บางคนอาจจะพอรู้ประวัติของผู้ชายคนนี้ที่ชื่อ กิตติพันธ์ ลี้ศัตรูพ่าย หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า “บอสนัท” นอกจากจะโด่งดังใน TikTok ด้วยเสียงนุ่มทุ้มลึกมีเสน่ห์ชวนฟัง รวมถึงลีลาในการร้องเพลงที่เป็นตัวเองและมีเอกลักษณ์ แต่ในอีกมุมเขายังเป็นเจ้าของ Letana Hotel & Restaurant ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบในตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท โดยก่อตั้ง Letana Hotel & Restaurant ตั้งแต่คิดและลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเอง จนกระทั่งทุกวันนี้กลายเป็นอาณาจักรเลอทาน่ามีพื้นที่กว่า 6 ไร่ ที่เขายังคงพัฒนา แถมยังสนุกกับการสร้างดินแดนแห่งนี้ไม่รู้จบ
คุณนัทเล่าถึงจุดเริ่มต้นของเลอทาน่าให้เราฟังอย่างออกรสว่า “ก่อนหน้านี้ผมทำเกี่ยวกับธุรกิจรีไซเคิลและของเก่ามาก่อน ด้วยความที่ชื่นชอบของเก่าเป็นทุนเดิม พอมีโอกาสได้ทำโรงแรมเลยอยากทำโรงแรมแนวอินดัสเตรียลคลาสสิก มีทั้งของเก่าและมีความเป็นอินดัสเตรียล เริ่มต้นจากโรงแรมขนาด 70 ห้อง มีคาเฟ่เล็กๆ อยู่ชั้นล่างซึ่งเปิดตามมาไม่เกิน 10 โต๊ะ เราทำที่นี่กันเอง ตกแต่งเอง แล้วก็ยังทำกาแฟเอง รวมถึงเล่นดนตรีเองด้วย”
คุณนัทไม่เคยทำธุรกิจทางด้านโรงแรมมาก่อนก็จริง แต่เรามองว่าเขามีวิสัยทัศน์และมุมมองของการเป็นนักธุรกิจที่น่าสนใจทีเดียว ก่อนหน้าจะเปิดเป็นโรงแรมทราบมาว่าคุณแม่ของคุณนัทอยากใช้พื้นที่ที่มีอยู่ทำอพาร์ตเมนต์ แต่คุณนัทออกความเห็นว่าทำโรงแรมเลยน่าจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยหากธุรกิจตรงนี้ไม่เป็นไปตามที่มุ่งหวังก็ยังปรับเปลี่ยนเป็นอพาร์ตเมนต์ได้ “ผมไม่มีความรู้เลย เริ่มจากตัวเองอยากลองทำเท่านั้นเลย หลังจากเปิดโรงแรมและมีคาเฟ่ก็ไม่คิดว่าคนที่ไม่ได้พักโรงแรมจะมาคาเฟ่กันเยอะขนาดนี้ กลายเป็นว่าผมสนุกกับการทำงานตรงนี้มาก ด้วยความที่เราก่อสร้างทุกอย่างเองเลยต่อเติมที่นี่ไปเรื่อยๆ
“เอาจริงๆ ผมไม่ได้คิดหรือมองไปไกลเลยนะ แค่คิดว่ามีลูกค้าก็พอแล้ว ผมเปรียบเทียบการขยับขยายที่นี่เหมือนการแต่งบ้านแล้วกันครับ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังแต่งไม่จบ ต่อเติมไปเรื่อยๆ ถ้ามีที่ก็อยากขยายบ้านออกไป อีก เพื่อรองรับเพื่อนบ้านที่จะมาเที่ยว ผมมีความคิดแบบวันต่อวันเท่านั้น อีกอย่างทำเพื่อสนองความต้องการของตัวเราเอง ดึงเอาสิ่งที่ชอบมารวมไว้อยู่ที่นี่โดยใช้ของเก่ากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นสไตล์ของที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นเลย เพราะผมอยากให้ที่นี่สวยเหมือนกันในทุกๆ มุม อยากมีที่ให้ลูกค้านั่งอย่างเพียงพอและแฮปปี้ในทุกๆ จุด
“นอกจากของเก่าที่นำมาสร้างบรรยากาศในการตกแต่งแล้วที่นี่ก็ยังมีดนตรี เพราะผมเป็นคนชอบดนตรี คือชอบอะไรก็จะเอามาใส่ แต่จะมีความเชื่อมโยงระหว่างเรากับลูกค้านั่นคือ ความเป็นเพื่อน คำว่าโรงแรมมันเป็นแค่ชื่อทางกฎหมายเท่านั้น แต่ที่นี่ผมมองว่ามันเหมือนบ้านที่รองรับเวลาเพื่อนมาหามากกว่า”
จากคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจด้านโรงแรมและร้านอาหาร แต่เรียกว่าประสบความสำเร็จมาเกินครึ่ง ด้วยความอยากลองในวันนั้นกลายเป็น Letana Hotel & Restaurant ในทุกวันนี้ซึ่งดำเนินธุรกิจมาแล้วกว่า 7 ปี มีผู้คนหลั่งไหลและแวะเวียนกันมาไม่เคยขาด แต่ภายใต้การทำงานที่เติบโตนั้นคุณนัทกลับไม่มีแม่แบบในการทำงาน “ใช่ครับ คำใหญ่ๆ ของผมคือ มั่ว แต่ว่าเราเรียนรู้กับความมั่ว เกิดจากเราอยากลอง เราไม่ได้เรียนอยู่ในห้องเรียน เราลงมือทำถ้าผิดเรารู้เลยว่าผิด ไม่ใช่ก็สามารถแก้ไขได้เลย หรือถ้าผิดยังพอไปได้ แล้วมันกลายเป็นได้ของใหม่ ผมเลยชอบการทำอะไรด้วยตัวเอง เหมือนงานอดิเรกที่เรารัก และเราสนุกอยากทำในทุกๆ วัน
“คนมักจะพูดกันว่า…ผมเป็นคนโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่รัก แต่ผมมองว่าไม่ใช่เลย ผมรักในสิ่งที่ทำมากกว่า อย่างนี้ถ้าผมรักการร้องเพลงผมก็ไม่ทำอย่างอื่นแล้ว ใช่ไหมครับ แบบนี้ถ้าผมไม่รักการทำงานอย่างอื่นผมก็ทำไม่ได้แล้วสิ…ซึ่งไม่ใช่ ผมรักในสิ่งที่ทำก็คือทำแล้วค่อยรักมัน ยกตัวอย่างอย่างเช่น คนงานก่อสร้างของผม คนนี้เขาไม่ได้ทำในสิ่งที่รัก เขาไม่ได้รักในงานก่อสร้างมาก่อน แต่เขาทำก่อสร้างแล้วเขาค่อยรักมันต่างหาก ทำแล้วสนุกก็ค่อยๆ รักมันขึ้นเรื่อยๆ เป็นอย่างนั้นมากกว่า
“อย่างตอนผมเริ่มร้องเพลง ผมไม่ได้บอกว่าเกิดมาผมรักการร้องเพลง อยากเป็นนักร้อง ผมแค่รู้สึกว่ามันน่าลองนะ…น่าจะสนุก แล้วพอเราได้ทำกลายเป็นว่าสนุก จากนั้นผมจึงค่อยๆ รักมัน เพราะการร้องเพลงเหมือนการปลดปล่อย มันไม่มีอาชีพไหนที่ขึ้นไปแล้วสามารถจะทำอะไรก็ได้บนเวที”
การทำธุรกิจก็เหมือนการเดินทาง ไม่มีใครที่สามารถเดินได้โดยลำพังแล้วถึงเป้าหมาย ทุกการก้าวย่างย่อมมีผู้คนผ่านเข้ามา มีคนคอยสนับสนุนและช่วยเหลือ เช่นเดียวกับการเดินทางในสายธุรกิจของคุณนัทที่ต้องประกอบไปด้วยพนักงานจำนวนมาก “ด้วยความที่ผมเป็นผู้บริหารที่ลงมือทำ เรามีความเข้าใจในตัวพนักงาน เราเป็นคนอยากมีคุณภาพชีวิตตัวเองที่ดี แล้วเราก็อยากให้คนที่อยู่ใกล้ๆ อย่างพ่อ แม่ พี่ น้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยเช่นกัน จากนั้นก็เขยิบออกมาเป็นพนักงานของเราที่อยากให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกๆ วันเท่าที่จะเป็นไปได้ อาจจะยังไม่ได้ดีที่สุด แต่จะค่อยๆ ทำให้พวกเขาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี พอเขามีคุณภาพชีวิตที่ดี เขาก็จะแฮปปี้กับการทำงาน มีแรง มีความสุขมากพอที่จะส่งต่อบริการดีๆ ไปยังลูกค้า”
บทสนทนาเดินทางมาถึงช่วงท้าย ก่อนที่คุณนัทจะพาเราเดินชมอาณาจักรของเขา เราถามคุณนัทว่ากว่าจะมาถึงทุกวันนี้ท้อหรือพอใจกับชีวิตในทุกวันนี้อย่างไร เขาตอบพร้อมกับอมยิ้มว่า “ไม่มีเวลาให้ท้อเลยครับ ถ้าเราท้อแล้วคนอื่นที่เราดูแลเขาล่ะ ผมแค่มองว่าวันนี้ทำได้เท่าไหร่ก็ทำเท่านั้น มีแรงเท่าไหร่ก็ทำให้สุด ไม่มีกั๊ก ทำวันนี้อย่างเต็มที่ โรงแรมนี้ก็ยังมีข้อบกพร่อง ไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ ไม่ได้ดีไปหมด ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกเยอะแยะมากมาย เพียงแต่เราไม่สามารถทำทุกอย่างให้เสร็จได้ภายในวันเดียว ถ้าวันนี้ทำได้ดีแล้วพรุ่งนี้ก็ทำให้ดีขึ้นไปอีกแค่นั้น”