Neighbordog Café & Petshop อบอุ่นไปกับเรื่องราวของถุงทอง จินจิน และไรโน่

คุณบอส-พงศ์พิสุทธิ์ ทูลแก้ว กับแฟนสาว ทั้งคู่เติบโตและผูกพันกับการเลี้ยงสุนัขมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่เพียงเป็นเพื่อนเล่นคลายเหงา แต่ถุงทอง จินจิน และไรโน่ เปรียบเสมือนสมาชิกคนสำคัญที่เข้ามาเติมเต็มพลังกาย พลังใจ และสร้างสีสันความมีชีวิตชีวาให้บ้านได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งยังควบตำแหน่งเป็น CEO ของร้าน Neighbordog Café & Petshop คอยต้อนรับสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าที่แวะเวียนมาหา ที่นี่จึงไม่ได้เป็นเพียงคาเฟ่แต่เป็นพื้นที่ความสุขของทุกคน โดยเฉพาะ Dog Lovers (อย่างเรา)

ทันทีที่รถจอดหน้าร้านถุงทองกับไรโน่ก็วิ่งออกมาต้อนรับพวกเราด้วยความดีใจ ก่อนที่จินจินจะตามมาสมทบพร้อมกับคุณบอส หลังจากกล่าวคำทักทายและเล่นกับเจ้า 3 แสบจนหนำใจ บทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้น “ทั้งผมและแฟนเริ่มเลี้ยงสุนัขกันมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นเหมือนเพื่อนที่เติบโตมาพร้อมกัน แฟนผมเคยเลี้ยงทั้งพันธุ์ไทยทั้งโกลเด้นฯ ส่วนผมที่บ้านเลี้ยงพันธุ์ไทยไว้ 1 ตัว เท่าที่จำได้คืออยู่ด้วยกันตั้งแต่ผมเรียนชั้น ป.1 จนประมาณ ม.4-5 มันก็จากไป น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามีความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงไปโดยไม่รู้ตัว

“ถึงแม้จะมีช่วงที่ไม่ได้เลี้ยงบ้างตอนเริ่มทำงาน แต่ความรู้สึกที่ว่าเราอยากจะเลี้ยงสัตว์ก็ยังมีอยู่ตลอด บวกกับก่อนหน้านี้อาศัยอยู่คอนโดฯ เลยมีข้อจำกัดหลายอย่าง จนกระทั่งเราสองคนมีบ้านเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าคนที่ชอบสุนัขอยู่แล้วก็อยากจะเลี้ยงอีก จนได้สมาชิกตัวแรกของบ้านมาคือถุงทอง เป็นพันธุ์ไทยผสมเทอร์เรีย แฟนผมเห็นจากเพจกำลังประกาศหาบ้านให้น้อง จึงตัดสินใจรับมาเลี้ยง”

ถุงทอง

จากนั้นก็มีสมาชิกตัวที่สองและสาม “เดิมแฟนผมเขาอยากเลี้ยงคอร์กี้อยู่แล้ว เลยเริ่มมองหาฟาร์มจนไปเจอที่ขอนแก่น เรามีบัดเจตไว้ประมาณหนึ่ง หลังจากพูดคุยต่อราคากับทางฟาร์มอยู่สักพักคิดว่าคงไม่ได้ สุดท้ายเหมือนเป็นโชคชะตาทางฟาร์มทักมาว่าเรายังสนใจอยู่ไหมเลยได้จินจินมา พอเลี้ยงทั้งคู่ได้มาประมาณ 1-2 ปี แฟนผมก็อยากเลี้ยงสุนัขพันธุ์คาวาเลียร์ คิงที่มีนิสัยขี้อ้อน ด้วยเจ้าสองตัวแรกไม่ค่อยติดเขาเลย เราเลี้ยงเขาให้อยู่ด้วยกันเลยกลายเป็นว่าถุงทองกับจินจินจะติดกันเอง เล่นกันเองมากกว่า

