คอนโดมิเนียมพื้นที่ 45 ตารางเมตรห้องนี้ มีขนาดกำลังพอดีและลงตัวกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคุณเบียร์-ไพพล ลิ้มเจริญ ด้วยอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า เดินทางสะดวกสบาย แปลนห้องเป็น Open Space ใช้งานส่วนลิฟวิงและครัวได้ต่อเนื่องกัน ทั้งยังกว้างขวางเพียงพอสำหรับนั่งประชุมคุยงานกับเพื่อนๆ 4-5 คน ที่นี่จึงเป็นทั้งบ้านและโฮมออฟฟิศของคุณเบียร์ ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ดูมีชีวิตชีวาด้วยต้นไม้สีเขียว และของตกแต่งดีไซน์สวยที่ตั้งใจเลือกมาแล้วว่าเหมาะเจาะกับพื้นที่และเป็นสไตล์ที่ตนเองชื่นชอบ
“ตอนแรกผมอยู่แถวลาดพร้าวใกล้กับ MRT สายสีน้ำเงิน พอมีความคิดว่าอยากขยับขยายซื้อคอนโดฯ เป็นของตัวเองเลยพยายามมองหาโครงการที่มีทำเลอยู่ใกล้ไลน์รถไฟฟ้าเส้นเดิม จะได้เดินทางสะดวกถ้าต้องกลับไปลาดพร้าวเวลาแม่มาหาจากต่างจังหวัด จึงมาดูคอนโดฯ เส้นต่อขยายรถไฟฟ้าย่านจรัญฯ 3-4 โครงการ ก่อนจะตัดสินใจซื้อที่นี่ เพราะชอบส่วนกลางที่มีสวนเยอะ ร่มรื่น แปลนห้องมีลิฟวิงและพื้นที่ระเบียงค่อนข้างกว้าง สามารถปลูกต้นไม้ได้” คุณเบียร์เริ่มต้นเล่าให้ฟังอย่างเป็นกันเอง
จากคอนโดฯ เปล่าถูกออกแบบตกแต่งจนไม่เหลือภาพเดิมโดยมีโจทย์หลักๆ ว่าอยากให้บรรยากาศของห้องดูอบอุ่นโคซี “เรามีพี่ที่รู้จักเป็นอินทีเรียก็จะคุยกันว่าอยากได้ภาพรวมประมาณไหน มีเฟอร์นิเจอร์อะไรบ้างที่จะนำมามิกซ์แอนด์แมตช์ ถ้าถามว่าเป็นสไตล์ไหนน่าจะใกล้เคียงสแกนฯ มากที่สุด โดยเราเลือกใช้งานไม้ค่อนข้างเยอะ ไม่ใช่สแกนฯ ที่โมเดิร์นหรือโชว์แมตทีเรียลชัดเจนขนาดนั้น ส่วนตัวผมชอบงานไม้กับสีเขียว มู้ดแอนด์โทนของห้องอยากให้อบอุ่นๆ โคซีๆ”
ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่บริเวณโต๊ะกินข้าว บอกเลยว่าเราอดไม่ได้ที่จะมองมุมนู้นทีมุมนี้ที ดีเทลต่างๆ สะท้อนให้เห็นว่าผู้เป็นเจ้าของค่อนข้างใส่ใจการออกแบบตกแต่งห้องมากเลยทีเดียว “หลังจากที่อินทีเรียออกแบบมาให้แล้ว เราก็มีปรับแต่ละส่วน เพิ่มตรงนี้ลดตรงนั้น เลือกวัสดุให้ลงตัวกับบัดเจ็ตและห้องของเรามากที่สุด หลักๆ น่าจะเป็นการเปลี่ยนพื้นจากลามิเนตโทนเทาๆ เป็นกระเบื้องยาง SPC ลายไม้ทั้งหมด เราคิดว่าถ้าเปลี่ยนพื้นมู้ดของบ้านก็จะเปลี่ยนไปด้วย ดูโคซีขึ้น อีกส่วนหนึ่งน่าจะเป็นห้องน้ำที่รื้อทำใหม่เพราะตอนแรกค่อนข้างมืด เราอยากให้ห้องน้ำดูสว่างขึ้น เปลี่ยนกระเบื้อง ทาสีใหม่และเพิ่มฟังก์ชันให้มีตู้ใส่ของใช้ด้วย”
