ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันไหม…พอถึงช่วงวัยหนึ่งเราค้นพบว่าการได้อยู่บ้านและใช้ชีวิตประจำวันอย่างไม่รีบร้อนถือเป็นความสุขเล็กๆ อันแสนเรียบง่าย เพียงแค่ได้ตื่นเช้ามานั่งจิบกาแฟในมุมโปรด ออกไปเดินเล่นในสวนหลังบ้าน เพลิดเพลินกับการเข้าครัวทำอาหาร ได้นอนเล่นอ่านหนังสือหรือดูหนังที่ชอบ ตลอดจนได้ใช้เวลากับครอบครัว ซึ่งการได้พูดคุยกับคุณเต้-อัญชลี อัสววิมล และคุณโหน่ง-สุธี อัสววิมล ทำให้เราเห็นภาพเหล่านี้ชัดเจนมากขึ้น ภาพที่ว่าความสุขไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล…อยู่ที่บ้านของเรา
ถ้าไม่ได้มาเดินลัดเลาะชมสวนผักออร์แกนิก Organ by Smart Nine Farm ของคุณเต้ก่อนหน้านี้ คงไม่ได้เห็นว่าหลังแนวแปลงผักด้านในนั้นมีบ้านหลังหนึ่งซ่อนตัวอยู่ ขนาดกะทัดรัดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ดีไซน์เรียบง่าย ดูอบอุ่นและเป็นส่วนตัว ทั้งยังมีดีเทลการออกแบบเล็กๆ น้อยๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจของผู้เป็นเจ้าของบ้านอีกด้วย “สวัสดีค่ะ” คุณเต้กล่าวทักทายพวกเราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะขอตัวไปพาฮิวโก้กับฮังเลที่ส่งเสียงเจื้อยคล้ายอยากออกมาเจอแขกผู้มาเยือนเช่นกัน
“จริงๆ บ้านเราอยู่พระราม 9 แล้วมาทำฟาร์มผักที่นี่ (จังหวัดนนทบุรี) ช่วงแรกจะเดินทางไปกลับทุกวันพอทำฟาร์มได้ประมาณ 5 ปี ด้วยเนื้องานที่มากขึ้นเริ่มขยับขยายมีส่วนคาเฟ่ร้านอาหารด้วยเลยไม่ค่อยได้กลับบ้าน ส่วนคุณโหน่งจะอยู่บ้านที่พระราม 9 เป็นหลัก เพราะเดินทางไปทำงานสะดวกกว่า แต่ช่วงโควิดเขาไม่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวันเหมือนเมื่อก่อนจึงมาอยู่ด้วยกันที่นี่ พออยู่ได้สักพักก็เริ่มเข้าใจเราแล้วว่าทำไมถึงไม่ยอมกลับบ้าน (หัวเราะ) เพราะอากาศดี เย็นสบาย ตื่นเช้ามาเห็นสวนผักเหมือนอยู่ต่างจังหวัด
“จากนั้นคุณโหน่งก็ถามเราว่าถ้าอย่างนั้นย้ายบ้านมาอยู่ตรงนี้กันเลยดีไหม เรื่องการเดินทางไปทำงานก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคอะไร เพราะต้องประชุมผ่านโปรแกรม Zoom (แพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์) ตลอดเวลาอยู่แล้ว จึงตัดสินใจสร้างบ้านหลังนี้โดยคิดว่าจะลงหลักปักฐาน ไม่ย้ายไปไหนกันแล้วนะ” คุณเต้เริ่มต้นเล่าให้ฟังอย่างเป็นกันเอง
