พูดคุยกับสองทาสแมว ที่มองแมวเป็นโลกคู่ขนาน สุดท้ายโดนตกจนตอนนี้มีแมวอยู่ในอ้อมกอดแล้วถึง 9 ชีวิต

“ไม่เคยคิดจะเลี้ยงแมวเลย” “แมวชอบมาคลอเคลีย เราไม่ชอบ”           

“แมว จะเข้ามาเปลี่ยนโลกของเราได้อย่างไร” “ไม่เห็นด้วยเลยที่จะเลี้ยงแมว เราเป็นภูมิแพ้”

“เลี้ยงแมว ขนร่วงติดเสื้อผ้า เพิ่มงาน”

นี่เป็นหลากหลายข้ออ้างของคนที่ไม่เคยคิดจะเลี้ยงแมว นับเป็นสัญญาณที่บอกชัดแล้วว่า บรรดาเหมียวทั้งหลายไม่ได้รับสิทธิ์ให้เข้ามาย่ำกรายภายในบ้านหลังนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าจากวันแรกที่สองทาสแมว คุณอุ๊-ภัทราวรรณ พันธ์ภักดี และคุณหมวย-อัญชลี วรรณพฤกษ์ เริ่มเลี้ยงแมวตัวแรกจนกระทั่งปัจจุบัน บ้านหลังนี้กลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีจำนวนพลแมวอยู่ร่วมกันถึง 9 ชีวิต

ครั้งนี้เราเลยอยากชวนคนรักแมว คนเลี้ยงแมว คนที่รู้สึกเฉยๆ กับแมว รวมถึงคนที่ไม่เคยคิดจะเลี้ยงแมว มานั่งฟังบทสนทนาของคุณอุ๊และคุณหมวยว่าทำไมทั้งคู่จึงมีประชากรแมวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างที่เราเริ่มพูดคุยกันมีพลเหมียวบางส่วนมาร่วมแจมและเอนจอยกับบทสนทนา นั่งฟังเรื่องของตัวเองอยู่ตรงบันไดบ้าง  บนโต๊ะบ้าง ในขณะที่บางตัวก็เข้ามาคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง…ตอนนี้เราเริ่มเข้าใจนิดหนึ่งแล้วว่าทำไมทั้งคู่จึงตกหลุมรักบรรดาเหมียวได้มากขนาดนี้

คุณอุ๊เล่าว่าเธอเคยเลี้ยงสุนัขเมื่อครั้งยังเด็ก จวบจนมีบ้านหลังนี้จึงคิดอยากเลี้ยงสุนัขอีกครั้ง แต่ด้วยข้อจำกัดของขนาดบ้านที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเลี้ยง สุนัขจึงถูกปัดตกโดยเหลืออีกหนึ่งตัวเลือกก็คือ เลี้ยงแมว “เราอยากให้บ้านดูมีมูฟเมนต์ แต่ด้วยข้อจำกัดและการเลี้ยงสุนัขเราต้องมีกิจกรรมที่ทำร่วมกับเขาเยอะกว่า เลยคิดว่าเลี้ยงแมวน่าจะเหมาะกว่า แต่พี่หมวยไม่เห็นด้วย” คุณหมวยพูดเสริม “หมวยเป็นภูมิแพ้ แล้วเท่าที่ทราบก็คือถ้าเลี้ยงแมวขนเขาจะร่วงติดเสื้อผ้า เพิ่มงานให้กับเราอีก”

“อีกอย่างพี่หมวยคิดว่าอุ๊ไม่น่าจะมีความสามารถที่จะดูแลอะไรได้ เพราะเราใช้ชีวิตตามสบาย ไม่มีแพลนอะไรเลย ซึ่งพี่หมวยเห็นอุ๊ในแบบนั้นมาตลอด เขาเลยคิดว่า…คุณจะเลี้ยงแมวได้เหรอ แต่สุดท้ายอุ๊ยังคงดึงดันที่จะเลี้ยงให้ได้ แสนดีจึงเป็นแมวตัวแรกที่อุ๊รับมาโดยที่พี่หมวยเขาไม่เห็นด้วย”