นอกจากนี้ยังปรับและตกแต่งเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ ด้วย “จริงๆ ไทป์ห้องของโครงการจะมีให้เลือกระหว่างแบบครัวปิดกับครัวเปิด ผมเลือกแปลนครัวเปิดเป็น One Space ต่อเนื่องกับลิฟวิง ถ้าเป็นครัวปิดส่วนใหญ่จะออกแบบกั้นส่วนให้อยู่ตรงระเบียง ทำให้ห้องดูมืดไม่ค่อยสว่าง แต่เราอยากให้ลิฟวิงมีแสงสว่างส่องเข้ามาตลอดทั้งวัน อีกอย่างพอเลือกลิฟวิงที่เป็น Open Plan เวลามีประชุมคุยงานหรือเพื่อนๆ มาสังสรรค์กินข้าวกัน จะนั่งตรงนี้ (โต๊ะกินข้าว) หรือมุมโซฟาก็มองเห็น พูดคุยกันได้
“ส่วนครัวเราให้อินทีเรียออกแบบใหม่ ส่งตัวอย่างให้ดูว่าอยากได้แบบประมาณนี้ หน้าบานเป็นสีพ่นปิดลามิเนตโทนสีเทาเพื่อให้ตัดกับสีของงานไม้ที่เราเลือกใช้ในห้อง ส่วนทอปเลือกใช้เป็นหินเทียมลายหินอ่อน ฟังก์ชันทางอินทีเรียจะถามว่าอยากจัดเก็บอะไรบ้าง เราบอกดีเทลต่างๆ ไปว่าตรงนี้อยากวางเครื่องชงกาแฟเนสเปรสโซ ตรงนี้สำหรับใส่เตาอบ ไมโครเวฟ เพื่อจะได้ออกแบบตู้และช่องใส่ของให้มีขนาดพอดีกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอยู่”
ถัดไปในส่วนมุมกินข้าวและนั่งเล่น “ฟังก์ชันตรงนี้เป็นทั้งโต๊ะกินข้าวและนั่งทำงานได้ เราเลือกใช้โต๊ะของแบรนด์ Flo ส่วนเก้าอี้จะมีแบรนด์ Podium เข้ามาแมตช์ด้วย เราตั้งใจเลือกเก้าอี้ให้มีหลากดีไซน์หลายสไตล์ผสมผสานกัน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากตอนไปเที่ยวสแกนฯ นอกจากดูมีลูกเล่นและสีสันแล้วยังมีฟังก์ชันใช้งานแตกต่างกันด้วย ตัวนี้มีพนักพิง อีกตัวมีที่วางแขน ตัวนั้นไม่มีที่วางแขนแต่ดีไซน์โค้งเว้านั่งสบาย
“มุมนั่งเล่นคิดว่าไหนๆ เราก็มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างแล้วจึงเลือกใช้เป็นโซฟาเบดเลยดีกว่า เวลาแม่มาเยี่ยมสามารถดึงออกมานอนได้ แล้วใต้โซฟายังเก็บของได้เยอะมาก คอนโดฯ มีพื้นที่จำกัดเลยพยายามเลือกอะไรที่เก็บของได้เยอะๆ มีตู้ไว้จัดเก็บเอกสาร ที่วางทีวีก็เก็บของได้ด้วย อย่างตู้ตรงประตูทางเข้าจริงๆ เป็นคอลเล็กชันออฟฟิศของอิเกียแต่เรานำมาใช้งานเป็นที่เก็บรองเท้าแทน โทนสีกับขนาดลงตัวกับมุมนั้นพอดีเลยด้วย (หัวเราะ) นอกจากนี้ตอนออกแบบเราบอกอินทีเรียว่าอยากให้มีตู้บิลต์อินสำหรับเก็บของได้ประมาณหนึ่ง เวลาใครมาบ้านสามารถเก็บซ่อนได้แบบเร็วๆ มีชั้นวางของเล็กๆ น้อยๆ ตรงมุมนั่งเล่น และออกแบบตู้ปิดช่องที่คอนโดฯ ทำไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้า เพิ่มชั้นวางของด้านใน และติดกระจกด้านหน้าใช้งานได้อีกฟังก์ชัน”
