จากความต้องการของคู่รักนักออกแบบคุณกาญจน์และคุณเอวางแผนชีวิตหลังแต่งงานอยากมีบ้านสักหลังที่สะท้อนและแสดงถึงตัวตนของทั้งคู่ ซึ่งนอกจากความชอบในเรื่องดีไซน์แล้ว อีกหนึ่งโจทย์ที่ท้าทายคือ จะออกแบบบ้านหลังใหม่อย่างไรให้เชื่อมโยงกับบ้านคุณพ่อที่อยู่ใกล้กัน โดยทำให้บ้านทั้งสองหลังไม่รู้สึกรบกวนกันทั้งในเรื่องของแบบและดีไซน์
ซ่อนเสาในผนัง
House Between the Wall จึงกลายเป็นคอนเซ็ปต์ของบ้านหลังนี้ คุณเอเล่าว่า “เราใช้ผนังสองผนังมี ความหนาของผนังประมาณ 30 เซนติเมตร แล้วซ่อนเสาเอาไว้ ถ้าสังเกตพื้นที่ภายใน เราจะไม่เห็นสแปนเสาในบ้านเลย เพราะเสาอยู่ในผนังหมด สแปน 6 เมตรซึ่งเป็นไซส์สแตนดาร์ดในการวางโครงสร้าง เราต้องการให้พื้นที่เปิดโล่งเชื่อมถึงกันหมด เนื่องจากบริบทโดยรอบมีลักษณะที่เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว จะทำอย่างไรให้ความยาวของฟอร์มบ้านดูน่าสนใจขึ้น นอกจากนี้เราก็ต้องการความเป็นส่วนตัว
เรื่องเล่าหลังกำแพง
เพราะสภาพแวดล้อมรอบๆ เป็นที่อยู่อาศัย ไม่อยากให้คนมองเข้ามา หรือได้ยินเสียงดังจากภายนอกเราเลยทำเป็นผนัง แต่โจทย์คือทำอย่างไรไม่ให้ทึบ ตั้งใจทำเป็นโซลิดวอลล์ เข้ามาแล้วไม่อึดอัด แสงเข้าตลอด จากนั้นเรามาดูจุดที่เกิดผลกระทบที่สุดในการเอาแสงลงก็คือทั้งสองด้าน พยายามทำให้เกิดความสมมาตรนิดหนึ่ง เนื่องจากเราใช้สองผนัง แอเรียทั้งหมดสว่าง ฝั่งโน้นก็เหมือนกัน ห้องนั่งเล่นกับห้องทำงานก็สว่าง
ส่วนเรื่องความสูงก็เป็นเรื่องเดียวกันที่คอนเน็คทั้งสองชั้น แสงลงทั้งชั้นสองและชั้นหนึ่ง เราเลยใช้ประโยชน์จากจุดนี้ที่เป็นแสงอินไดเร็คเข้ามาเพื่อให้บ้านสว่างและดูสบาย ส่วนการเลือกเปิดช่องวอย เราดูว่า ต้องการให้คนมองไม่เห็นอะไรจากภายนอก แล้วเรามองเห็นอะไรจากด้านในออกไปภายนอก”
กำแพงที่สร้างความเป็นส่วนตัว
คุณกาญจน์เล่าเพิ่มเติมว่า “เราต้องออกแบบบ้านเป็นแนวยาว เพราะต้องเหลือพื้นที่ถนนเข้าไปบ้านคุณพ่อ ดังนั้นการออกแบบบ้านจึงต้องล้อไปกับพื้นที่แนวยาว ส่วนคอนเซ็ปต์การจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายใน เรามีคุณแม่มาอยู่ด้วยเป็นครั้งคราว เลยแบ่งบ้านออกเป็นสองปีก ปีกแรกเป็นห้องนอนคุณแม่ถัดไปเป็นห้องนอนของแขก ในขณะที่ปีกทางด้านขวามีห้องนอนมาสเตอร์เบดรูม เวลาเราอยู่ชั้นบนไม่สามารถเดินหากัน เพื่อความเป็นส่วนตัว แต่พอลงมาชั้นล่างเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เราสามารถอยู่ร่วมกันได้”
หลังจากที่ทั้งคู่ออกแบบและคิดวิเคราะห์ในฐานะของสถาปนิกกับอินทีเรียก็ได้ข้อสรุปที่ลงตัวด้วยการสร้างความพิเศษให้กับพื้นที่แห่งนี้ด้วยการดีไซน์กำแพงผืนใหญ่ที่สร้างความเป็นส่วนตัวได้แบบเต็มร้อย แม้ว่าภายนอกจะดูทึบแต่เมื่อเข้าสู่พื้นที่ภายในกลับให้ความรู้สึกสบาย
บ้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนแกลเลอรี
“จริงๆ การตกแต่งภายในเน้นแบบคลีนๆ แต่ไม่อยากให้ดูมินิมอลจนรู้สึกว่าอยู่แล้วน่าเบื่อเกินไป เวลาไปเที่ยวเราชอบไปแกลเลอรี ดูงานอาร์ต งาน สถาปัตย์ เลยอยากได้บ้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่แกลเลอรี เพราะฉะนั้นเวลาเราออกแบบทุกอย่างจะถูกคิดมาแล้ว รวมถึงไลท์ติ้งวางไว้ในตำแหน่งของเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งแต่ละตัวที่เราเลือกมาอยู่ในยุคมิดเซนจูรี่
ห้องครัวคือศิลปะอีกชิ้นหนึ่ง
ห้องครัวเรียกว่าเป็นไฮไลท์ของบ้านเลยตรง backsplash เราตั้งใจทำเป็นลายนี้ เหมือนเป็นอาร์ตพีซ เปรียบเทียบว่าบ้านเป็นผืนผ้าใบสีขาว แล้วเราแต่งงานอาร์ตพีซเข้าไปแต่ละจุด backsplash ตรงนี้เราทำจากไม้ชิ้นเล็กๆ มาต่อกัน เป็นไม้ HMR พ่นสีแล้วติดทีละชิ้นราดด้วยพียูอีกทีหนึ่ง เพื่อให้เกิดความรู้สึกป๊อปอัพขึ้นมา อย่างบันไดวนก็เป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทำให้บ้านดูสไตล์เฉพาะตัว ส่วนห้องน้ำด้านบนเลือกอ่างล้างหน้าให้เป็นเรดมาร์เบิล มันเป็นความภาคภูมิใจของเราสองคน เพราะช่วยกันคิดออกแบบ เดเวลอปกันเยอะ พยายามปรับไปเรื่อย ห้องครัวกว่าจะลงตัวเราเปลี่ยนแบบกันเป็นสิบ ตอนแรกเป็นหินอ่อนรู้สึกว่ายังไม่ใช่ อยากให้ดู exotic อีก เราสองคนนอกจากจะชอบศิลปะแล้วยังชอบแฟชั่นด้วย อยากได้ความเป็นแฟชั่นขึ้นมาให้ดูไม่น่าเบื่อ”
ด้วยความที่คุณกาญจน์และคุณเออยู่กันเพียงสองคน พื้นที่ใช้สอยรวมถึงฟังก์ชันใช้งานจึงออกแบบและกำหนดแปลนในแต่ละจุดได้เต็มที่ทั้งยังตอบสนองความต้องการ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ดังนั้นสเปซในแต่ละโซนจะถูกออกแบบเป็น Open Space มีพาทิชั่นที่สามารถเปิดและปิดได้
“โครงสร้างภายนอกเราออกแบบสถาปัตย์เพื่อความเป็นส่วนตัวไม่ต่างจากพื้นที่ภายใน ในแต่ละโซนสามารถเปิดปิดตามที่เราต้องการ ส่วนฟังก์ชันใช้สอยออกแบบอย่างที่เราอยากให้เป็นเริ่มจากพื้นที่จอดรถเข้าสู่พื้นที่ภายในมีตู้เก็บรองเท้าสูงประมาณ 7 เมตร เพราะก่อนหน้านี้เคยอยู่คอนโดเก็บรองเท้าได้น้อย พอเรามีบ้านเลยดีไซน์ให้มีตู้เก็บรองเท้าขนาดใหญ่ไปเลย มีจุดพักสำหรับวางของก่อนเข้าบ้าน ชั้นบนก็เป็นห้องนอนแขกไม่อยากให้เข้ามาลึกมากเลยทำห้องนอนเหนือฝั่งที่จอดรถ นอกจากนี้ยังออกแบบตามทิศทาง โดยห้องครัว ห้องน้ำอยู่ฝั่งทิศใต้ เพื่อช่วยในเรื่องของสุขลักษณะ”
ฟังก์ชันที่ซ่อนอยู่หลังบานเปิด
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างภายในบ้านหลังนี้ยังอยู่ตรงที่บริเวณโถงทางเข้าหลักจะมีห้องน้ำและห้อง Laundry อยู่หลังบานเปิดที่ดูกลมกลืนไปกับผนัง เพราะฉะนั้นจึงดูไม่รู้เลยว่ากลับมีฟังก์ชันถูกซ่อนอยู่ ถึงแม้จะผิดหลักฮวงจุ้ยตำแหน่งของห้องน้ำห้ามตรงกับประตูหน้าบ้าน แต่คุณเอกลับมองเรื่องฟังก์ชันเป็นหลักมากกว่า แต่ก็ซ่อนความไม่เรียบร้อยด้วยการปิดให้ดูเรียบร้อย ถัดมาเป็นห้องครัว ถึงแม้ทั้งสองคนจะออกตัวว่าไม่ค่อยทำอาหารแต่ก็มีฟังก์ชันที่รองรับการใช้งานครบ หรืออย่างไอส์แลนด์ที่มีการคิดและออกแบบให้ดูพิเศษ