ไรโน่
จินจิน

“ตอนนั้นใกล้จะถึงวันเกิดแฟน เราเลยอยากซื้อให้เป็นของขวัญ เลยมีไรโน่เพิ่มเข้ามาเป็นสมาชิกอีกตัวของบ้าน ซึ่งผมก็รู้สึกว่าเป็นโชคชะตาอีกเหมือนกัน ผมได้ไรโน่มาจากฟาร์มที่จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มจากลองทักไปสอบถามว่ามีน้องขายในราคาที่เราตั้งไว้ไหม ตอนแรกทางฟาร์มบอกยังไม่มีแต่หลังจากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ ฟาร์มทักกลับมาว่ามีแล้วนะ แต่มีแค่ตัวเดียวเป็นตัวนี้เท่านั้น เราก็ตัดสินใจซื้อเลย ถ้าสังเกตจะเห็นว่าไรโน่เป็นคาวาเลียร์ฯ ที่ค่อนข้างตัวใหญ่กว่าปกติ ไม่ได้ตัวเล็ก อุ้มง่ายๆ ตามไซส์นิยม ไรโน่จะบึกบึนๆ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นที่การเลี้ยงของเราเองด้วยหรือเปล่า (หัวเราะ)”

พูดถึงการเลี้ยงดู เราถามคุณบอสว่าสไตล์การเลี้ยงของพ่อแม่บ้านนี้เป็นอย่างไร “แนวทางการเลี้ยงของเราอาจจะต่างไปจากบ้านอื่นๆ ถ้าตอนเริ่มต้นเลี้ยงส่วนใหญ่อาจจะเน้นการกั้นคอกหรือแบ่งขอบเขตให้ชัดเจน กลับกันบ้านเราค่อนข้างให้อิสระ อยากเดินไปไหนก็เดิน อยากนอนตรงไหนก็นอน เรื่องการขับถ่ายเราก็จะตามเก็บกวาดทีหลัง โดยคอยสังเกตว่าเขาชอบไปฉี่ไปอึตรงไหนบ่อยๆ จากนั้นค่อยไปปูแผ่นรองตรงนั้น แล้วเขาก็จะไปขับถ่ายตรงนั้นเรื่อยๆ เอง เรียกว่าเลี้ยงตามพฤติกรรมของเขามากกว่า แฟนผมเขาเป็นคนใจอ่อนด้วย ไม่อยากให้ขัง กลัวลูกเครียด ไม่ดุแรง นานๆ ครั้งจะดุถ้าเป็นเรื่องใหญ่อย่างฉี่บนที่นอน”

เรียกว่าเป็นพ่อแม่สายซอฟต์ เน้นความสุขและสุขภาพจิตที่ดีของลูกเป็นสำคัญ “จริงๆ เป็นวิธีการเลี้ยงที่ไม่ควรแนะนำสำหรับคนอื่น เนื่องจากอาจจะไม่เหมาะกับทุกบ้าน ค่อนข้างมีความท้าทายและยุ่งยากอยู่เหมือนกันอย่าง เขาจะไม่เชื่อฟังเราในบ้างครั้ง เพราะเลี้ยงตามใจเกินไป ไม่คิดว่าโดนดุ คิดว่าเราเล่นด้วยเฉยๆ ซึ่งการเลี้ยงแบบมีขอบเขตก็เพื่อให้เขาเข้าใจว่าเราเป็นเจ้านาย มีอำนาจเหนือเขาและเชื่อฟัง แต่ข้อดีของสไตล์การเลี้ยงแบบบ้านเราคือพวกเขาจะไม่เครียด ต้องบอกว่าวิธีการเลี้ยงแบบมีขอบเขตให้เขาไม่เครียดก็มีเหมือนกันนะครับ แต่ลองแล้วตัวเราเครียดเอง (หัวเราะ) เลยเลือกวิธีการเลี้ยงที่เราโอเค น้องหมาก็มีความสุข

“เรื่องการให้อาหาร คุณหมอจะแนะนำว่าไม่ควรวางไว้ตลอดเวลา แต่ตอนรับจินจินมาเลี้ยงเขาผอมมาก ไม่ยอมกินอะไรเลย ถ้ากินก็กินน้อยมาก ผมกับแฟนเลยตัดสินใจว่าจะวางอาหารไว้ให้ตลอดเวลา ถ้าเขาอยากกินตอนไหนจะได้กิน พอปรับตัวได้แล้ว เจออาหารที่ชอบเขาก็กินของเขาเอง อย่างที่บ้านเราไม่ค่อยดุแรงๆ ก็มาจากจินจินเป็นหมาขี้กลัว อะไรนิดอะไรหน่อย แค่วางโทรศัพท์บนโต๊ะเสียงดังก็หูตก วิ่งหนีไปหาที่หลบแล้ว หรือเวลาดุตัวอื่นเขาก็จะรู้สึกว่าตัวเองโดนดุไปด้วย”