แสนดี แมวตัวแรกของบ้าน

“อุ๊ได้น้องแสนดีมาจากเพื่อน เพราะเห็นในความน่ารักของเขาแค่นั้นเลย โดยมีความรู้ในการเลี้ยงแมวน้อยมาก ก็เลยขอคำแนะนำและวิธีการเลี้ยงจากเพื่อนๆ ควรเลี้ยงเขายังไง ให้อาหารแบบไหน” คุณหมวยเสริมต่อ “ตอนแรกๆ ที่หมวยเลี้ยงเขา ด้วยเพราะอุ๊ไปทำงาน ส่วนหมวยหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็เลยได้อยู่กับแสนดีตามลำพัง แต่ด้วยความน่ารักของเขา จากที่เคยไม่ชอบแมวกลายเป็นหลงรักแมวไปเลย” (ยิ้ม)

“สิ่งที่ทำให้เราเรียนรู้ในช่วงระหว่างที่รับเขามาอยู่ด้วยเป็นเรื่องของการเรียนรู้นิสัยใจคอ ชอบอะไรไม่ชอบอะไร เวลาไหนที่เราจะเข้าหาเขาได้ เวลาไหนไม่ควรเข้าหา” คุณอุ๊หันไปแซวคุณหมวยต่อว่า “แล้วเวลาเขาอยากได้อะไรตามใจไหม” “ก็ตามใจ” คุณหมวยตอบแบบอมยิ้ม (คุณอุ๊หัวเราะ)

“หมวยจะใช้วิธีสังเกตว่า ถ้าเราเข้าใกล้เขา เขาจะชอบไหม ถ้าไม่ชอบจับตรงนี้แล้วเขาจะชอบไหม ค่อยๆ ไล่ไปเรื่อยๆ ควรทำแบบไหนเพื่อให้เขาอ้อนเราได้มากที่สุด อย่างเวลาเกาคางแล้วเขามาอยู่ใกล้เรา เราก็จะจำไว้ แต่ถ้าเราจับส่วนไหนแล้วเขาวิ่งหนีนั่นแสดงว่าเขาไม่ชอบ”

“สำหรับอุ๊สิ่งที่ได้เรียนรู้เพิ่มก็คือ เขาจะไม่เข้าหาเราก่อน เขาจะเข้าหาเราเฉพาะเวลาที่เขาต้องการเรา เช่น หิว ห้องน้ำไม่สะอาด อยากเล่น อยากให้เกา”

คุณหมวยเสริมเพื่อให้เราเห็นภาพชัดมากขึ้นว่า “ปกติเรามักคาดหวังว่าเวลาเราเลี้ยงสัตว์หรือมีเด็กเล็กๆ หากเรากลับมาจากที่ทำงาน จะคาดหวังว่าเขาต้องวิ่งมาหา มาต้อนรับ แต่สำหรับแสนดีไม่ใช่อย่างนั้น เรากลับเป็นฝ่ายที่ต้องเข้าหาเขา”

หลังจากทั้งคู่เลี้ยงแสนดีมาด้วยความรัก ผ่านไปไม่ถึงปีก็มีอีก 2 ชีวิตเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ “ปรีดา” แมวเพศชาย ผู้ที่มีหัวใจอบอุ่น แถมเสียงหวาน ซึ่งคุณอุ๊และคุณหมวยตั้งฉายาให้ปรีดาว่า “หน้าโหดโหมดคิตตี้ หน้าไม่ยิ้มแต่มีความน่ารักละมุนละไม” คอยควบคุมและดูแลน้องๆ ซึ่งปรีดาเป็นแมวที่ทั้งคู่ไม่ตั้งใจรับเลี้ยง แต่ทนความน่ารักของเขาไม่ไหว ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะรับ “พาสุข” (แมวอเมริกันช็อตแฮร์ มีความ Introvert แต่แอบนวดเก่งแถมขี้น้อยใจที่สุด) กลับบ้าน แต่แล้วจู่ๆ ปรีดาก็วิ่งพุ่งตรงเข้าหาคุณหมวย กลายเป็นว่าในวันนั้นพวกเขากลับบ้านพร้อมสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 ชีวิต