โจทย์คือต้องเป็นบ้านสำหรับรองรับการใช้งานยามแก่เฒ่า “ด้วยอายุที่มากขึ้นบวกกับเราไม่มีลูกจึงคิดว่าบ้านชั้นเดียวน่าจะตอบโจทย์ลงตัว เราเคยมีบ้านมาแล้วหลังหนึ่ง รู้ว่าไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างไร ค่อนข้างชัดเจนว่าฟาซิลิตี (Facility) ภายในบ้านอยากให้มีอะไรบ้าง เน้นความเรียบง่าย มีฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้จริง และจากประสบการณ์ที่เราเคยต่อเติมบ้านกับทำร้านมาก่อนไม่อยากต้องมาคอยดูผู้รับเหมาตลอดเวลา ครั้งนี้จึงตัดสินใจเลือกบ้านของ SCG Heim เราเคยไปดูบ้านตัวอย่างของเอสซีจีเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว พอไปดูอีกครั้ง เห็นแล้วรู้สึกชอบที่บ้านไม่ต้องทาสี ทั้งยังมีอะไรใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นเยอะมากจากเมื่อก่อน”
โดยคุณเต้และคุณโหน่งเลือกไทป์บ้านที่มีขนาดพอดีแล้วปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านให้ตรงกับการใช้งานมากที่สุด “จริงๆ ไทป์บ้านที่เลือกมี 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องนั่งเล่น แต่เราขอปรับฟังก์ชันใหม่ เปลี่ยนห้องนอนอีกห้องเป็นห้องทำงาน ห้องพระ ออกแบบให้มีห้องดูหนังแยกกับส่วนลิฟวิงที่ประกอบไปด้วยมุมนั่งเล่น รับแขก โต๊ะกินข้าว และครัวแพนทรีเล็กๆ อยู่ในสเปซเดียวกัน มีห้องน้ำ 1 ห้องก็เพียงพอแล้ว”
นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมในส่วนของโรงรถ ห้องแม่บ้าน ระเบียงหลังบ้าน และครัวไทย “เราทำระเบียงด้านหลังเพิ่มเติมไว้นั่งสมาธิ เดินจงกรม มีครัวไทยด้านข้างแยกต่างหาก เราชอบทำกับข้าว มีความสุขที่ได้เข้าครัว ถึงจะมีแม่บ้านคอยช่วยแต่ส่วนใหญ่เราจะเป็นคนทำอาหารเอง โดยเฉพาะมื้อเย็นที่ต้องกินข้าวพร้อมกันทุกวัน สไตล์เราคือทำครัวหนัก อาหารไทย แบบโขลกเองตำเอง ต้ม ผัด แกง ทอด ดังนั้นครัวไทยจึงต้องรองรับการใช้งานได้จริงๆ โดยเราจะบอกดีเทลกับทาง SCG อย่างโซนนี้เป็นเตาอบ เตาแก๊ส เครื่องดูดควัน ถัดไปเป็นอ่างล้างจานอยู่ด้านนี้นะ ไม่อย่างนั้นเราจะใช้งานไม่ถนัด ช่องใส่เครื่องปรุงขอเป็นแบบสไลด์ที่ดึงออกมาหยิบของได้ง่าย มีตู้และลิ้นชักไว้จัดเก็บหม้อ กระทะ จานชามต่างๆ เพราะเรามีอุปกรณ์เครื่องครัวค่อนข้างเยอะ”
ครัวไทยของเรา ครัวแพนทรีของเขา “ตำแหน่งครัวแพนทรีในบ้านจะอยู่ใกล้กับครัวไทย ออกแบบให้มีประตูเล็กไว้เดินเข้าออกได้สะดวก สไตล์กับการใช้งานจะแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ครัวแพนทรีคุณโหน่งจะเป็นคนใช้งาน ฟังก์ชันจะเน้นเป็นพื้นที่ส่วนเตรียม วางของ มีอ่างสำหรับใช้ล้างของเล็กๆ น้อยๆ ติดตั้งเตาอบไว้แยกแยกกับครัวไทยให้คุณโหน่งใช้อบถั่วอบธัญพืช เพราะเขาชอบกินและชอบอบเอง ออกแบบให้มีตู้ไว้เก็บขนม เครื่องดื่ม แก้วน้ำ จานชามต่างๆ
