เกษตรสุขกลางกรุง ชีวิตแสนสุขกับวิถีเกษตรอินทรีย์
เกษตรสุขกลางกรุง แหล่งปลูกผักอินทรีย์ของคุณแอน พรมศักดิ์ บนผืนดิน 3 งานครึ่ง ที่เธอกับสามี (คุณตี๋) ได้มาขอเช่าที่และพัฒนาผืนดินจากป่ารกร้าง มาปลูกบ้านหลังเล็กๆ ทำแปลงผักเกษตรอินทรีย์เพื่อปลูกไว้กินเองและขายผักเป็นอาชีพ จนเป็นที่มาของ เกษตรสุขกลางกรุง ที่ซ่อนตัวอยู่ท้ายซอยพหลโยธิน 53
หันหลังให้กับชีวิตที่เร่งรีบ
จุดเริ่มต้นเกิดจากร่างกายเรา ด้วยความที่เป็นคนต่างจังหวัด พอมาทำงานในกรุงเทพฯ เราก็ทำแบบเร่งรีบ ล่าฝัน ธรรมดาของคนไม่มีก็อยากจะมี สิ่งที่เราทำแต่ละอย่างก็ใช้แรง จากสาวโรงงาน มาเป็นผู้รับหมา และมาทำกิจการของตัวเองเปิดร้านข้าวมันไก่พัฒนาสูตรจนขายดี สุดท้ายไม่มีเวลาให้กับตัวเอง
พอมีเงินเราก็ซื้อเสื้อวินเก็บไว้ปล่อยให้เขาเช่าพอไม่มีใครเช่าก็ไปขับเอง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมา พอวันหยุดก็ไปเที่ยวไปซ่อมตัวเองตามที่ต่างๆ จนวันหนึ่งมีอาการเวียนหัว ซึ่งอาการไม่ได้รุนแรงมากแต่เรารู้สึกว่าไม่ปกติแล้ว หมอบอกว่ามีไขมันไนเลือดสูงต้องทานยาเพื่อช่วยลดไขมันในเลือด แต่เป็นคนไม่ชอบทานยาคุณหมอเลยบอกให้ปรับเปลี่ยนเรื่องการกินอาหาร
ก่อนมาเป็นเกษตรกรกลางกรุง
จากนั้นก็หันมาดูแลตัวเอง พอมาศึกษาเรื่องสุขภาพจริงๆ มันมีทั้งผักปลอดสาร ผักไอโดรโปรนิก ผักออร์แกนิค ซึ่งมีแยกไปหลายประเภทมาก เราไม่รู้เลยที่เรากินคือผักอะไร ก็มาศึกษาเรื่องผักปลอดสาร ที่เขาใช้เคมีในการปลูกได้แต่เก็บเกี่ยวในระยะปลอดภัย จึงเรียกว่าผักปลอดสาร ผักอินทรีย์ คือไม่ใช้เคมีเลย เราก็ลองซื้อมากิน สรุปว่าผักที่เป็นอินทรีย์กับผักออร์แกนิคค่อนข้างหาซื้อยาก ราคาสูง แต่รสชาติดี
ตอนนั้นอยู่ทาวน์เฮาส์ ก็เริ่มอยากปลูกผักกินเองก่อน สิ่งแรกที่ทำคือปลูกประเภทต้นอ่อน กับผักกระถาง กระเพรา โหระพา มะเขือ พริก จากนั้นก็มาศึกษาเรื่องผักใบ และอยากปลูกผักกินเองให้มากขึ้น ก็ศึกษาไปเรื่อยๆ ทั้งกูเกิ้ล ยูทูป จนมาเจอผักอินทรีย์ ทำปุ๋ยหมัก ทำน้ำหมักเอง ก็เริ่มทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง เอามูลสัตว์มาหมักกับปุ๋ยหมักง่ายๆ พอดีลูกค้าร้านข้าวมันไก่เขาเลี้ยงสัตว์อยู่ท้ายซอยที่เราอยู่ ก็เลยมาขอขี้ควาย ขี้ม้า ไปทำปุ๋ยหมักใช้เอง ด้วยความที่เราศึกษาสายอินทรีย์มาตั้งแต่แรก พอคิดจะปลูกผักกินเองก็ทำปุ๋ยหมักจากธรรมชาติอย่างเดียว แล้วพอมาขอมูลสัตว์เขามันก็เป็นเหตุให้มาเจอพื้นที่แห่งนี้
