เสน่ห์ที่ทำให้ร้านกาแฟแห่งนี้ได้รับความนิยมจนตอนนี้ขยายสาขาไปยังแถบเอเชียในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฮ่องกง นั่นก็คือคุณภาพของเมล็ดกาแฟและรสชาติของกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์
ด้วยความประณีตในการชงกาแฟแบบสโลว์บาร์ ไม่รีบไม่ร้อนนี่เองทำให้ Blue Bottle Coffee เลือกประเทศที่มีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่สอดคล้องไปกับแบรนด์นั่นก็คือ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่นิยมการชงกาแฟแบบสโลว์บาร์มาค่อนข้างยาวนาน
แต่การเลือกทำเลในการขยายสาขาของ Blue Bottle Coffee แห่งนี้มีความต่างไปจากสาขาอื่นๆ นอกจากจะเป็นสาขาแรกของเกาะคิวชู ซึ่งอยู่ในย่านเทนจินของเมืองฟุกุโอกะแล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่าย่านเทนจินนั้นมีความคึกคักมีชีวิตชีวา เรียกว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งของเมืองนี้เลยทีเดียว แต่การออกแบบโครงสร้างของ Blue Bottle Coffee กลับสวนทาง โดยด้านหนึ่งของร้านหันหน้าไปทางถนนที่มีความพลุกพล่าน แต่อีกฝั่งหันหน้าไปทางศาลเจ้าเคโกะ (Kego) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่คนท้องถิ่นนิยมไปสักการะและไหว้ขอพรอยู่ตลอดเวลา
ร้านกาแฟแห่งนี้ที่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงสองอารมณ์ที่แตกต่าง ระหว่างสีสันแห่งความสนุกไปพร้อมๆ กับบรรยากาศแห่งความเงียบสงบของศาลเจ้า กลายเป็นร้านกาแฟที่มีจุดเชื่อมโยงของเมืองและศาลเจ้าที่ผสมผสานกันได้อย่างเหลือเชื่อ
สถาปนิกจาก CASE-REALได้จัดลำดับความสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงจากภาพบนถนนที่แสนวุ่นวายไปสู่เส้นทางของศาลเจ้า ส่วนเรื่องการตกแต่งภายในมีจุดกึ่งกลางที่เป็นเคาน์เตอร์บาร์อยู่ตรงกลาง รวมถึงฟังก์ชันอื่นๆ และพื้นที่เก็บของก็ถูกดีไซน์เอาไว้รอบๆ ซึ่งสถาปนิกพยายามออกแบบโดยดึงเอาคอนเซ็ปต์ของ Blue Bottle Coffee ในเชิงสัญลักษณ์ที่ชวนให้นึกถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์
จากนั้นก็เข้าสู่พื้นที่ของที่นั่งซึ่งอยู่ด้านใน โดยสถาปนิกได้ยกระดับความสูงไปทางศาลเจ้า ด้วยการสร้างบรรยากาศให้คนที่เข้ามาดื่มกาแฟรู้สึกถึงอารมณ์ที่ชวนสงบและผ่อนคลายในฝั่งของศาลเจ้า
สำหรับตำแหน่งที่หันหน้าเข้าสู่เมืองนั้นเลือกใช้วัสดุที่เป็นแผ่นซีเมนต์ ในขณะที่ด้านในพยายามออกแบบให้ตัวโครงสร้างมีความกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมของศาลเจ้า โดยใช้ไม้วอลนัทเข้ามาเป็นวัสดุหลัก สร้างความรู้สึกสงบและอ่อนโยน นับว่าเป็นการออกแบบร้านกาแฟที่ดูแล้วสอดคล้องในเรื่องของความแตกต่างแต่กลับลงตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์
Source: Architects: CASE-REAL