“มีเคาน์เตอร์บาร์ด้านหน้าไว้นั่งเล่นพูดคุยกัน ให้ความรู้สึกอบอุ่นๆ คนหนึ่งทำอีกคนนั่งกิน คุณโหน่งเขาจะมีความสุขที่ได้ทำนู่นทำนี่ตรงมุมนี้ ใช้ชงกาแฟ ปิ้งขนมปัง ทำสลัด อย่างช่วงนี้เขาชอบทำสลัด สนุกกับการมิกซ์แอนด์แมตช์น้ำสลัดกินเอง พี่แม่บ้านก็จะเอากล่องไปเก็บผักสลัดในฟาร์มมาแช่ตู้เย็นเตรียมไว้ให้ ครัวแพนทรีของเขา ส่วนครัวไทยของเราอยู่ด้านนอก (หัวเราะ)”
สำหรับบรรยากาศภายในบ้านก็เป็นอย่างที่คุณเต้บอกกับเราไว้ตอนต้นว่าเน้นความเรียบง่าย ให้ความรู้สึกอบอุ่น อยู่สบาย โดยเลือกใช้สีเอิร์ธโทนอย่างสีขาว ครีม และเทาเป็นหลัก มิกซ์แอนด์แมตช์เฟอร์นิเจอร์หลายดีไซน์หลากสไตล์เข้าด้วยกัน แตกต่างแต่สวยงามลงตัว “เราเป็นคนชอบงานไม้ อย่างโต๊ะกลางนี้ซื้อมาจากจตุจักรเห็นแล้วชอบเลย ออกแนวเก่าๆ หน่อย ส่วนโต๊ะกินข้าวกับเก้าอี้เราสั่งทำจากบางโพ โต๊ะด้านล่างเป็นขาไม้ด้านบนทอปเป็นหินเทียมลายหินอ่อน ส่วนเก้าอี้เราหุ้มเบาะผ้าให้นั่งได้สบาย
“มู้ดแอนด์โทนของบ้านจริงๆ พอทำบ้านมาหลายหลังเหมือนทำให้เราชัดเจนขึ้นว่าอยากได้อะไรแบบไหน สไตล์ประมาณนี้อยู่ได้นาน ไม่ว่าผ่านเวลาไปแค่ไหนก็ดูไม่น่าเบื่อ เรียบง่าย อบอุ่น สบายๆ และเราจะไปเน้นเรื่องฟังก์ชันมากกว่า อาจจะไม่ได้เน้นความสวยงามเพื่อโชว์ใคร แต่อยากให้เป็นอะไรที่เราชอบ ที่เราใช้งานได้จริงๆ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่อยู่อาศัยคือเราเอง
“ส่วนการออกแบบที่คิดเผื่ออนาคตไว้ก็จะมีทางเดินลาดสำหรับรถเข็น เลือกใช้ประตูขนาดใหญ่สามารถเปิดได้กว้าง ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าสมมุติเราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ห้องดูหนังอาจจะปรับเป็นห้องคนดูแลเราแทนก็ได้ ที่เลือกทำบ้านชั้นเดียวคือเราอยู่กันสองตายาย ถ้าวันหนึ่งมีเหตุการณ์อะไรจะได้วิ่งหรือคลานออกมาขอความช่วยเหลือคนอื่นได้ เราคิดขนาดนั้นเลย (หัวเราะ) เพราะเคยเป็นพยาบาลมาก่อนจึงพยายามคิดให้ครอบคลุมว่าตอนอายุมากขึ้นจะมีเคสอะไรเกิดขึ้นบ้าง แม้แต่การเลือกทำสระว่ายน้ำแทนห้องออกกำลังกาย เนื่องจากคุณโหน่งมีปัญหาเรื่องกระดูก วิ่งหรือออกกำลังกายที่ลงน้ำหนักกระแทกเยอะๆ ไม่ได้ จึงคิดว่าธาราบำบัดเป็นสิ่งที่ควรมี อย่างไรก็ต้องได้ใช้งานแน่ๆ”
ไม่ใช่แค่การออกแบบฟังก์ชันใช้งานภายในบ้านที่คุณเต้ใส่ใจ แต่ยังรวมถึงส่วนของสวนนอกบ้านอีกด้วย “สวนรอบบ้านเราเน้นให้มีสนามหญ้ากว้างๆ โล่งๆ ไว้เดินเล่น เน้นปลูกต้นไม้กินได้หรือหายาก ส่วนดอกไม้จะเลือกโทนสีม่วงกับสีชมพู เพราะเป็นโทนสีที่เราชอบ ด้านหลังออกแบบเป็นสวนญี่ปุ่นผสมผสานสไตล์อังกฤษไว้นั่งเล่นสงบๆ เพราะเราวุ่นวายอยู่กับฟาร์มและร้านอาหารด้านหน้ามาทั้งวันแล้ว เรากับคุณโหน่งจะชอบมานั่งพัก ฟังเสียงนก เหมือนได้ชาร์จพลัง” คุณเต้กล่าวทิ้งท้าย