เกษตรสุขกลางกรุง สวนเล็กๆ แบบครอบครัว
“เกษตรสุขกลางกรุง” เป็นชื่อที่ตอบโจทย์ความเป็นอยู่ของเรา เราอยากเป็นเกษตรกรที่มีความสุขเราก็เลยใส่คำว่าสุขลงไป โดยเราเริ่มโพสเรื่องราวการปลูกผักของเราตั้งแต่เริ่มแรก มีการสร้างเพจ ทำยูทูป ถ่ายทอดความรู้การปลูกผักในแบบของเรา โดยแบ่งที่นี่เป็น 2 โซน คือโซนเติมสุข คงคอนเซปต์ที่เราอยากอยู่อยากเป็น มีบ้านหลังเล็กๆ มีแปลงผักรอบบ้าน ตื่นเช้ามาๆ นั่งกินกาแฟ ดูแปลงผักและมีความสุขกับผักของเรา เป็นสไตล์แปลงธรรมชาติปลูกผักผสมผสาน ซึ่งเน้นผักสลัด เช่น ผักกาดคอส เบบี้คอส บัตเตอร์เฮด กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค ฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก เรดปัตตาเวีย ผักกาดขาวญี่ปุ่นสำหรับทำกิมจิ หัวไชเท้า เรดิช แครอท ผักชี ต้นหอม สวิสชาร์ด เคล มะเขือเทศ ผักบุ้ง พริก มะเขือ ถั่ว แตง กะหล่ำปลี
สุดท้ายแล้วเราพัฒนาจนมาเป็น โซนเติมฝัน ในเมื่อเราไม่อยากออกไปขายของเราจะต้องมีรายได้มาซัพพอร์ตครอบครัว เราจึงตั้งใจปลูกผักให้ได้คุณภาพทุกรอบ มีระเบียบวินัยในการปลูกผัก เคร่งครัดในการดูแล มีแปลงในปริมาณที่มากพอกับความต้องการของลูกค้า พอปลูกแล้วผลผลิตงามเรื่อยๆ ก็มีคนมาขอเรียนรู้เรื่องการปลูก
เราก็เปิดสอนเป็นกลุ่มทั้งทาง Online และ Onsite ซึ่งต้องจองล่วงหน้าเข้ามา ฉะนั้นก็เป็นโซนเติมสุขที่คนเขาอยากมีวิถีแบบเรา และอยากเติมฝันด้วยการมีอาชีพขายผักเสริมสำหรับคนที่รักสุขภาพ เป็นความสุขความสัมพันธ์แบบยั่งยืน ได้เจอคนน่ารักในวงการเกษตรมากมาย กลายเป็นว่าคิดถูกที่เลือกวิถีนี้
ทำเกษตรให้มีความสุขด้วยพลังแห่งผักอินทรีย์
เมื่อเราคิดจะดูแลตัวเอง เราต้องมองว่า ผักก็เหมือนกับคน เขาถูกเลี้ยงดู ถูกปลูกมาอย่างไร สำหรับเรา ผักอินทรีย์ คือผักที่มีพลังชีวิตที่สุดเพราะเป็นผักที่ปลูกจากดิน ซึ่งเรามองว่าเป็นผักที่มีความแข็งแรง เมื่อมาศึกษาเรื่องสุขภาพก็ทำให้ได้ลงลึกไปเรื่อง พลังของผัก พลังของเอนไซน์ สิ่งที่ผักเขาจะมาดูแลเรา มาจากจุลินทรีย์จากธรรมชาติ มาจากธาตุอาหารจากธรรมชาติ ก็คือ ปุ๋ยหมัก ใบไม้ มูลสัตว์ จากแหล่งธรรมชาติที่เราทำเอง จากสิ่งที่เรากิน ซึ่งไม่มีอะไรที่มาทดแทนความเป็นธรรมชาติจากนี้ได้แล้ว
FB/ kasetsook12345
Line / @usr3108q