ท่าพิพิธภัณฑ์ หรือ Museum Pier เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งใหม่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ก่อตั้งโดยคู่รักนักสะสมงานศิลปะ คุณพิริยะและคุณกรกมล วัชจิตพันธ์ ผู้ก่อตั้ง The Art Auction Center บริษัทประมูลศิลปะอันดับ 1 ของประเทศไทย ที่รวบรวมผลงานศิลปะอันทรงคุณค่ามานับสิบปี ด้วยแนวคิด “พิพิธภัณฑ์ศิลปะเพื่อสาธารณะ” โดยนิทรรศการแรกของการเปิดท่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือนิทรรศการ 200 Years Journey Through Thai Modern Art History จากคอลเล็กชันส่วนตัวของทั้งคู่ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากการจัดเป็นครั้งแรกเมื่อกลางปี พ.ศ. 2567 ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (หอศิลปเจ้าฟ้า)

ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier)
เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะบนพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร ภายในอาคาร 3 ชั้น ตั้งอยู่ในโครงการ “ท่าช้าง วังหลวง” ใกล้กับท่าเรือท่าช้างและวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง เพียงข้ามฝั่งถนน โดยตัวอาคารถูกปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับการจัดแสดงงานศิลปะ


ท่าพิพิธภัณฑ์จึงไม่ใช่แค่พื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะ หากแต่เป็นเสมือน “ท่าที่เป็นชุมทางเชื่อม ต่อริมแม่น้ำ” ที่นำพาผู้คนเปิดเข้าสู่เรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆ มากมาย เปิดตัวด้วยนิทรรศการที่จะพาผู้คนเดินทางผ่านโลกของศิลปะและความเป็นไทยอย่างแท้จริง ที่ที่คุณจะได้สัมผัสถึงความหลงใหลในศิลปะและประวัติศาสตร์ของผู้ก่อตั้งที่ต้องการให้ Museum Pier เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงโลกแห่งศิลปะได้อย่างใกล้ชิด


“เราได้แรงบันดาลใจจากความสำเร็จของนิทรรศการ 200 Years Journey Through Thai Modern Art History ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ หอศิลป (หอศิลปเจ้าฟ้า) ที่มีผู้เข้าชมมากกว่าที่คิดไว้เยอะมาก เราจึงนำผลงานกว่าร้อยชิ้นมาจัดแสดงอีกครั้งที่ท่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตามคำเรียกร้องของผู้ชมที่ยังประทับใจนิทรรศการในครั้งนั้น รวมถึงการคัดเลือกผลงานศิลปะชิ้นที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อนนำมาจัดแสดงเพิ่มเติม ซึ่งทุกชิ้นล้วนแล้วแต่เป็นผลงานอันทรงคุณค่าและหาชมยาก เพื่อให้ทุกคนได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิด โดยเน้นภาพรวมของงานศิลปะแต่ละยุคสมัยในห้วงเวลา 200 ปีที่ผ่านมาจนถึงยุคปัจจุบัน” คุณพิริยะ ผู้ก่อตั้งท่าพิพิธภัณฑ์บอกเล่าถึงที่มาและนำพาเราเข้าสู่ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) ที่เปิดตัวด้วยนิทรรศการ 200 Years Journey Through Thai Modern Art History

นิทรรศการ 200 Years Journey Through Thai Modern Art History

การมาเยี่ยมชมนิทรรศการในครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่มาดูงานศิลป์ แต่ยังได้เห็นบริบทที่เกิดขึ้นในสังคมไทยในช่วงเวลานั้นๆ รวมถึงอิทธิพลจากภายนอกที่ส่งผลมายังแวดวงศิลปะของบ้านเรา โดยเราอยากเปิดโอกาสให้คนรักงานศิลป์ได้ร่วมกันชื่นชมผลงานศิลปะ ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ผลงานศิลปะที่ไม่ตาย คือผลงานศิลปะที่เปิดโอกาสให้ผู้คนได้ร่วมสัมผัส ยิ่งเป็นการต่อลมหายใจผลงานชิ้นนั้นๆ รวมถึงเชิดชูจิตวิญญาณของศิลปินผู้สร้างให้คงอยู่

