Garden Kitchen & Home

All Weather Farm ฟาร์มปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ที่เชื่อมชีวิตคนเมือง


“เมื่อถึงเวลาที่จุดๆ หนึ่งเรามีความพร้อม เราจึงออกมาทำสิ่งที่ชอบ พอมาทำแล้วมีความสุข จากที่ต้องทำงานในเมือง วันหนึ่งเสียเวลากับการเดินทาง ทุกวันนี้ผมตื่นเช้ากว่าเดิมลงมาทำงานในสวน จัดการสัตว์ทุกอย่างเองทั้งหมด คุณภาพชีวิตก็ดีกว่าเดิม มีความสุขกับชีวิตมากกว่าเดิมเยอะ

เรื่องราวแรงบันดาลใจของคนที่ทำฟาร์มปลูกผักที่บ้าน บวกกับความตั้งใจอยากจะทำฟาร์มผักที่เปลี่ยนมุมมองให้คนเห็นว่าฟาร์มผักก็ทำให้สวยได้ คุณเซ้ง-สุรพงศ์ สหชัยวัฒนา อดีตโบรกเกอร์ที่ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกร มีฟาร์มปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ จนเป็นที่มาของฟาร์มคาเฟ่ All Weather Farm ปัจจุบันคุณเซ้งได้พัฒนาพื้นที่สู่ฟาร์มแบบเต็มรูปแบบบนเนื้อที่ 9 ไร่ เพื่อให้คนที่สนใจเกษตรที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรได้เข้ามาศึกษา และให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดโลกเกี่ยวกับฟาร์มเกษตรสำหรับทุกคน 

จากโบรกเกอร์มาเป็นเกษตรกร

ผมกับแฟนทำงานโบรกเกอร์มาร่วม 10 กว่าปี พอแฟนเป็นออฟฟิศซินโดรมทำให้ต้องลาออก ส่วนผมยังทำงานประจำอยู่ก็เลยหาอะไรเสริมทำ เริ่มจากปลูกเมลอนโดยใช้พื้นบนบ้าน ได้ผลก็กินเอง ก็สนุกดี หลังจากนั้นได้ศึกษาหาข้อมูลไปเรื่อยๆ และไปอยู่ในกลุ่มปุ๋ยหมักแม่โจ้ที่ทำเกี่ยวกับปุ๋ยหมักอินทรีย์ ประกอบกับมีเพื่อนสนิทเขาเช่าที่ไว้ตรงแถวซอยวัดพระเงินซึ่งเป็นแหล่งตลาดต้นไม้

เพื่อนผมเขารับจัดสวนและมีที่เหลืออยู่เลยขอใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งเพื่อปลูกผัก เช่น กวางตุ้ง ผักใบทุกชนิด หมักปุ๋ยเอง เป็นการทดลองของเราเล็กๆ ว่าจะทำได้ไหม ทำแล้วชอบหรือเปล่า และทำปลูกขายด้วย รายได้สัปดาห์หนึ่งประมาณหลักร้อย ซึ่งตอนนั้นผักออร์แกนิกยังไม่บูม เราก็ปลูกกินเอง ส่วนหนึ่งก็แบ่งขายเพื่อนที่โบรกเกอร์ด้วย ทำอยู่ประมาณปีกว่า ทุกวันจันทร์-ศุกร์แฟนจะปลูกผักอยู่ที่บ้าน เสาร์-อาทิตย์ผมก็จะไปลงแปลงปลูกผักที่ซอยวัดพระเงิน ถือเป็นช่วงเวลาการลงทุนเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้

พอรู้สึกว่าตัวเองชอบปลูกผักแล้วจึงมองหาที่ใกล้ๆ บ้าน เริ่มจากเช่าที่เพื่อสร้างโรงเรือนปลูกผักทั่วไป โดยผมจะไม่ปลูกผักชนิดเดียว เพราะตอนที่ทดลองการปลูกผักอินทรีย์ สำหรับผมถ้าเราปลูกพืชเชิงเดี่ยว พืชแต่ละชนิดจะมีแมลงของมัน ฉะนั้นถ้าเราปลูกผักชนิดเดิมๆ ซ้ำ แมลงตัวเดิมก็จะมาเรื่อยๆ ดังนั้นพอปลูกพืชชนิดนี้เสร็จก็จะเปลี่ยนพืชอื่นมาปลูก เวียนไปเรื่อยๆ สวยก็ขาย ไม่สวยก็กินเอง

ฟาร์มคาเฟ่ All Weather Farm 

เมื่อทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่าง และถึงจุดอิ่มตัวจากงานประจำ ผมเลยออกมาทำฟาร์มแบบเต็มตัว โดยการทำฟาร์มที่นี่เริ่มต้นจาก 4 โรงเรือน เมื่อก่อนทำเป็นโรงเรือนปิด มีตาข่าย พอทำไปสักพักแมลงเข้าแล้วไม่ออก ในโรงเรือนก็ร้อน คิดว่าสมัยปู่ย่าตายายทำเกษตรเขาก็ทำแบบตามธรรมชาติ ก็เลยตัดสินใจเอามุ้งออกเหลือแต่หลังคากันฝนอย่างเดียว แล้วเราก็ปลูกตามปกติ มีแมลงไหม…มี แต่พอเราเปลี่ยนพืชปลูกแมลงก็จะกินน้อยลง ฉะนั้นเราจึงปลูกพืชหมุนเวียนที่นำมาประยุกต์ในแบบของเรา ตอนนั้นทดลองหลายแบบ