แสนดี ปรีดา พาสุข แก๊งแมวมหา’ลัย

เมื่อรุ่นพี่ที่อยู่มาก่อนอย่างแสนดีที่มีนิสัยเย่อหยิ่ง แถมคาแรกเตอร์ชัดเจนและคอยฝังความคิดในหัวไว้อยู่เสมอว่า “ชั้นคือคนๆ หนึ่ง ที่เป็นเจ้านายของบ้านหลังนี้” จะทำอย่างไรเมื่อมีแมวรุ่นน้องเข้ามาใหม่ แต่ด้วยความอยู่เป็นของแมวหนุ่มอย่างปรีดาที่มีนิสัยขี้เล่น แถมหล่อเหลาอยู่ไม่น้อยที่ค่อยๆ เข้าหารุ่นพี่แสนดีอยู่บ่อยๆ จึงทำให้แมวทั้ง 3 ชีวิตอยู่ด้วยกันได้อย่างราบรื่น

มาถึงตอนนี้ทุกคนคงอดสงสัยไม่ได้ว่า ในเมื่อมีแมวตั้ง 3 ตัวแล้ว “ขุนเขา” กลายเป็นแมวตัวที่ 4 ได้อย่างไร เราคงต้องเล่าเท้าความถึงรูปพรรณสัณฐานของแก๊งแมวมหา’ลัยกันสักหน่อย แสนดีและพาสุขเป็นแมวที่มีขนสั้น ส่วนปรีดาเป็นแมวที่มีขนยาว ด้วยความทึกทักไปเองของคุณหมวยที่คิดว่าปรีดาเป็นแมวตัวเดียวที่มีขน ให้อารมณ์เหมือนการแบ่งแยกสีผิว เพราะฉะนั้นต้องรับเลี้ยงแมวที่มีขนเพื่อให้มาอยู่เป็นเพื่อนกับปรีดา

ขุนเขา สมฉายาแมวส้ม

ขุนเขา แมวส้มขนยาวหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมที่มีความย้อนแย้งในตัวเอง เป็นแมวขี้กลัวแต่มีกลับมีนิสัยดื้อและซนที่สุด จึงกลายเป็นแมวตัวที่ 4 ที่เข้ามาอยู่ในบ้าน แต่เขาจะเข้ามาเติมเต็มความเป็นเพื่อนให้กับปรีดาหรือสร้างเรื่องราวให้แก๊งพี่ๆ กันแน่นะ

ให้เกียรติแมวที่อยู่มาก่อน

ความสนุกของประชากรเหมียวยังดำเนินไปไม่ถึงครึ่งทาง เราเกิดอยากรู้ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างแมวเก่าและแมวใหม่จนได้คำตอบจากคุณอุ๊และคุณหมวยถึงการเลี้ยงดูที่ต้องให้เกียรติแมวที่อยู่มาก่อน โดยให้ความใส่ใจกับแมวรุ่นพี่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่หลับที่นอนหรือแม้แต่อาหาร โดยในช่วงแรกๆ ต้องห้ามไม่ให้แมวรุ่นน้องแย่งที่นอนหรืออาหาร รวมถึงปริมาณของอาหารก็ต้องให้เท่าเดิมหรือให้มากกว่า เพื่อแมวรุ่นพี่จะได้ไม่รู้สึกว่ามีใครมาแย่งความรักหรือถูกแย่งในสิ่งที่เขาเคยได้