ไอส์แลนด์ให้ความรู้สึกเหมือนลอยได้
“ด้วยความที่เราอยู่คอนโดมีพื้นที่ล้างจานน้อย เราเลยทำซิงก์สองตำแหน่ง สั่งทำพิเศษขนาดยาวเพื่อตอบโจทย์ในเรื่องที่เราอยากได้ ส่วนไอส์แลนด์เลือกวัสดุสเตนเลส คิดว่าจะออกแบบอย่างไรให้ดูเก๋ ทำขาเป็นวงกลม เราเลือกที่จะไม่ทำไอส์แลนด์เป็นก้อนสี่เหลี่ยม เพราะจะทำให้ดูตัน เพราะเราต้องการ Open Space ซึ่งตำแหน่งตรงนี้มันตรงกับประตูพอดีเลยออกแบบแบบยกลอย ซึ่งพอดีไซน์แบบนี้ก็มีเรื่องระบบข้างล่างที่จะแก้ระบบอย่างไร เลยดีไซน์เป็นขากลมๆ ซึ่งดีไซน์ก็ลิงค์ไปกับบันไดวนพอดี
เราไม่ได้ใช้ครัวแบรนด์แพงๆ แต่พยายามทำของถูกให้ดูมีคุณค่าขึ้นมาในแบบที่เราต้องการ เหมือนงานคราฟท์ชิ้นหนึ่ง อย่างไอส์แลนด์ที่เลือก วัสดุสเตนเลสเพราะชอบอยู่แล้ว นอกเหนือจากฟังก์ชัน รู้สึกว่าคอน ทราสต์กับบ้านโดยไม่หลุดธีม เป็นกลิ่นอายในยุคมิดเซนจูรี โดยในยุคนั้นเขาใช้ไม้สีประมาณนี้กับสเตนเลส หน้าบานครัวก็เป็นไม้อัดยางย้อมสี โชว์แพทเทิร์นของไม้ให้ดูยูนีค แปลนครัวก็ออกแบบเป็นตัว I ง่ายๆ ปล่อยด้านบนสีขาวโล่งๆ ไม่มีตู้แขวน ออกแบบให้มีชั้นวางเล็กๆ สำหรับวางของคอลเลคชันให้ครัวดูมีบรรยากาศขึ้นมาแค่นั้น”
ถัดจากห้องครัวเข้าสู่ห้องทำงานดีไซน์เป็นโต๊ะสองที่นั่ง เปิดมุมมองให้ต้นไม้แบบเต็มๆ ตา เพื่อเพิ่มความผ่อนคลายขณะทำงาน มีประตูกระจกที่สามารถเปิด-ปิดได้ตามต้องการ
ห้องทำงานใกล้ชิดธรรมชาติ
โซฟาเป็นไอส์แลนด์กลางห้อง เพื่อกิจกรรมหลากหลาย
อีกหนึ่งโซนสุดท้ายเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งพิเศษตรงที่วางโซฟาเป็นไอส์แลนด์กลางห้อง เพื่อให้ได้หลากหลายอารมณ์นั่นเอง “เราไม่วางโซฟาหันหน้าเข้าหาทีวี แต่จะอยู่ใจกลางห้องเลย สามารถเดินได้รอบ ทำกิจกรรมและเดินได้โดยรอบ ผนังด้านหนึ่งทึบสำหรับติดตั้งทีวี เชื่อมต่อกับผนังที่ใช้อิฐบล็อกแก้วให้เห็นสีเขียวจากต้นไม้แบบรางๆ ส่วนผนังอีกด้านเป็นหน้าต่างบานใหญ่ออกแบบให้มีที่นั่งริมสามารถชมวิวหรือนั่งเล่นก็ได้”
เมื่อบ้านหลังนี้เสร็จสมบูรณ์ สิ่งแรกที่สะท้อนออกมาได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ สไตล์ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณกาญจน์และคุณเอ ซึ่งทั้งคู่บอกกับเราว่าทุกอย่างเป็นความชอบโดยบริสุทธิ์ หรือเรื่องฟังก์ชันที่ผ่านการคิดและไตร่ตรองมาอย่างละเอียด ถึงแม้ในทุกวันนี้พวกเขาจะอิ่มเอมไปกับทุกองค์ประกอบภายในบ้าน แต่ไม่แน่ว่าในอนาคต หากทั้งคู่อยากปรับเปลี่ยนอะไรก็สามารถเล่นสนุกไปกับ House Between the Wall ได้อย่างไม่รู้จบ
เจ้าของ: คุณกาญจน์-กนกกาญจน์ เฮงอุดมทรัพย์ และคุณเอ-ธนัทเกียรติ จงเกรียงไกร
ขนาดพื้นที่ครัว 40 ตารางเมตร