ถึงแม้ว่าบ้านหลังนี้จะไม่ใช่บ้านหลังสุดท้ายที่คุณนุ้ย-โศรยา อภิรดีวรกุล ตั้งใจว่าจะลงหลักปักฐาน ด้วยวางแผนจะสร้างบ้านอีกหลังบนที่ดินของตนเอง แต่ระหว่างที่อยู่อาศัยนั้นก็อยากออกแบบตกแต่งให้บรรยากาศภายในบ้านสวยงามน่าอยู่ และมีฟังก์ชันตอบโจทย์ลงตัวกับการใช้งานมากที่สุด โดยให้ทาง 168 To Be Design Interior and Construction มาช่วยออกแบบต่อเติมเนรมิตแบบบ้านในฝันให้
“ก่อนหน้านี้เราอยู่คอนโดฯ แล้วพื้นที่เริ่มไม่พอเพราะเราซื้อของเข้าเรื่อยๆ เลยอยากขยับขยายมาเป็นบ้าน ซึ่งโครงการนี้อยู่ใกล้กับที่ทำงาน เดินทางสะดวก ถึงขนาดไม่ใหญ่มากแต่มีฟังก์ชันครบ จอดรถได้ 3 คัน เราจึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้โดยมีโจทย์ว่าเป็นบ้านที่เราจะอยู่เพื่อรอสร้างบ้านอีกหลัง ซึ่งคงใช้เวลาหลายปีเหมือนกันกว่าจะสร้างเสร็จ แต่ระหว่างนี้เราก็อยากให้บรรยากาศของบ้านสวยงามน่าอยู่” คุณนุ้ยเริ่มต้นเล่าให้เราฟัง
เพื่อให้ได้แบบบ้านในฝันและมีพื้นที่ใช้สอยตรงกับการใช้งาน คุณนุ้ยจึงออกแบบต่อเติมใหม่ทั้งหมด “ตอนที่ไปดูบ้านตัวอย่างของโครงการเขาออกแบบเป็นกลาสเฮาส์ เราเห็นแล้วชอบ ดูอบอุ่น น่ารัก ให้ความรู้สึกโฮมมีๆ เลยคิดว่าอยากทำแบบนี้ที่บ้านบ้าง อีกอย่างคือผลรวมของเลขที่บ้านได้ 8 เป็นเลขราหู ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านห้ามมืด แสงต้องเข้าเยอะ เลยลงตัวกับไอเดียกลาสเฮาส์ที่เราชอบพอดี
“หลังจากนั้นเราก็เริ่มหาข้อมูลบริษัทออกแบบ ดูผ่านเพจต่างๆ เพราะเราไม่มีประสบการณ์ทำบ้านมาก่อนเลย ตอนแรกติดต่อไปประมาณ 2-3 ที่ ไม่มีการตอบรับบ้าง บางบริษัทก็รับทำแค่อินทีเรียหรือบิลต์อินอย่างเดียว แต่เราอยากได้ที่รับทำทั้งทุบต่อเติมและออกแบบตกแต่งด้วย จะได้ดีลจบทีเดียวไม่ต้องยุ่งยากติดต่อประสานงานหลายอย่าง จนมาเจอกับ 168 To Be Design Interior and Construction เป็นบริษัทออกแบบและตกแต่งภายในแบบครบวงจร ซึ่งตอนที่เราติดต่อไปเขาตอบกลับไวมาก ถามความต้องการของเราว่าอยากได้บ้านแบบไหน สไตล์ที่ชอบ โจทย์ที่ต้องการมีอะไรบ้าง รู้สึกได้ถึงความใส่ใจ มีความเป็นมืออาชีพ จึงตัดสินใจให้ทีมของ 168 To Be Design เข้ามาดูแลออกแบบตกแต่งบ้านทั้งหมด”
เมื่อได้ทีมออกแบบแล้วก็ถึงเวลาที่จะออกแบบต่อเติมบ้านให้ได้สไตล์ที่ชอบ ลงตัวกับหลักฮวงจุ้ย และใช้งานได้สะดวกคล่องตัว โดยคุณนุ้ยให้โจทย์ว่า “เราทุบพื้นที่ด้านข้างออกและต่อเติมเป็นส่วนกลาสเฮาส์ โจทย์คืออยากให้รู้สึกเหมือนเป็นมุมคาเฟ่ในบ้าน เน้นโทนสีขาวเป็นหลัก เราปรับพื้นที่ใหม่ทั้งหมดแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย เริ่มตั้งแต่เปลี่ยนประตูหน้าบ้านเดิมที่ผลักออกเป็นผลักเข้าเพื่อรับสิ่งดีๆ ตามหลักฮวงจุ้ย ดีไซน์ปิดส่วนบันไดไม่ให้มองเห็นจากหน้าประตู ทำห้องพระเพิ่ม ตกแต่งและเปลี่ยนสุขภัณฑ์ห้องน้ำใหม่ทั้งหลัง”
“ห้องนอนจะอยู่บริเวณชั้น 2 และชั้น 3 จากเดิมมี 2 ห้องนอน เราทุบแล้วออกแบบเป็น Walk-in Closet แทน พื้นที่ชั้นล่างทางโครงการออกแบบให้มีห้องไว้สำหรับ Elder Care แต่เราอยู่กับแฟนแค่ 2 คนจึงปรับเป็นห้องเก็บรองเท้าเพื่อให้บ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย มองดูแล้วไม่รกสายตา แล้วยังมีส่วนห้องครัว มุมนั่งเล่น และนั่งทานข้าวตรงกลาสเฮาส์”