เจ้าขวัญ แมวที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ทุกคนเคยเห็นแมวมีไฝกันหรือเปล่า เราจะบอกว่า “เจ้าขวัญ” เป็นแมวสามสีตัวอ้วนปุ๊ก หน้าตาน่าเอ็นดูแถมมีไฝอยู่ตรงจมูก บุคลิกที่เห็นชัดของเจ้าขวัญที่ไม่ว่าใครมาแวะเวียนที่บ้านหลังนี้มักจะเห็นเจ้าขวัญอยู่ในอากัปกิริยาที่กำลังกิน กิน และกิน ถ้าใครให้เขากินเยอะเป็นพิเศษก็มักจะไปออดอ้อนกับคนนั้น แต่หากอิ่มเมื่อไหร่ อย่าคิดว่าจะได้เห็นเงาของเจ้าขวัญอีกเลย

พันดาว แมวที่มีค่าตัวสูงถึง 6 หลัก

แค่ชื่อก็ดูสวยดุจนางฟ้ามาเกิดเลยทีเดียว “พันดาว” แมวพันธุ์แร็กดอลล์ที่มีค่าตัวสูงมากถึง 6 หลัก หน้าตาดีแถมเป็นมิตร ทำหน้าที่รับแขกและเป็นเหมือนทูตสันถวไมตรี แถงยังไม่เคยกลัวใคร แต่แอบมีนิสัยที่ขี้อิจฉาเล็กๆ ซึ่งคุณอุ๊และคุณหมวยให้ฉายาพันดาวว่า “คนสวยขี้อิจฉา” แต่ถึงอย่างไรคนสวยก็ยังเป็นคนสวยอยู่วันยังค่ำ เพราะด้วยความขี้อ้อนและเฟรนด์ลีจึงได้ตำแหน่งครองหัวใจจากทุกคนรวมถึงเราด้วย  

คาร์บอน แมวจรที่ผ่านอะไรมาเยอะ

“คาร์บอน” แมวจรสีดำที่ใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน แต่เมื่อเข้ามาอยู่ภายในบ้านหลังนี้นิสัยเขากลับเปลี่ยนไป กลายเป็นแมวเพศชายที่ดูอ่อนโยน แถมยังเป็นแมวโตที่สามารถเข้าแก๊งแมวเด็กได้อย่างเหลือเชื่อ คุณอุ๊และคุณหมวยเล่าว่า คาร์บอนเป็นแมวที่เคยมีเจ้าของมาก่อน ซึ่งอยู่เยื้องๆ กันกับบ้านของเธอ ด้วยความที่ผ่านอะไรมาเยอะจึงค่อนข้างระวังตัวมากอยู่สักหน่อย จากวันหนึ่งที่เคยมีเจ้าของก็กลายเป็นแมวผู้โดดเดี่ยว กลัวเสียงฟ้าร้องมากเป็นพิเศษ และด้วยความสงสารคุณอุ๊และคุณหมวยจึงรับมาเลี้ยง แต่ทั้งคู่หารู้ไม่ว่า เจ้าคาร์บอนได้ล็อกเป้าไว้แต่แรกแล้วว่า “เราจะเข้ามาใช้ชีวิตอยู่บ้านหลังนี้”

ถึงแม้ทั้งคู่จะเหนื่อยใจกับเจ้าคาร์บอน เนื่องจากเป็นแมวโตที่ใช้ชีวิตตามลำพังมาสักระยะ เรียกว่ากว่าจะศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอกันและกันก็เล่นเอาหมดพลัง แต่สุดท้ายเมื่อรับคาร์บอนเข้าบ้านมาเลี้ยงดูกลับได้สเปซใหญ่ยักษ์เป็นของตัวเอง เพราะคุณอุ๊ คุณหมวย ตั้งใจต่อเติมพื้นที่ข้างบ้านให้คาร์บอนโดยเฉพาะ แต่สุดท้ายคาร์บอนก็มักจะพาตัวเองไปนอนอยู่หลังตู้เย็นทุกครั้ง