จากความรักในการเลี้ยงสุนัขต่อยอดเป็น Neighbordog Café & Petshop “เริ่มแรกเราตั้งใจเปิดเป็นร้านอาหารสัตว์ เพราะคุยกันกับแฟนว่าอยากทำอะไรเพิ่มเติมนอกจากงานประจำ พอดีเราขับรถผ่านบ้านหลังนี้ติดป้ายเซ้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็คือคลินิกสัตว์ที่เราพาลูกๆ มาบ่อยอยู่เหมือนกัน เลยโทรสอบถามรายละเอียดดู จากนั้นก็เริ่มเข้ามารีโนเวตทำเป็นร้านขายอาหารสัตว์ ก่อนจะขยับขยายทำโซนคาเฟ่เพิ่มเติมและได้ผลตอบรับค่อนข้างดี ตอนนี้โซนขายอาหารสัตว์เลยเล็กลงไปเรื่อยๆ (หัวเราะ) จึงกลายเป็น Neighbordog Café & Petshop อย่างที่ทุกคนเห็นกันในตอนนี้ “ส่วนการตกแต่งจะเป็นสไตล์ Mid-Century ที่เราสองคนชื่นชอบ เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นของที่ซื้อเก็บไว้ ผมกับแฟนชอบซื้อของมือสองกันอยู่แล้ว พอทำร้านเลยถือโอกาสนำมาตกแต่งร้าน บรรยากาศก็จะให้ความรู้สึกอบอุ่นๆ มีความเป็นบ้าน มีมุมให้นั่งเล่น”

ก่อนบทสนทนาครั้งนี้จะจบลง เราถามคุณบอสว่าการเลี้ยงสัตว์ช่วยเติมเต็มชีวิตในแง่มุมไหนบ้าง “ผมคิดว่าเป็นเรื่องของจิตใจ อย่างแฟนผมเขาทำงานที่บ้าน ส่วนผมออกไปทำงานประจำ เขาอยู่คนเดียวบางทีทำงานก็มีความเครียด แต่พอเลี้ยงสุนัข มีลูกๆ ให้คุยให้เล่นด้วย จากที่โฟกัสแค่เรื่องงานอย่างเดียวก็มีเวลาให้ผ่อนคลาย สุขภาพจิตก็ดีขึ้น เวลาผมกลับบ้านก็ได้มาเล่นกับลูกๆ ด้วยเหมือนกัน

“หรือแม้กระทั่ง Neighbordog Café & Petshop จุดเริ่มต้นส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เราเลี้ยงพวกเขา นอกจากนี้ยังช่วยเติมเต็มให้คาเฟ่นี้เป็นพื้นที่ความสุขทั้งของเราและของลูกค้าที่แวะเวียนมาหาด้วย ถุงทอง จินจิน ไรโน่ ไม่ได้เป็นมาสคอตประจำร้าน แต่เป็นเหมือนสมาชิกของครอบครัว เป็นสุนัขบ้านเพื่อนที่ทุกคนสามารถแวะมานั่งเล่น มาเติมหมาฮีลใจกันได้ และเรายังตั้งใจให้ที่นี่เป็น Pet Friendly อยู่แล้วด้วยครับ” คุณบอสบอกทิ้งท้าย

ทำความรู้จักกับ 3 ตัว 3 สไตล์
ถุงทอง : นิ่ง สุขุม แอบดื้อนิดๆ เป็นพี่ใหญ่ที่ยอมน้อง (จินจิน)
จินจิน : ขี้กลัว ขี้เกียจ อ่อนโยน เชื่อฟัง เป็นมิตรกับทุกสิ่งและทุกอย่าง
ไรโน่ : น้องเล็กอินโทรเวิร์ต พลังเยอะ นิสัยคล้ายแมว อุ้มตัวเหลว ชอบไล่จิ้งจก

You Might Also Like...