู้ถือหุ้นจากทั้งสองฝ่ายจะได้รับผลประโยชน์จากการรับรู้มูลค่าของสินทรัพย์ด้านการบิน ทั้งนี้ ก่อนการทำธุรกรรม หุ้นของ AirAsia X และสถานะการจดทะเบียนจะถูกโอนไปยัง AirAsia Group ซึ่งจะทำให้โครงสร้างองค์กรของกลุ่มธุรกิจการบินขยายใหญ่ขึ้น โดยผู้ถือหุ้นของ AirAsia X จะถือหุ้นใน AirAsia Group ต่อไป โดยการออกใบสำคัญแสดงสิทธิแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย (Free Warrants) ถือเป็นการแสดงความขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของผู้ถือหุ้น และเป็นการให้ทางเลือกแก่ผู้ถือหุ้นในการเพิ่มทุนและสนับสนุนเส้นทางการเติบโตในอนาคตของธุรกิจการบินที่ขยายใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ จะมีการระดมทุนเพิ่มด้วยการเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินของ AirAsia Group เพิ่มฐานผู้ถือหุ้นและสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น โดยผู้ถือหุ้น AirAsia X จะได้ประโยชน์จากการรับรู้มูลค่าธุรกิจจำนวน 6.8 พันล้านริงกิต ผ่านการออกหุ้นใหม่ 3 พันล้านริงกิต การลงทุนครั้งนี้ทำให้ผู้ถือหุ้น AirAsia X ได้เป็นเจ้าของธุรกิจสายการบินที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วยสายการบินสี่สายซึ่งรวมกันเป็นเครือข่ายฝูงบินระยะสั้นที่กว้างขวางและใหญ่ที่สุดในอาเซียน
ผู้ถือหุ้นของ Capital A จะได้รับผลประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการขายกิจการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยปลดล็อกธุรกิจการบินมูลค่า 6.8 พันล้านริงกิตของ Capital A ซึ่งมากกว่ามูลค่าตลาดปัจจุบันถึงกว่าสองเท่า หลังจากการขายกิจการและโอนหุ้นใหม่ใน AirAsia Group มูลค่า 2.2 พันล้านริงกิต ผู้ถือหุ้นของ Capital A จะยังคงเป็นเจ้าของโดยตรงในธุรกิจการบินหลังปรับโครงสร้าง พร้อมถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้ หลังการขายกิจการ Capital A จะยังคงดำเนินธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับด้านการบินซึ่งมีการเติบโตสูงไว้ 4 ธุรกิจ ได้แก่ Capital A Aviation Services, Teleport, MOVE Digital และ Capital A International ซึ่งทั้งหมดนี้เตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตและการกระจายความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Capital A และที่ปรึกษา AirAsia Aviation Group ซึ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ กล่าวว่า การประกาศในวันนี้เป็นมากกว่าการทำธุรกรรม แต่เป็นโอกาสพิเศษและเป็นเวลาที่เหมาะสมต่อการยกระดับธุรกิจการบินของเราไปสู่อีกระดับ ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนการเติบโตและ ความสามารถในการทำกำไรจากพอร์ตโฟลิโอธุรกิจหลักที่ไม่ใช่สายการบินสำหรับ Capital A การขายกิจการดังกล่าวทำให้เกิดความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างพอร์ตโฟลิโอธุรกิจหลักของ Capital A ได้แก่ กลุ่มการบิน ธุรกิจดิจิทัล และโลจิสติกส์ รวมถึงบริการด้านการบิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรต่างๆ และปลดล็อกมูลค่าที่มากขึ้นสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด
โทนี่ กล่าวว่า เมื่อแอร์เอเชียก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2544 วิสัยทัศน์ของเราก็ชัดเจน ที่จะสร้างโมเดลสายการบินราคาประหยัดที่เน้นความเรียบง่ายและความคุ้มทุน โดยหลักแล้วจะใช้เครื่องบินลำตัวแคบประเภทเดียวที่ได้รับการปรับให้เหมาะกับเที่ยวบินระยะสั้นเป็นหลัก เพื่อจับตลาดระยะกลาง ขณะที่แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดยยึดมั่นในหลักการเดียวกันของการดำเนินงานที่มีต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพ การเกิดขึ้นของเครื่องบินแอร์บัส A321LR และ A321XLR ถือเป็นโอกาสที่เปลี่ยนแปลงเกมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