เจ้าบี๋ แมวตัวแรกที่เลี้ยงตั้งแต่เบบี๋

“เจ้าบี๋” เป็นแมวจรอีกหนึ่งตัวที่ได้เข้ามาใช้ชีวิตอยู่กับคุณอุ๊ คุณหมวย และแมวรุ่นพี่ทั้ง 7 เป็นแมวดื้อที่ไม่ทำลายข้าวของ เข้าหาทุกคนได้ แถมกินเก่ง ที่สำคัญยังสนิทกับพันดาวเอามากๆ เพราะพันดาวคอยเป็นพี่เลี้ยงและมักแต่งตัวให้เจ้าบี๋อยู่บ่อยๆ แต่เบื้องลึกเบื้องหลังของเจ้าบี๋นั้นแสนจะน่าสงสาร เป็นแมวจรที่ตกจากหลังคาร้านล้างรถ ซึ่งคุณหมวยไปเจอเข้าโดยบังเอิญจึงปรึกษากับคุณอุ๊ว่าจะทำอย่างไร เพราะเป็นแมวที่เพิ่งเกิดได้ไม่กี่วัน แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็รับอุปการะตั้งแต่ป้อนนม กระตุ้นฉี่ และฝึกให้เข้ากระบะทราย  

แมวตัวสุดท้ายที่ได้มาเหมือนโดนสะกดจิต

เวลาเราเห็นหรือดูอะไรบ่อยๆ ที่เราชอบมันให้ความรู้สึกเหมือนโดนต้องมนต์กับสิ่งนั้นๆ “ชีวา” เป็นแมวน้องเล็กของบ้านก็จริง แต่เป็นแมวที่โตมากแล้วจึงใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับแมวรุ่นพี่ค่อนข้างนาน แถมเข้าหาเพื่อนไม่เป็น จึงใช้วิทยายุทธทางเสียงข่มและขู่แมวตัวอื่นๆ จนคุณอุ๊และคุณหมวยพูดติดตลกว่า แมวตัวอื่นๆ จะกลัวเขา เพราะนอกจากจะตัวใหญ่แล้วยังเป็นแมวที่ไม่มีหูอีกต่างหาก ชีวาแมวสีขาวขนฟูหน้าอึนจึงมีฉายาเก๋ที่สุดในบ้านว่า “ชีวา แมวไม่มีหู”

มาถึงตรงนี้…เราใช้เวลาพูดคุยและถ่ายภาพรวมกันกว่า 2 ชั่วโมงก็จริง แต่เป็น 2 ชั่วโมงที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเรื่องเล่าสนุกๆ หรือความวุ่นวายของเจ้าเหมียวก็ทำเอาเราหลงรักไปโดยไม่รู้ตัว บทสนทนายังคงไหลลื่น แม้คุณอุ๊และคุณหมวยยังไม่สามารถบอกได้ถึงอนาคตว่าจะเจอแมวเข้ามาหาในรูปแบบใด อาจเป็นพรหมลิขิตหรือช่วงจังหวะที่ทำให้พวกเขาได้เจอกัน แต่การเลี้ยงแมวสำหรับทั้งคู่กลายเป็นมวลความสุขที่ก่อตัวขึ้นอย่างมหาศาล สร้างทั้งเรื่องราว รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ รวมถึงลักษณะนิสัยที่ทำให้ทั้งคู่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ใส่ใจคนรอบข้าง เป็นผู้ให้ได้มากขึ้น ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น อ่อนโยนและใจเย็นได้มากกว่าเดิม

เราเชื่อเหลือเกินว่าทั้งคุณอุ๊และคุณหมวย พร้อมน้องแมวอีก 9 ชีวิตจะต้องมีเรื่องเล่าสนุกๆ ที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เป็นความสุขเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นทีละเล็กละน้อยอยู่ภายในบ้านหลังนี้

wassukon

wassukon

ไม่ได้จบโดยตรงด้านออกแบบ แต่ฝันอยากเป็นสถาปนิกแล้วโลกก็เหวี่ยงให้มาเขียนงานด้านออกแบบเป็นสิบปี ตอนนี้เลยมีโลกส่วนครัวมากกว่าโลกส่วนตัวไปแล้ว