สมัยก่อนที่เริ่มต้นทำจะปลูกบนโต๊ะ ทำโต๊ะปลูกผักจากไม้ไผ่ พอมาทำที่นี่ก็เทพื้นเพราะไม่อยากยุ่งกับหญ้า สุดท้ายพืชตายเพราะปูนร้อน กลายเป็นว่าปลูกไม่ได้เลยต้องปรับเปลี่ยนใหม่ แล้วมาจบด้วยวิธีการแบบเดิมคือการปลูกลงดิน ตอนนี้โรงเรือนแรกไม่ได้ปลูกแล้ว รอแก้ไขปรับปรุงเป็นอย่างอื่น โรงเรือนที่ 2 คือ เลี้ยงไก่ไข่ เริ่มจาก 80 ตัว จนปัจจุบันเลี้ยงอยู่ที่ 300 ตัว เป็นพันธุ์ไก่ไข่ไฮบริด พันธุ์ไก่ลูกผสม

ซึ่งไก่ที่เลี้ยงอาหารเราก็ผสมเอง ไม่ได้ซื้อหัวอาหารที่เป็นกระสอบ แต่ผมจะคำนวณหาส่วนผสมเองว่าต้องกินโปรตีนเท่าไร แล้วหาส่วนผสมที่หาได้ เช่น รำละเอียด ปลายข้าว ปลาป่น เปลือกหอย กากถั่วเหลือง แล้วซื้อเครื่องผสมอาหารใส่ถังเก็บไว้ จากโรงเรือนต่อมาเราก็ขยายทำแปลงปลูกผัก สร้างร้านอาหาร คืออยากให้คนเข้ามาดูว่าคุณสามารถปลูกผักที่บ้านเองได้ มันก็เป็นจุดเริ่มที่ทำให้ผมเริ่มปลูกผักที่บ้านเหมือนกัน

ทำเกษตรให้ผสมผสานกับความเป็นอยู่

จากที่ทำมาทั้งหมดเราเริ่มต้นจากฟาร์มผัก พอเปิดให้คนเข้ามาจึงต้องมีสิ่งที่ดึงดูดให้คนได้เข้ามา เวลาที่นึกถึงฟาร์มผัก หลายคนจะนึกถึงพื้นที่แฉะๆ ไม่น่าเดิน แต่ผมอยากให้คนมองว่าฟาร์มผักก็สวยได้ บรรยากาศของที่นี่จะเหมือนกับฟาร์มหลังบ้านที่มีทั้งแปลงผัก เล้าหมู เล้าไก่ มีสัตว์ต่างๆ อย่างไก่พอเราเลี้ยงและมีร้านอาหาร ก็จะมีกิจกรรมให้เด็กๆ ลงมือเก็บไข่สดๆ เอง

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมป้อนหญ้าสัตว์ ซึ่งสัตว์ที่เลี้ยงในฟาร์มก็จะมีตั้งแต่แพะแคระปิ๊กมี่ คาปิบาร่า แล้วก็มีมาร่า สัตว์ฟันแทะขนาดใหญ่อันดับ 3 รองจากคาปิบาร่าและบีเวอร์ มาร์มอตกระรอกดินยักษ์ ทานุกิหรือแร็กคูนด็อก หมูพันธุ์แคระฮอลแลนด์ ใครมาก็สามารถป้อนกล้วยหมูได้ด้วย

ถ้ามากันแบบครอบครัวเราก็ทำพื้นที่เป็นสนามเด็กเล่น มีลานทรายให้เด็กเล่น (ไม่เก็บค่าใช้จ่าย) ส่วนพื้นที่ด้านหลังเป็นสวนมะพร้าว ก็มีการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ มีซุ้มไม้ไผ่สามารถมานั่งกินอาหารได้ หรือจะนั่งรถไฟจิ๋วชมสวนวิ่งไปรอบสวนมะพร้าว (ค่าบริการคนละ 60 บาท) และอนาคตก็จะมีสวนน้ำเล็กๆ เปิดบริการในโซนนี้ด้วย 

ด้วยความเป็นเกษตรกร ผมมองว่าเราต้องหาจุดที่สมดุลให้ได้ ผมพยายามทำเท่าที่ทำได้ ขายในราคาที่ผู้บริโภคไม่รู้สึกว่าแพงเกินไป แต่ก็ไม่ได้ถูกเกินไป เพราะทุกอย่างเป็นต้นทุน ถ้าเราจะรอคนกลางหรือคนที่สนับสนุนเกษตรกรก็ไปค่อนข้างยาก ฉะนั้นเราต้องหาจุดขายอื่นเข้ามาเสริม ปัจจุบันผู้บริโภคมีความรู้ ถ้าเราทำแบบเดิมๆ จะไปค่อนข้างยาก ถึงแม้เราจะฉีกแนวแต่ยังต้องยึดพื้นฐานเดิมๆ ง่ายๆ เราต้องพยายามทำให้คนได้เข้ามาเห็น เชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ ในเชิงเกษตรเราไม่ใช้เคมี เราไม่พ่นยา จึงต้องมีความเข้าใจตรงนี้ก่อนเพื่อที่จะตอบผู้บริโภคได้

ซอยเทียนทะเล 20/1 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
เปิดบริการวันอังคาร-ศุกร์ 10.30-21.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ 09.00-21.00 น. (ปิดวันจันทร์) https://www.facebook.com/AllWeatherFarmTH


You Might Also Like...