ไม่ใช่แค่เรื่องฟังก์ชันและเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักที่มีความสำคัญ ของตกแต่งและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มและสร้างบรรยากาศของห้องให้มีชีวิตชีวา “ของตกแต่งเราพยายามเลือกให้เข้ากับบรรยากาศ ถึงแม้จะดูโคซีแต่ก็อยากให้มีอะไรที่ทำให้ห้องดูป๊อปขึ้นมา อย่างเราชอบสีเขียวก็จริงแต่จะดูด้วยว่าสีเขียวอยู่กับสีอะไรได้บ้าง เช่น สีส้ม สีอิฐ สีแดง สีเหลือง สีเหล่านี้จะไปถูกใส่ไว้ในห้องผ่านของใช้ แก้วน้ำ ดอกไม้ หมอนอิง ไม่อยากให้ห้องเรียบหรือมินิมอลขนาดนั้น ภาพรวมยังให้ความรู้สึกอบอุ่นๆ ดูมีชีวิตจริงๆ
“อย่างกระถางต้นไม้เราหิ้วมาจากโคเปนเฮเกนแบรนด์ ferm LIVING แล้วมาหาต้นไม้ที่มีฟอร์มเข้ากับกระถางอีกที ที่เราบอกว่าสไตล์ตกแต่งน่าจะใกล้เคียงสแกนฯ ที่สุด น่าจะเป็นเพราะของตกแต่งที่เราซีเล็ก (Select) มาด้วย ซึ่ง ferm LIVING เป็นแบรนด์ของเดนมาร์กที่เราเพิ่งรู้จักไม่นานมานี้ ตอนไปเที่ยวโคเปนเฮเกนพี่ที่รู้จักกันพาไปที่ชอป (Shop) มีตั้งแต่โต๊ะ โซฟา ไปจนถึงของเล็กๆ น้อยๆ
“และเรายังได้แรงบันดาลใจมาจากตอนไปเที่ยวด้วย คนที่นั่นเขามีพื้นฐานด้านดีไซน์กันตั้งแต่เด็กๆ ทุกคนโตมากับครอบครัวที่รักการแต่งบ้าน กลายเป็นว่าเรื่องดีไซน์เป็นสิ่งที่ทุกคนได้ซึมซับมาอยู่แล้ว เขาจะใส่ใจในการเลือกของเข้าบ้าน ชอบชวนไปบ้านเพื่อจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับบ้านให้ฟัง ทำให้เรารู้สึกว่าการแต่งบ้านไม่ใช่อะไรที่แค่แต่งครั้งเดียวแล้วจบ บางทีก็แต่งบ้านตามฤดูกาล เหมือนเราได้เห็นความมีชีวิตอยู่ในบ้านตลอดเวลา แม้กระทั่งร้านรวงต่างๆ ก็ตกแต่งกันอย่างสวยงาม ของทุกชิ้นมีเหตุผลของมันในการวางตรงนั้น เพื่อความสวยงามหรือวางไว้ใช้ประโยชน์จริงๆ เราชอบเสน่ห์ตรงนั้น เลยอยากแต่งห้องให้มีบรรยากาศและมีชีวิตชีวาแบบเขาบ้าง
“พอเขาให้ความสำคัญเรื่องดีไซน์พวกเฟอร์นิเจอร์กับของตกแต่งเลยมีดีไซน์สวย ดูโคซี น่าใช้งาน อย่างพวกโคมไฟ แจกัน แก้วน้ำ บางอย่างเราซื้อเก็บไว้นานแล้วแต่ยังไม่มีพื้นที่ พอมีคอนโดฯ ของตัวเองแล้วเลยมีโอกาสได้เอาออกมาตกแต่ง ถ้าถามว่าจะตกแต่งตามฤดูกาลบ้างไหม อาจจะไม่ได้ขนาดนั้น ส่วนใหญ่เราจะเปลี่ยนดอกไม้ไปตามมู้ดต่างๆ อย่างตอนนี้เป็นโทนสีแดงสดใสรับซัมเมอร์” คุณเบียร์กล่าวทิ้งท้าย
หลังจากพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าเราต้องขออนุญาตเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องสักหน่อย ได้แต่พูดในใจว่า “น่าอยู่จังเลย มุมนั้นก็ดี มุมนี้ก็สวย” อยากแต่งห้องให้มีบรรยากาศแบบนี้บ้าง นอกจากสวยแล้วยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและมีชีวิตจริงๆ สมแล้วกับที่คุณเบียร์ตั้งใจออกแบบตกแต่ง ประทับจิตประทับใจมากเลยทีเดียว