โดยนำเสนอประวัติศาสตร์ศิลปะสมัยใหม่ของไทยให้เกิดเป็นภาพรวมชัดเจนในรูปแบบของพิพิธภัณฑ์ ไล่เรียงมาตั้งแต่ยุครุ่งอรุณของศิลปะสมัยใหม่ไทย หรือย้อนกลับไปเมื่อราว 200 ปีที่แล้ว ที่ขรัวอินโข่ง ศิลปินชื่อดังในสมัยรัชกาลที่ 4 เริ่มวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังผสมผสานกับอิทธิพลจากตะวันตก ต่อด้วยยุคที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินว่าจ้างศิลปินตะวันตกมาสร้างสรรค์ผลงานประดับปราสาทราชวัง สู่ยุคของศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี ผู้วางรากฐานให้กับวงการศิลปะ จวบจนปัจจุบันที่ศิลปินไทยเป็นปัจเจก สร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่มีผลงานชิ้นสำคัญของศิลปินรุ่นใหม่อย่าง Alex Face, Suntur, Gongkan และ Crybaby

ผลงานทั้งหมดถูกจัดแสดงบนพื้นที่ทั้งหมด 3 ชั้น แบ่งเป็น 8 โซน ใช้สีผนังที่แตกต่างกันในแต่ละโซนที่ชวนตื่นตาตื่นใจ โดยงานศิลปะทุกชิ้นยังมีความโดดเด่นและเต็มไปด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างพื้นที่ที่ไม่เพียงแต่เก็บรักษางานศิลปะระดับชาติ แต่ยังเป็นสถานที่ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของคนรักงานศิลปะทั่วโลกอีกด้วย


“ความฝันของเราสองคนคือการสร้างสังคมที่เห็นคุณค่าของงานศิลปะและวัฒนธรรมไทย ซึ่งสามารถส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้อย่างภูมิใจ การเปิดตัวท่าพิพิธภัณฑ์จึงเป็นมากกว่าสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะ แต่เป็นเป็นมรดกล้ำค่าที่เราจะฝากไว้ให้แก่ประเทศ” คุณพิริยะกล่าวถึงแนวคิดการผลักดันวงการศิลปะไทยให้ออกสู่สายตาชาวโลก ก่อนที่จะนำนิทรรศการนี้ไปจัดแสดงในรูปแบบของ Traveling Exhibition ในต่างประเทศ ส่วนท่าพิพิธภัณฑ์จะเปลี่ยนเป็นนิทรรศการหมุนเวียนที่มีความตื่นเต้นและน่าสนใจสลับสับเปลี่ยนกันไปตลอด



การได้ใช้เวลาภายในท่าพิพิธภัณฑ์ ไม่ได้หมายถึงการชื่นชมงานศิลปะเพียงอย่างเดียว หากแต่เปิดโอกาสให้เราได้ค้นพบตัวเองผ่านมุมมองใหม่ๆ สะท้อนถึงแง่คิดที่ศิลปินพยายามจะสื่อออกมาในมุมที่แตกต่างได้อย่างลุ่มลึก สุดแล้วแต่ว่าเราจะดื่มด่ำกับผลงานศิลปะแต่ละชิ้นผ่านห้วงอารมณ์ใด



สำหรับใครที่สนใจสามารถชมนิทรรศการ 200 Years Journey Through Thai Modern Art History ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เปิดบริการทุกวัน 09.00-17.00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ คนไทย 100 บาท ชาวต่างชาติ 300 บาท / นักเรียนและนักศึกษา (แสดงบัตรทุกครั้ง) 50 บาท และเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร เข้าฟรี
Website : https://www.museumpier.com/
FB : https://www.facebook.com/museumpier
IG : https://www.instagram.com/museumpier