ออกแบบส่วนลิฟวิงให้เปิดโล่งใช้งานพื้นที่ได้ต่อเนื่องกัน เน้นโทนสีขาวสบายตา แมตช์กับเฟอร์นิเจอร์โทนสีเข้มดีไซน์สวยเพื่อไม่ให้ดูเรียบจนเกินไป ส่วนของห้องครัวออกแบบเคาน์เตอร์เป็นรูปตัว L ดีไซน์ให้มีเคาน์เตอร์บาร์ด้านหน้าสำหรับนั่งเล่นนั่งจิบเครื่องดื่ม “ฟังก์ชันใช้งานเราอยากให้ไฟกับน้ำแยกกันตามหลักฮวงจุ้ย จึงออกแบบให้ส่วนเตากับซิงก์อยู่คนละฝั่ง ถึงจะไม่ค่อยทำครัวเท่าไรแต่เราก็อยากให้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าครบอย่างเตาอบ ไมโครเวฟ เครื่องดูดควัน เว้นช่องไว้สำหรับใส่ตู้เย็น เรียกว่าของมันต้องมีให้ครบไว้ก่อน อุ่นใจ
“ส่วนอื่นๆ ทาง 168 To Be Design ช่วยออกแบบดีไซน์ให้ มีตู้จัดเก็บของเพื่อให้ครัวดูเป็นระเบียบสะอาดตา เพิ่มลูกเล่นให้ครัวสวยงามด้วยไฟซ่อนและติดตั้งไฟ LED ใต้ตู้แขวน หน้าบานชุดครัวมีกลิ่นอายแบบคันทรีๆ ถึงจะเลือกใช้สีขาวเป็นหลักแต่ไม่ได้ดูเรียบจนเกินไป และเราก็ให้เขาช่วยออกแบบซ่อนฟังก์ชันห้องเก็บของไว้ด้วย ถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้เลยว่าด้านในเป็นอะไร เพื่อให้ดูกลมกลืนไปกับห้องครัว”
มู้ดแอนด์โทนของบ้านอยากให้เข้ามาแล้วรู้สึกแตกต่าง “อยากให้บรรยากาศของบ้านอยู่สบาย ละมุนๆ อย่างบริเวณกลาสเฮาส์ก็จะให้ฟีลยุโรปหน่อย มองออกไปเห็นสีเขียวของต้นไม้ด้านนอกสร้างความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ คืออยากให้เข้ามาบ้านแล้วเปลี่ยนเป็นอีกโลกหนึ่งเลย ด้วยเราสองคนชอบไปเที่ยว เวลาไปพักตามโรงแรมก็จะเห็นดีไซน์สวยๆ หลายที่หลายสไตล์แล้วอยากทำบ้านออกมาให้สวย ให้เป็นความสุขและแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ให้เป็นช่วงเวลาในการพักผ่อนของเรา ไม่ใช่ว่าทำงานเสร็จกลับมาบ้านแล้วบ้านไม่สวย เราว่ามันคนละความรู้สึกเลยนะ
“แต่ไม่ว่าเราจะให้โจทย์อะไรกับทาง 168 To Be Design ไปเขาก็จะดีไซน์ออกมาได้ตรงใจเราเลย เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกวัสดุหรือเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านก็จะให้เราไปเลือกเอง โดยมีทีมงานคอยให้คำปรึกษา คอยแนะนำว่าอะไรควรแมตช์กับอะไร วัสดุแต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ผิวสัมผัสต่างกันไหม
“ห้องครัวเราก็เลือกทอปเคาน์เตอร์เอง เป็นหินที่มีลวดลายไม่เยอะ ดูคลีนๆ สีของแร่ในหินค่อนข้างสม่ำเสมอกัน ตอนที่ออกแบบจะเป็นหินอีกสเปกหนึ่ง แต่ตอนไปดูที่ร้านเปลี่ยนเป็นอีกแบบแทน ซึ่งส่วนนี้เรามองว่าทีมงานค่อนข้างใส่ใจ และดีมากเลยที่ให้เราได้ไปเลือกเอง สวยไม่สวย ชอบไม่ชอบ เรามีส่วนในการตัดสินใจ ทำให้ได้แบบที่ถูกใจและตรงกับความต้องการของเราจริงๆ ไม่เพียงเท่านั้นอย่างเวลาที่เฟอร์นิเจอร์มาส่ง ช่างมาติดตั้งโคมไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ทางทีมงานก็จะเข้ามาช่วยดูความเรียบร้อยให้ มาคอยบอกว่าจะติดแบบไหน ความสูงประมาณไหน ทั้งยังมีแม่บ้านมาคอยทำความสะอาดให้เราด้วย ส่วนนี้เราค่อนข้างประทับใจมากจริงๆ”
คุณนุ้ยยังบอกกับเราทิ้งท้ายว่า “จากบ้านเปล่าที่ไม่มีอะไร 168 To Be Design เข้ามาจัดการให้ทุกอย่าง และใช้เวลาทำประมาณ 7 เดือนก็สามารถเข้าอยู่ได้เลยภาพรวมออกมาถูกใจมาก ตอนที่บ้านยังไม่เสร็จแล้วเราเข้ามาดูเรื่อยๆ ยังรู้สึกว่าอยากมาอยู่แล้วตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะออกแบบตกแต่งเต็มขนาดนี้ คิดว่าแค่พอให้สวยงามประมาณหนึ่ง เพราะวันหนึ่งเราก็ต้องมูฟออก สุดท้ายทำไปทำมาก็ออกมาเป็นอย่างนี้เลย เพิ่มตรงนี้ให้หน่อย ช่วยเพิ่มตรงนั้นให้ด้วย จนไม่เหลืออะไรให้ทำเพิ่มแล้วค่ะ ”
เจ้าของ คุณนุ้ย-โศรยา อภิรดีวรกุล
พื้นที่ใช้งานครัว 70 ตารางเมตร