โบ ลิงกัม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AirAsia Aviation Group กล่าวว่า เรารู้สึกตื่นเต้นกับการมาถึงของยุคใหม่ ซึ่งการดำเนินงานของแอร์เอเชีย และแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างฝูงบินประเภทเดียวที่สามารถเข้าถึงคนทั้งโลกได้ ด้วยขีดความสามารถที่จะขยายระยะเวลาการบินออกไปในสู่ช่วง 7-10 ชั่วโมง รวมถึงการประหยัดเชื้อเพลิงที่ไม่มีใครเทียบได้ เครื่องบินเหล่านี้สามารถบินได้ไกลและมีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องบินลำตัวแคบรุ่นก่อนๆ ช่วยให้เราสามารถสำรวจจุดหมายปลายทางใหม่ๆ และบุกเบิกเส้นทางใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยได้เข้าไป ซึ่งการหาโอกาสใหม่ๆ นี้ถือเป็นจุดเด่นในความสำเร็จของแอร์เอเชีย ความใฝ่ฝันของเราคือการเป็นคู่แข่งกับยักษ์ใหญ่ระดับโลกด้วยเครือข่ายต้นทุนต่ำที่ทำกำไรได้ทั่วโลก
นายเบนยามิน อิสมาอิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AirAsia X กล่าวว่า เรายินดีอย่างยิ่งกับการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์นี้ ในอีกห้าปีข้างหน้าเราวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากความสามารถที่หลากหลายของเครื่องบินสเปคใหม่ เพื่อเชื่อมต่ออาเซียนกับยุโรป แอฟริกา เอเชียกลาง และอเมริกาเหนือ ซึ่งจะทำให้สถานะของเราแข็งแกร่งขึ้นในฐานะผู้เล่นหลักในตลาดการบินระดับโลก สำหรับกลยุทธ์ “One Airline” จะช่วยเร่งการขยายเส้นทาง โดยใช้ประโยชน์จากเส้นทางที่มีอยู่ สำหรับผู้ถือหุ้นแอร์เอเชีย เอ็กซ์ นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้มาซึ่งสายการบินจากอาเซียนที่จัดตั้งขึ้นและกำลังเติบโตถึง 4 สายการบิน ที่ดำเนินการอยู่แล้ว โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 3 พันล้านริงกิตในการออกหุ้นใหม่ ข้อเสนอนี้ช่วยให้แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เติบโตได้โดยใช้ประโยชน์จากรายการสั่งซื้อเครื่องบินเกือบ 400 ลำของ Capital A ที่มีกำหนดเวลาการส่งมอบอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2578 แม้ว่ากระบวนการนี้จะยืดเยื้อยาวนานและซับซ้อน แต่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
นายโทนี่ อธิบายว่า การเปลี่ยนส่วนของผู้ถือหุ้นของ Capital A เป็นบวก เป็นก้าวสำคัญในการออกจาก Practice Note 17 (PN17) ถือเป็นผลประโยชน์ที่น่ายินดี แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่มีสาระสำคัญในการตัดสินใจของเราในการดำเนินการขายกิจการที่เสนอนี้ การรวมสายการบินแอร์เอเชียทั้งหมดไว้ภายใต้ร่มคันเดียวเป็นความตั้งใจมานานหลายปี และชิ้นส่วนที่ขาดหายไปก็มาถึงในรูปแบบของเครื่องบินแอร์บัสรุ่นใหม่ในที่สุด แรงจูงใจในการขับเคลื่อนของเราคือการปลดล็อกและตระหนักถึงคุณค่าของผู้ถือหุ้นของเรา แม้ว่าเรายังคงแน่วแน่ในความมุ่งมั่นของเราที่จะประสบความสำเร็จจาก PN17 โดยได้รับแรงผลักดันจากความยืดหยุ่นและความมุ่งมั่นของเราในการเผชิญกับความท้าทาย
“เราได้ก้าวออกมาจากอุโมงค์ที่เรียกว่าโควิดแล้ว ซึ่งทำให้ธุรกิจของเราปรับตัวมีความยืดหยุ่น และเข้มแข็งมากขึ้น เราได้สร้างบริษัทที่ยอดเยี่ยมเพิ่มขึ้นอีก 5 บริษัท ได้แก่ การบิน โลจิสติกส์ ธุรกิจดิจิทัล บริการด้านการบิน และธุรกิจทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งทั้งหมดนี้มีมูลค่ามหาศาลและมีศักยภาพมหาศาล ผมมั่นใจว่าพวกเขาจะพัฒนาไปสู่แอร์เอเชียรายต่อไปที่รวบรวมคุณค่าและนวัตกรรมเอาไว้” เขากล่าวเสริม